เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา คณาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ นำทีมโดย ท่านอาจารย์ ดร.นิวัตน์ สวัสดิ์แก้ว รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและชุมชนสัมพันธ์ และคณบดีคณะรัฐศาสตร์ และรักษาการคณบดีคณะนิติศาสตร์ ได้เดินทางไปพบกับท่านรองศาสตราจารย์ไพรัช ตระการศิรินนท์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ และคณาจารย์ในคณะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบริบทของการศึกษา การพัฒนาการเรียนการสอน
โดยมีประเด็นที่สนใจในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นผลร้ายต่อระบบเศรษฐกิจ และอนาคตของประเทศชาติ จะว่าไปแล้ว แนวคิดดังกล่าว ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย เหนืออย่างเชียงใหม่หรือใต้อย่างหาดใหญ่ สงขลา ก็สะท้อนความคิดเห็นที่เหมือนกันว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก และไม่ควรที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำไป
ดังนั้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จึงตระหนักในเรื่องนี้มาก โดยมีการบรรจุเป็นรายวิชา การต่อต้านการทุจริต เป็นวิชาหลัก และสอนสอดแทรกในรายวิชาอื่น ๆ ในหลายคณะ เพื่อปลูกฝังค่านิยมในทางที่ถูกที่ควร และเรียนรู้ผลร้ายที่จะเกิดกับตนเองและประเทศชาติในอนาคต นอกจากจะเรียนทฤษฎีแล้ว ยังมีการเรียนภาคปฏิบัติ มีการศึกษากรณีศึกษาต่าง ๆ ควบคู่ไปกับงานวิจัย เป็นผลให้การเรียนการสอน มีประสิทธิผลในเชิงบูรณาการเป็นอย่างมาก
จากกรณีศึกษาปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นในบ้านเรามีจำนวนมาก ที่ส่งผลร้ายต่อปัญหาบ้านเมืองอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว หากมองย้อนไปในอดีตถึงปัญหาคอร์รัปชั่น นั้น มีมานานในทุกยุคทุกสมัย โดยบทวิจารณ์หนังสือ เรื่อง The Dilemma of Corruption in Southeast Asia ที่วิจารณ์โดย รศ.ดร.โกสุมภ์ สายจันทร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มองว่า “การคอร์รัปชั่นในยุคอาณานิคม เป็นที่มาของการคอร์รัปชั่นทางการเมืองในปัจจุบัน”
ผู้ปกครองประเทศ ได้ใช้ทรัพยากรทางการเมือง และสินค้าเพื่อประโยชน์ส่วนตน เห็นได้จากการค้าของประเทศในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์กับต่างประเทศ จะผูกขาดโดยเจ้าผู้ปกครองและขุนนางของตน บ้างก็เป็นเจ้าของเรือสินค้าเอง และส่งออกผลผลิตของตน หรือของชาติให้กับพ่อค้าอาหรับ อินเดีย และจีน ซึ่งเข้ามาค้าขายด้วยเป็นเวลาหลายศตวรรษ ก่อนการเข้ามาของพวกยุโรปมหาอำนาจ
เจ้าอาณานิคมได้เข้าครอบครองภูมิภาคนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพยากรและสินค้าราคาถูก หรืออาจไม่ต้องจ่ายเลย เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน เครื่องเทศ สิ่งทอ เหมืองแร่ หรือตักตวงเอาแร่ธาตุ ตลอดจนทรัพยากรน้ำมัน เพื่อนำไปพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทตนเอง ประเทศในเอเชียอาคเนย์ ที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคมในอดีต ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนสถานะจากอาณานิคม มาเป็นรัฐที่ปกครองตนเอง ก็ไม่ได้ทำให้พฤติกรรมการคอร์รัปชั่นที่มีมาตั้งแต่ครั้งเป็นอาณานิคมหมดสิ้นไป
การคอร์รัปชั่นทางการเมืองของกลุ่มประเทศเอเชียอาคเนย์ได้เพิ่มอย่างรวดเร็ว แม้ว่าประเทศเหล่านี้ จะมีระบอบการปกครองยุคหลังอาณานิคมที่แตกต่างกัน แต่การคอร์รัปชั่นก็ยังคงมีอยู่ และเพิ่มจำนวนรูปแบบที่หลากหลายในเกือบทุกประเทศของภูมิภาคนี้
ตัวอย่างของการคอร์รัปชั่นทางการเมืองประกอบไปด้วย การลุแก่อำนาจ และการผูกขาดอำนาจ การใช้ตำแหน่งหน้าที่ หรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว พวกพ้อง และพรรคการเมืองของตน การซื้อเสียง การใช้เงินรัฐเพื่อหาเสียงเลือกตั้ง การโกงการเลือกตั้ง การติดสินบน การใช้อิทธิพลข่มขู่ รวมทั้งการใช้องค์กรต่อต้านการคอร์รัปชั่น และกฎหมายเป็นเครื่องมือในการกำจัดกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เพื่อจะได้ชนะการเลือกตั้ง และอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองนาน ๆ
แสดงให้เห็นแล้วว่า การคอร์รัปชั่น นั้น มีมานานมากแล้ว ตั้งแต่ในอดีต และมีทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในเอเชียอาคเนย์
ซึ่งการคอร์รัปชั่นก็มีหลากหลายรูปแบบ มีผลกระทบร้ายแรงต่อสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ระบบราชการ ประเทศไทยของเรา ถึงแม้จะไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของนักล่าอาณานิคมประเทศใดเลย แต่สิ่งที่พบในปัจจุบัน บ้านเมืองเราวุ่นวายมาก ก็เพราะเรื่องดังกล่าว เกือบทุกรัฐบาลที่เข้ามาปกครองแสวงหาผลประโยชน์อันมากมายมหาศาล บ่อนทำลายให้สังคม เศรษฐกิจ พังพินาศ ประเทศชาติขาดการพัฒนา
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร บ้านเมืองของเราจะถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ขาวสะอาด ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น ในทุกระดับชั้น หรืออย่างน้อยก็ให้มองว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ ดังนั้น ความจำเป็นในการศึกษารายวิชา ว่าด้วย การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงเห็นควรส่งเสริม บรรจุให้นักศึกษาในทุกคณะ โดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษา เรียนรู้รูปแบบ พฤติกรรม การแสวงหาผลประโยชน์ทั้งภาครัฐและเอกชน
อย่างน้อยนักศึกษาที่ผ่านกระบวนการรายวิชานี้ จะเป็นต้นแบบให้กับตนเอง และขยายผลไปสู่ครอบครัวและสังคมที่ดีต่อ ๆ กันไป อันส่งผลให้ประเทศของเราได้ขยับอันดับโปร่งใส ขาวสะอาดขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างไรก็ดี มีข้อเสนอแนะต่อการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นในเชิงวิชาการ ดังนี้
1. ผู้รู้ หรือสถาบันทางวิชาการ ควรแสดงบทบาทสำคัญในการรณรงค์ ปราบปรามการคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง และทำให้สังคมสนใจกับปัญหาเหล่านี้ สร้างความซื่อสัตย์ โปร่งใส รวมถึงการเปลี่ยนประเพณีเดิมๆ ที่มองความสะดวกสบาย ด้วยการจ่ายสินจ้าง ก็จะช่วยแก้ปัญหาในเบื้องต้นได้
2. การคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาระดับประเทศ ที่ทุกหน่วยงานต้องช่วยกันแก้ไข ทั้งภาครัฐและเอกชน
3. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และสร้างวัฒนธรรมประเพณีปฏิบัติอันดีงาม จะส่งผลให้ความรับผิดชอบต่อสังคมสูงขึ้น ถึงแม้จะใช้ระยะเวลาอันยาวนาน ก็ต้องทำ เปรียบเสมือนว่า (ดีกว่าอยู่เปล่า ๆ หรือปล่อยมันไปเถอะ เดี๋ยวก็ชินไปเอง)
ผู้เขียนก็หวังว่า หากการศึกษาที่ดีมีคุณภาพ สอดแทรกรายวิชา รู้คิด รู้ธรรม รู้สำเร็จ และการปฏิบัติตนของคนในชาติ เป็นในแนวทิศทางเดียวกัน ก็จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ บ้านเมืองต่อไป
อาจารย์นุกูล ชิ้นฟัก
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี