เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 3 เมษายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปเขื่อนแก่งกระจาน ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ทรงติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการน้ำของโครงการเขื่อนแก่งกระจาน ที่ยังประโยชน์ด้านภาคการเกษตรกว่า 3330,000 ไร่ ช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ เพื่อการอุปโภค บริโภค ตั้งแต่ปากอ่าวเพชรบุรีจนถึงหัวหิน และช่วยบรรเทาอุทกภัยในทุ่งเพชรบุรี นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
โอกาสนี้ ทรงประทับแพขนานยนต์ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรระดับน้ำของเขื่อนแก่งกระจาน และความอุดมสมบูรณ์ของสภาพป่า การสร้างเขื่อนแก่งกระจาน ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร เก็บกักน้ำได้ 710 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหลังการสร้างเขื่อนภูเขาหลายลูกจมอยู่ใต้น้ำ เหลือเพียงยอดที่โผล่พ้นน้ำกลายเป็นเกาะมากกว่า 30 เกาะ โดยเกาะที่แพขนานยนต์ที่ประทับวนรอบคือ “เกาะในหลวง” เป็นเกาะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินไปประทับเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2516 ปัจจุบันยังคงอนุรักษ์และซ่อมแซมพลับพลาที่ประทับให้สวยงาม ดูแลสภาพป่าให้สมบูรณ์มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ จากนั้นแพขนานยนต์ที่ประทับยังล่องผ่านเกาะราชบุรี เรื่อยไปจนถึงบริเวณสันเขื่อนแก่งกระจาน
ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่เขื่อนแก่งกระจานนี้กว่า 2 ชั่วโมง กระทั่งเวลา 13.29 น. จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประทับ ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์