จากกรณี ด.ญ.อธิตยา เพชรดอน หรือน้องการ์ตูน อายุ 6 ปี ถูกลักพาตัวและฆาตกรรมบริเวณพงหญ้า ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เมื่อปลายปี 2556 ซึ่งในเวลาต่อมา ตำรวจสามารถจับกุม นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง (ไม่ทราบนามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ และจากการสืบสวนย้อนหลัง พบว่าเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง สะท้อนให้เห็นว่า ภัยจากอาชญากรรมประเภท “ฆาตกรต่อเนื่อง” (Serial Killer) ที่เคยเห็นแต่ในภาพยนตร์หรือข่าวต่างประเทศ อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวสังคมไทยอีกต่อไป
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) จึงมีแนวความคิดที่จะประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) ในการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ได้ศึกษาพฤติกรรมศาสตร์ของคนร้ายในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง เพื่อหาทางป้องกันเหตุร้ายลักษณะดังกล่าว
จึงเป็นที่มาของ “โครงการอบรมการสืบสวนพิเศษ (FBI investigation Course)” เมื่อวันที่ 17-19 เม.ย. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้มี นายโจ ฟอนเซก้า (Mr.Joe Fonseca) เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ FBI สหรัฐอเมริกา มาเป็นวิทยากรให้ความรู้
“ตำรวจไทยยังขาดความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง เช่น การสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง จึงมีแนวความคิดที่จะประสานกับผู้เชี่ยวชาญจากหน่วย FBI เพื่อร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกัน จากการปฏิบัติจริง (Learning by doing) โดยสามารถนำความรู้ไปขยายผลเผยแพร่ความรู้ต่อไป เป็นก้าวย่างสำคัญ เพื่อผลิตต้นแบบของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการสืบสวน ให้มีความรู้ความสามารถเพียบพร้อมตามแนวทางการสืบสวนสมัยใหม่ที่อาศัยหลักวิชาการ” ผบช.ก. กล่าว
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมรับฟังการอบรมและสัมมนาเชิงวิชาการในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนตำรวจระดับ รอง สว. จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กองบัญชาการตำรวจภูธร (บช.ภ.) 1-9 และศูนย์บริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) รวม 20 นาย มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดจากวิทยากร ข้อแนะนำขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ตั้งแต่รับแจ้งเหตุ กระบวนการสืบสวนสอบสวนค้นหาความจริง ตลอดจนการเป็นพยานในชั้นพิจารณาคดี
นายโจ ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ผู้เชี่ยวชาญคดีเกี่ยวกับอาชญากรรมเด็ก ระบุว่า ในสหรัฐอเมริกา การที่เด็กหายไปถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเด็กถูกลักพาตัวในทุกกรณีไป แม้ว่าภายหลังอาจพบว่าไม่ใช่การลักพาตัว แต่เป็นเพียงการหลบซ่อนพ่อแม่-ผู้ปกครอง เท่านั้น ทั้งนี้ “ฐานข้อมูลเด็กหาย” ไม่ว่าของตำรวจหรือหน่วยงานอื่นๆ มีความสำคัญในการสืบสวนคดีเป็นอย่างมาก
“ประเทศสหรัฐอเมริกา จะให้ความสำคัญกับเรื่องฐานข้อมูลเด็กหาย เพราะเรามีพื้นที่กว้างใหญ่ การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องประสานงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ กรณีเด็กหายทุกรายจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกลักพาตัว เพื่อการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมีความรอบคอบรัดกุมมากที่สุด”
ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมเด็ก FBI กล่าว ถึงกระนั้น ลำพังตำรวจเพียงหน่วยงานเดียวคงไม่สามารถสืบสวนจนปิดคดีลงได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากประชาชน โดยเฉพาะเครือข่ายชุมชนที่จะต้องเข้ามามีส่วนรวม เพราะคนในชุมชนจะให้ข้อมูลทางกายภาพได้ดีที่สุด ทั้งนี้หลายคดีที่คลี่คลายลงได้ในสหรัฐฯ ก็เพราะความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนที่ให้ข้อมูลข้อเท็จจริง
“ต้องอย่าลืมว่า กรณีเด็กหาย อาจเกิดจากบุคคลในครอบครัวเองก็เป็นได้ การสอบสวนจะต้องแยกกันสอบระหว่าง พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้ที่ใกล้ชิดกับเด็ก ยังต้องถือเป็นบุคคลต้องสงสัย อย่าลืมว่าอาชญากรรมเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นคนใกล้ตัว อาชญากรรมไม่เลือกเชื้อชาติ ไม่เลือกการนับถือศาสนา
จึงเป็นสิ่งที่ตำรวจต้องเข้าใจในการทำงานเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ปกป้องผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อโดยเฉพาะเป้าหมายที่อ่อนแออย่างเด็ก อย่างไรก็ดี การที่ตำรวจไทยที่เข้าร่วมการอบรมครั้งนี้ เดินทางมาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ นับเป็นโอกาสที่ดีในการประสานความร่วมมือเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการสืบสวนคดีดังกล่าว” นายโจ ให้ความเห็น
ด้าน พ.ต.ท.บุรินทร์ สว.กก.4 บก.ป.กล่าวว่า จากกรณีการจับกุมนายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ไม่ทราบนามสกุล ผู้ต้องหาฆ่าน้องการ์ตูน แม้ว่าตามกระบวนการของกฎหมายจะมีการพิจารณาคดีในชั้นศาลไปแล้ว แต่ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่าคนร้ายรายนี้เคยก่อเหตุกับเด็กมากี่คนกันแน่ และเป็นไปตามที่ได้ให้การว่าลงมือมาแล้ว 4-5 ราย เท่านั้นจริงหรือไม่
บุคคลเหล่านี้นับเป็นบุคคลอันตรายในสังคม ซึ่งยังมีอีกหลายราย โดยที่เราไม่อาจทราบได้เลยว่าใครเป็นคนร้าย ใครเป็นอาชญากร คนบริสุทธิ์ในสังคมอาจต้องเผชิญกับบุคคลเหล่านี้ได้ตลอดเวลาในการใช้ชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่สังคมต้องช่วยกันคิด ช่วยกันหาวิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
“จะทำอย่างไรที่จะสามารถแยกบุคคลกลุ่มเสี่ยง หรือคนร้ายที่แฝงตัวปะปนอยู่กับคนทั่วไป เอาตัวเขามาบำบัดรักษา หรือใช้วิธีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพื่อลดปัญหาที่สร้างความโศกสลดต่อสังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนหนังม้วนเก่าที่กลับมาฉายใหม่ เฉกเช่นสภาพสังคมในทุกวันนี้” พ.ต.ท.บุรินทร์ กล่าว
นอกจากเป็นการเตรียมรับมือภัยคดีฆาตกรรมต่อเนื่องแล้ว การเชิญวิทยากรจาก FBI มาในครั้งนี้ ยังเป็นการให้ความรู้ถึงกระบวนการทำงานของตำรวจที่เป็นสากล อันนำไปสู่การค้นพบความจริงของคดีในทุกมิติ มีมุมมองการทำงานที่ไม่ยึดเพียงการใช้กำลัง ใช้อาวุธในการจับกุม อีกทั้งยังเป็นการลดปัญหาการจับกุมคนร้ายผิดตัว ทำให้ไม่ต้องเป็นมรดกบาปที่จะเกิดขึ้นกับวงการตำรวจไทยในอนาคตด้วย ซึ่งการอบรมครั้งนี้อธิบายในทุกขั้นตอนตั้งแต่รับแจ้งเหตุ กระบวนการสืบสวนสอบสวนค้นหาความจริง ตลอดจนการเป็นพยานในชั้นพิจารณาคดี
“ในอดีตที่ผ่านมา การคลี่คลายคดี ตำรวจมักจะใช้วิธีการที่สุ่มเสี่ยงกับการกระทำผิดเสียเอง ซึ่งแต่นี้ไปนับเป็นโชคดีของประชาชนคนไทย ที่ตำรวจคลื่นลูกที่ 3 ได้มาเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ และจะได้รับการถ่ายทอดวิธีการทำงานที่ถูกต้องเป็นสากลไปใช้ ซึมซับให้เพื่อนร่วมงานเห็นเป็นแบบอย่าง การทำงานของตำรวจจำเป็นต้องมีความรู้เป็นอย่างมาก ตำรวจที่ดีจึงควรต้องมั่นหาความรู้และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อตำรวจเราทำงานตามหน้าที่อย่างเต็มที่ ตามหลักความรู้ที่ถูกต้อง ย่อมส่งผลสำเร็จในการทำงาน เช่น การสามารถสืบจับคนร้ายได้ นอกจากจะได้รับผลงานแล้ว อีกทางหนึ่งก็จะได้รับคำขอบคุณสรรเสริญจากญาติพี่น้องของผู้สูญเสีย ได้บุญกุศลมหาศาล และที่สำคัญก็จะทำให้ประชาชน รวมถึงสังคมและประเทศชาติสงบสุขด้วย” ผบช.ก. กล่าวทิ้งท้าย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี