ได้พูดให้ฟังในตอนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการบริหารจัดการในการควบคุมกำกับการเดินเรือของ “เรือป๋า” โดยได้ยกคำกล่าวของป๋ามาให้ฟังในเรื่องที่ป๋าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ในภาวการณ์ที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพวิกฤติอย่างมากทุกด้าน แต่ป๋าสามารถนำ “เรือป๋า” ฝ่าวิกฤติต่างๆที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่าในขณะนี้มาได้อย่างราบรื่นนั้น ป๋าทำอย่างไร
วันนี้มาพูดให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับความแตกแยกของผู้คนในบ้านเมืองในขณะที่ป๋าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งปั่นป่วนวุ่นวายแบ่งพวกแบ่งกลุ่มรบราฆ่าฟันกันเองอย่างหนักกว่าสมัยนี้นั้น “เรือป๋า” สามารถแล่นฝ่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เกิดสันติสุขและเกิดความปรองดองรักใคร่กันมาด้วยความร่วมมือร่วมใจซึ่งกันและกันนั้น ป๋าจัดการกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร
คำพูดที่ว่า “เราจะไปรอดหรือไม่” เป็นคำพูดที่ออกจากปากต่อปากกันอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น ซึ่งเหมือนกับที่กำลังได้ยินได้ฟังกันอยู่ในขณะนี้อีกครั้งหนึ่งไม่มีผิดที่ว่า “บ้านเมืองของเราจะออกกันทางไหน” เพราะทุกสิ่งทุกอย่างดูมันยุ่งยากวุ่นวายไปหมด
ในระยะที่ป๋าขึ้นมารับผิดชอบบ้านเมืองในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น สถานการณ์ของบ้านเมืองระส่ำระสายไปด้วยการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่ายของผู้คน ซึ่งเกิดจากการยุยงปลุกปั่นของคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการหนุนช่วยจากพรรคคอมมิวนิสต์นอกประเทศ แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของคอมมิวนิสต์ไปจนหมด
ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ประดังกันเข้ามาให้แก้ไข มีขบวนการแบ่งแยกดินแดนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับการสนับสนุนจากนอกประเทศ มีพวกโจรจีนคอมมิวนิสต์จากมาเลเซียแอบเข้ามาหลบซ่อนในเขตไทย
พื้นที่ทางภาคเหนือนั้น นอกจากเกิดการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ไทยในหลายจังหวัด รวมทั้งทางภาคอีสานและภาคกลางแล้ว ปัญหาที่เกิดจากชนกลุ่มน้อยในพม่าที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศไทยก็เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน จากการต่อสู้ของพวกชนกลุ่มน้อยในพม่ากับรัฐบาลพม่า และหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย
นี่คือภาพรวมของสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น ซึ่งเผชิญหน้า “เรือป๋า” ในขณะที่ป๋าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี
และที่สำคัญที่สุดในขณะนั้นคือเรื่องความแตกแยกของผู้คนในบ้านเมือง ทั้งที่เกิดจากการยุยงส่งเสริมของคอมมิวนิสต์ และเกิดจากความไม่เป็นธรรมในการแก้ไขปัญหาของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่เหมารวมผู้ไม่เห็นด้วย หรือมีความคิดต่างจากฝ่ายปกครองจนเกิดการไล่จับไล่ฆ่ากัน จนคนเหล่านี้โดยเฉพาะนิสิตนักศึกษา และปัญญาชนจำนวนมากต้องหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าเขา หรือหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก
“ถ้าเราไม่สามารถแยกได้ว่า คนไหนเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และคนไหนไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์แล้ว เราคงไม่สามารถต่อสู้กับปัญหานี้ได้สำเร็จ คงจะต้องยิงกับเขาทุกวัน ยิงผิดบ้างยิงถูกบ้าง บางครั้งยิงพวกเดียวกันเองก็ได้ ทำอย่างไรเราจะรู้ว่าคนไหนเป็นคนดีและคนไหนเป็นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เราต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ ”
เป็นคำพูดของป๋าในขณะนั้น
เป็นคำพูดที่นำไปสู่การรู้จักแยกแยะคนถูกคนผิด คนดีคนไม่ดีให้ออกจากกันให้ได้ นำมาซึ่งแนวทางของการสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และนำมาซึ่งการใช้ “การเมืองนำการทหาร” ในการแก้ไขปัญหาความแตกแยกของผู้คนในบ้านเมือง
ไม่ใช้อำนาจอย่างเหิมเกริมโดยไม่รู้จักแยกแยะ
นำมาซึ่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมตรีที่ 65/25 ว่าด้วยแนวทางการแก้ปัญหาความแตกแยกเพื่อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติด้วยวิธีการบริหารจัดการในการแยกแยะคนถูกคนผิดออกให้ชัดเจน
นิสิตนักศึกษาและปัญญาชนจำนวนมากที่หลบหนีไปอยู่ในป่าหรือหลบหนีไปอยู่ในประเทศข้างเคียง ทยอยเดินทางกลับเข้ามาอย่างปลอดภัยภายใต้การบริหารจัดการของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ที่ถือปฏิบัติตามแนวทางนี้ เพราะไม่ใช่ผู้กระทำผิดในการจับอาวุธต่อสู้ฆ่าเจ้าหน้าที่หรือผู้อื่น เพียงแต่มีความคิดความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีบริหารจัดการที่ไม่เป็นธรรมของรัฐ ซึ่งใครคิดเห็นอย่างไรไม่ตรงกับผู้มีอำนาจหรือเจ้าหน้าที่แล้ว คนนั้นมีความผิดนั่นเอง
นิสิตนักศึกษา และปัญญาชนที่เดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนของตนได้เหล่านี้ หลายต่อหลายคนในเวลาต่อมาได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของตนอย่างดียิ่ง บางคนกลับไปสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย มีลูกศิษย์ลูกหามากมายในขณะนี้บางคนไปเรียนต่อต่างประเทศ บางคนกลับมาประกอบอาชีพทางธุรกิจ มีความเจริญรุ่งเรืองอยู่ในทุกวันนี้
ความแตกแยกของผู้คนในบ้านเมืองที่เคยเกิดขึ้นหายไป
ความปรองดองและอยู่ร่วมกันในชาติกลับคืนมา
หลายคนกลับมาเป็นนักการเมืองที่ทำคุณประโยชน์แก่ส่วนรวมของบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
“เรือป๋า” นำพาผู้คนที่โดยสารมากับเรือถึงฝั่งอย่างปลอดภัย และขึ้นบกทำมาหากินในอาชีพต่างๆมาอย่างเจริญรุ่งเรือง สามารถลบความแตกแยกซึ่งกันและกัน หันหน้าเข้าหากันด้วยความรักความสามัคคีปรองดอง ก็เพราะการควบคุมกำกับการเดินเรืออย่างนี้
“เรือแป๊ะ” ก็ควบคุมโดยทหารเหมือนกันควรเอาอย่าง
อย่าแล่นเรือไปในทิศทางตามใจชอบและใช้อารมณ์ เพราะจะไปไม่ถึงจุดหมาย และไม่มีใครอยากได้คนอย่าง “แป๊ะ” มามีอำนาจกำกับควบคุมเรืออีก
ยังมีเรื่องและวิธีการควบคุมกำกับการเดินเรือของ “เรือป๋า” ที่บริหารจัดการในเรื่องต่างๆอีกหลายเรื่องที่น่ารู้แล้วจะเล่าให้ฟังอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการแก้ไขปัญหาความทุจริต โดยไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับปราบโจร
(อ่านต่อวันศุกร์)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี