หลังจากคณะกรรมการ ทอท. มีมติเห็นชอบให้ ทอท. ดำเนินงานจ้างสำรวจออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ต่อไป
สิ่งที่สังคมไทยควรพิจารณา และรัฐบาล คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรตระหนัก
มีดังต่อไปนี้
1. ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ครั้งที่ 10/2561 เมื่อวันพุธที่ 19 กันยายน 2561 ณ สำนักงานใหญ่ ทอท.
ได้มีการรายงานความคืบหน้ากรณีที่บริษัท สแปน คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท ไซน์-เทค เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางพร้อมทั้งขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้คณะกรรมการทอท.ระงับการพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบผู้ชนะการประกวดแบบและราคานั้น ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอของผู้ฟ้องคดีที่ขอให้ระงับการพิจารณาอนุมัติหรือเห็นชอบให้ผู้ชนะการประกวดราคารับจ้างสำรวจออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
คณะกรรมการ ทอท.จึงมีมติเห็นชอบให้ ทอท.ดำเนินงานจ้างสำรวจออกแบบให้เป็นไปตามผลการพิจารณาจัดหา โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาจ้างสำรวจออกแบบฯ ได้ภายในเดือนกันยายน 2561
ดำเนินการออกแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 10 เดือน เพื่อ ทอท.จะนำแบบไปประมูลงานก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในปลายปี 2562 และแล้วเสร็จในปลายปี 2564
2. น่าคิดว่า คนไทยทั่วไปจะรู้สึกอย่างไร รับได้หรือไม่? กับการที่ ทอท.จะใช้เงินอีกมากกว่า 30,000 ล้านบาท สำหรับงานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ตามแบบที่ไม่ได้รับคะแนนสูงสุด แถมยังมีข้อครหา วิพากษ์วิจารณ์อยู่ด้วยว่า คล้าย หรือลอกเลียนแบบงานสถาปัตยกรรมจากญี่ปุ่น?
3. นอกจากนี้ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ณ ทำเลที่ตั้งตามโครงการนี้ ยังไม่ได้เป็นไปตามแผนผังแม่บทของสนามบินสุวรรณภูมิ (Master plan)
4. ต้นทุนของส่วนรวมจากกรณีนี้ ไม่ใช่แค่ค่าออกแบบ 329 ล้านบาท แต่ยังรวมถึงค่าก่อสร้างตามแบบอีก สามหมื่นล้านบาท และยังไม่รวมต้นทุนผลกระทบหากอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 นั้น ไม่ได้สอดรับกับมาสเตอร์แพลน แล้วเกิดความเสียหายต่อการพัฒนาสนามบินโดยรวม ดังที่ ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ระบุไว้ว่า ความกังวลใจของข้าพเจ้า ไม่ใช่เรื่องการโต้เถียงกันเนื่องจากการประกวดแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทว่ามันเกี่ยวกับคำถามต่อการตัดสินใจของการท่าอากาศยานที่จะสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ ขึ้นมาใหม่ (ณ ที่ตั้งด้านทิศตะวันออก) ซึ่งไม่สอดคล้องกับผังแม่บท อันจะนำไปสู่ความหายนะของสนามบินในอนาคต
5. ขอให้ท่านผู้อ่าน ได้ลองคิดตามข้อเขียนของสถาปนิกท่านหนึ่ง คุณยศพล บุญสม เขียนในเฟซบุ๊ค Yossapon Boonsom เสนอความคิดเห็นโดยปราศจากการด่าทอ หรือตำหนิใครทั้งสิ้น แต่หากผู้เกี่ยวข้องค่อยๆ คิดตาม น่าจะได้เห็นว่า ทางเลือกใดจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติส่วนรวม (เขียนไว้ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมแล้ว)
บางส่วนบางตอน ดังนี้
“... สิ่งที่ “คาดหวัง” กับสิ่งที่ได้บางครั้งมัน “ไม่ตรงกัน” อะไรที่ทำให้เป็นเช่นนั้น หรือเป็นเพราะเรามีวิธีให้ได้มาไม่สอดคล้อง มีเป้าหมายไม่ชัด หรือเพราะเรายังตกอยู่ในวิธีคิดแบบเดิมๆ
1. เป้าหมายที่คาดหวังหากแต่ยังไปไม่ถึง
สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อปี 2549 ด้วยคาดหวังว่าจะสามารถไต่ขึ้นเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกใน 10 อันดับแรกภายใน 5 ปีหลังเปิดทำการ ด้วยแนวคิด “Airport of Smile” ว่าจะมัดใจคนทั่วโลก นับจากวันที่เปิดจนผ่านมา 11 ปีแล้ว สนามบินถูกติติงในเรื่องคุณภาพของอาคารสถานที่และการให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐานในระดับสากล ทั้งเรื่อง ห้องน้ำ แอร์ ความสะอาดสวยงามของสถานที่ ป้าย signage คุณภาพร้านค้าและสินค้าในสนามบิน บริการของ taxi และอื่นๆ มากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ สนามบินสุวรรณภูมิถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 38 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา (2017)
ไม่ใช่แต่เรื่องคุณภาพสนามบินเท่านั้นที่เรา “พลาดเป้า” เรายังพลาดเป้าในเรื่อง “ขีดความสามารถ” ในการรองรับผู้โดยสารที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนที่วางไว้เราควรขยายสนามบินเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ 60 ล้านคนต่อปีเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปัจจุบันสนามบินเรารับได้เพียง 45 ล้านคน ซึ่งไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้โดยสารที่เข้ามาถึง 59 ล้านคนในปีที่ผ่านมา (2017) ทำไมเราถึงทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ ?
2. สนามบินที่ดีที่สุดของโลก
ในขณะที่สนามบินชางกี ของสิงคโปร์ สามารถครองตำแหน่งสนามบินที่ดีที่สุดในโลกมาเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ถ้าใครเคยไปจะพบว่า บรรยากาศที่นั่นราวกับเราเข้าไปเดินในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และได้รับบริการดีเยี่ยมราวกับโรงแรมชั้น1 ที่สำคัญสนามบินมีการปรับปรุง facility และการให้บริการตลอดเวลาให้ตอบรับกับความต้องการของผู้มาเยือน มีทั้งสระว่ายน้ำ สวนผีเสื้อ โรงภาพยนตร์ พื้นที่พักผ่อนทั้งในและนอกอาคารภายใต้บรรยากาศแบบ “city in the garden” ที่สะท้อน “ความเป็นสิงคโปร์” และในอนาคตอันใกล้กำลังจะเปิดส่วนที่เป็น landmark แห่งใหม่ที่ชื่อThe Jewel ซึ่งคือสวนในอาคารกระจกขนาดใหญ่รูปวงรีที่ผนวกกิจกรรม commercial กับ indoor botanical garden เพื่อเป็นอีกหนึ่ง “ที่หมาย” ที่สำคัญของสนามบิน นอกจากนั้น ยังมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้สนามบิน ที่ล่าสุด Terminal 4 ได้นำระบบ check in อัตโนมัติมาใช้ทั้งหมด เพราะสิงคโปร์มี “mindset” ว่า สนามบินนั้นไม่ใช่แค่อาคารรองรับผู้โดยสาร แต่คือ “ที่หมาย” (destination) ของคนทั่วโลกและชาวสิงคโปร์เอง และที่สำคัญคือ soft power ที่จะสื่อสารต่อคนทั่วโลกถึง “คุณค่า” ที่เขามี
...
5. สนามบินที่ดีไม่ใช่แค่อาคารที่ดี
สนามบินที่ดีเยี่ยมได้มาตรฐานระดับสากลนั้น คือ “องค์ประกอบสำคัญ” ต่อการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาคอันส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมันต้องถึงพร้อมทั้ง ประสิทธิภาพความปลอดภัย ระบบ infrastructure อาคารสถานที่และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ โดยมียุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนสนามบินที่ดี จึงไม่ใช่แค่มี “อาคารที่ดีหรือสวย” เป็นสำคัญ เพราะหาไม่แล้วการพัฒนาสนามบินโดยไม่มีกลไก แผน และวิสัยทัศน์ ที่ดีรองรับควบคู่กันไป มันจะนำไปสู่การทำผิดพลาด “ซ้ำรอย” เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่เราได้อาคารสนามบินสุวรรณภูมิใหม่เอี่ยมมาแต่กลับไม่สามารถใช้ facility นี้ ขับเคลื่อนได้อย่างมืออาชีพและมีพลังสู่การผลักดันไทยให้เป็น hub ทางการบินตามที่ “คาดหวัง” ไว้ได้
6. อาคารสนามบินที่ดีควรเป็นเช่นไร? อะไรที่คนไทยคาดหวัง
กรณีล่าสุด ต่อการจัดประกวดแบบอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ 90 ล้านคน ในปี 2021) ที่มีผู้เสนอผลงานมาเพียง 4 ราย อีกทั้งยังมีปัญหาในขั้นตอนการประมูลที่กำลังนำไปสู่การฟ้องร้อง รวมถึงรูปแบบของอาคารที่ได้รับเลือกกลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถตอบความ “คาดหวัง” ของสังคมไทยได้ในการเป็นตัวแทนแห่งการต้อนรับผู้คนในฐานะ gateway สู่ประเทศไทย
ในฐานะ “คนไทย” เราคาดหวังว่า อาคารสนามบินจะสะท้อน “คุณค่า” ที่ประเทศไทยมี คุณค่าที่ภาคภูมิที่ไม่มีที่ไหนเหมือน เพราะมันคือความประทับใจแรกที่คนต่างถิ่นจะพบ และเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนพลเมืองถึงความเป็นบ้านเมื่อมาถึงหรือกำลังจะเดินทางไกล นอกจากนั้น มันควรจะเป็นอาคารที่สะท้อน “คุณค่าใหม่” ต่อมวลมนุษยชาติในสิ่งที่ไทยเราอยากเป็นในอนาคต ถึงคุณค่าที่เราพยายามไปให้ถึงด้วยเช่นกัน
ซึ่งนี่อาจเป็นความคาดหวังที่จะ “ไม่เกิดขึ้น” กับอาคารสาธารณะอื่นใด นอกจากอาคารสนามบินที่เป็น “ประตู” เชื่อมไทยกับโลก
ที่สำคัญเรา “คาดหวัง” ว่า เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วสนามบินจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย พอๆกับอบอุ่นและเป็นมิตรกับผู้คน เรายังคาดหวังว่า แอร์จะเย็น สถานที่จะสะอาด มีห้องน้ำเยอะ ดูแลรักษาง่าย มีร้านค้าบรรยากาศดี มี signage ไม่รกรุงรัง มี taxi เป็นมิตร และเราคาดหวังจะเห็นการrestructure การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยสู่การบริหารจัดการแบบมืออาชีพอีกด้วย เพื่อที่ “เงินภาษี” เราจะได้ถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามีประสิทธิภาพ
7. สถาปัตยกรรมคือคำตอบ?
สถาปัตยกรรมมักเป็น “ปลายทาง” ของความ “คาดหวัง” และเป็นที่รวมของปัญหาที่สั่งสมมาจากแผนที่เร่งรัด งบประมาณที่จำกัด การบริหารที่ผิดพลาด และทุกคนคาดหวังว่า มันจะเป็น “คำตอบ” เพราะสถาปัตยกรรมคือสิ่งเดียวที่สามารถแปลงความคาดหวังออกมาเป็น “รูปธรรม”
หากแต่สถาปัตยกรรมไม่ใช่คำตอบต่อการเป็นสนามบินที่ดีได้ “ทั้งหมด” หากขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ขาดวิธีการให้ได้มาที่สอดคล้อง ขาดการวางแผนและบริหารจัดการที่ดีตั้งแต่ต้น และหลังจากนั้น
หากแต่สถาปัตยกรรม “ที่ดี” มันสามารถเอื้อในการเป็น “กลไก” ที่สำคัญเพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไขและเอื้อให้พันธกิจต่างๆ บรรลุเป้าหมาย ในการสร้างสนามบินที่ดี เพื่อให้ไทยเป็น ศูนย์กลางทางด้านการบินได้ ที่สำคัญสถาปัตยกรรม “ที่ดี”จะสื่อสารและสร้างแรงบันดาลใจอย่างมีพลังให้สังคมได้
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ปน “ความคาดหวัง” ที่เกิดขึ้นในสังคมต่ออาคารสนามบินแห่งที่ 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมินี้ กำลังจะนำไปสู่ “ความเป็นไปได้ใหม่” ถ้าทีมผู้ออกแบบผู้บริหารการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลจะ“เปิดใจรับฟัง” เพื่อ “ทบทวน” เป้าหมายและวิธีการ การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิให้สะท้อนสิ่งที่คนไทยคาดหวังได้มากกว่า “ที่เป็นอยู่” และนำไปสู่การพัฒนาสนามบินสู่สากลอย่างที่ทุกคนตั้งใจ ที่ต้องทำมากกว่าการสร้างอาคาร และ infrastructure ที่ดี
และที่สำคัญ มันย่อมดีกว่าที่มันจะเป็น “สนามบินที่คนไทยรักและภาคภูมิ” กว่าการเป็นอาคารหรือถาปัตยกรรมที่ยากจะตัดสินและเข้าใจจาก “คนไทย”....”
6. อาคารที่สร้างในวันนี้ มูลค่ากว่าสามหมื่นล้านบาท จะอยู่คู่กับประเทศไทยไปอีกนานเท่านาน คำตอบสุดท้าย คนไทยจะต้องส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล คสช. นายกฯ บิ๊กตู่ และ ทอท. ว่าจะตัดสินใจ “เชิงนโยบาย” อย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี