ผู้ใช้แรงงาน ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโตอยู่ได้ ทั่วโลกล้วนเห็นความสำคัญของแรงงาน จึงกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม ของทุกปีเป็น “วันแรงงานสากล” และสำหรับประเทศไทยก็ถือเป็นวันแรงงานแห่งชาติด้วย
ที่ผ่านมาแม้แรงงานจะมีการเรียกร้อง จนมีสวัสดิการที่ดีขึ้นมาตามลำดับ แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่ต้องเพิ่มเติมในอนาคต เช่นการเข้าถึงความคุ้มครองทางสังคมโดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานนอกระบบ หรือการพัฒนาความรู้ของแรงงาน เพื่อให้เป็นแรงงานที่มีคุณภาพมากกว่าเป็นอยู่ขณะนี้
ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รองประธานกรรมการ สสค. คนที่ 2 กล่าวในงานเสวนา “แรงงานไทยกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต” จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ณ ศูนย์ประชุมอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี 7 พ.ค. 2557 อ้างอิงผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.)
พบว่ามีความแตกต่างในระดับการศึกษา ระหว่างแรงงานในระบบกับนอกระบบพอสมควร กล่าวคือ ในขณะที่แรงงานในระบบส่วนใหญ่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษามากที่สุดถึงร้อยละ 31.0 แต่แรงงานนอกระบบที่จบถึงชั้นอุดมศึกษา มีเพียงร้อยละ 7.1 เท่านั้น ตรงกันข้าม แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่ร้อยละ 65.9 ไม่เคยเรียนหนังสือหรือเรียนจบเพียงระดับประถมศึกษา รองลงมาร้อยละ 15.1 จบการศึกษาสูงสุดชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และร้อยละ 11.7 จบการศึกษาสูงสุดชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ขณะที่ รศ. ดร. ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่าการพัฒนาคุณภาพของแรงงานนอกระบบด้านการศึกษา น่าจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการแก้ไขปัญหาแรงงานนอกระบบของประเทศ และเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างความคุ้มครองทางสังคมของแรงงานนอกระบบด้วย
“การจะปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกบางอาชีพควรจะต้องมีการศึกษาให้ชัดเจนก่อน ต้องศึกษาว่าอาชีพอะไรมีคนไทยรองรับอยู่เท่าไหร่ และงานที่เขาทำอยู่นั้นมีมากน้อยเพียงใด อย่าไปมองเฉพาะว่าเป็นงานทั้งปี เพราะหลายอาชีพที่ผ่อนผันไป กลายเป็นงานที่คนไทยทำเป็นอาชีพเสริม โดยเฉพาะอาชีพภาคเกษตรหรือภาคนอกระบบ ซึ่งเป็นการทำงานตามฤดูกาล ฉะนั้นการออกกฎหมายบางอย่างต้องดูให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อคนไทยกลุ่มนี้และเป็นคนที่ยกระดับตัวเองได้ยากมาก เพราะความรู้น้อย”
อ.ณรงค์ ให้ความเห็น ทั้งนี้จากข้อมูลระดับการศึกษาของแรงงานนอกระบบข้างต้น แรงงานประมาณ 13-14 ล้านคน จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ในจำนวนนี้ 7 ล้านคนไม่จบระดับประถม มีอาชีพคือการใช้แรงงานหรือการทำงานฝีมือที่ถ่ายทอดกันมา ส่วนแรงงานแท้จริงในภาคเกษตรมีไม่เกิน 1.7 ล้านคน
แต่ในช่วงฤดูกาลจะมีคนงานเพิ่มเป็น 3 ล้านคน นั่นหมายความว่า คนเกือบ 2 ล้านคน ที่เพิ่มมานั้นคือคนที่มาหารายได้เสริมในช่วงฤดูกาล ดังนั้นการจะออกกฎหมาย-กฎระเบียบอย่างไร ควรดูข้อเท็จจริงของตลาดให้ชัดเจน มิฉะนั้นจะสุ่มเสียงต่อการทำให้คนไทยยากจนลงไปอีก
นอกจากแรงงานไทยแล้ว เรายังมีแรงงานข้ามชาติอีกมากมาย ที่เข้ามาทำงานบางประเภทที่คนไทยไม่ทำ หรืองานประเภท 3D (Dirty=สกปรก , Dangerous=อันตราย , Difficult=ยากลำบาก) เช่นก่อสร้าง ประมง หรือแรงงานภาคเกษตร ซึ่ง นายพงศ์ศักดิ์ วัชระนุกูลกัยรติ กรรมการสถาบันส่งเสริมขีดความสามารถมนุษย์ เสนอแนะว่า มาตรฐานสิทธิแรงงานของคนกลุ่มนี้ควรจะทำให้เท่าเทียมกับแรงงานในภาคส่วนอื่นๆ ด้วย เพราะจะทำให้บรรยากาศการทำงานดีขึ้น จนคนไทยมีทัศนคติที่ดีกับงานเหล่านี้ในที่สุด
“สิ่งที่รัฐต้องทำโดยเร่งด่วนคือ การเอาจริงเอาจังกับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้มีประสิทธิภาพให้ได้ ดูแลสิทธิของแรงงานต่างด้าวให้ครบถ้วน เช่น สิทธิในการรวมตัว การต่อรอง การศึกษา การรักษาพยาบาล การประกันสังคม เพื่อให้เป็นแรงงานคุณภาพเช่นเดียวกับคนไทย เมื่อเป็นเช่นนี้ สภาพแวดล้อมในการทำงานจะดีขึ้น จะทำให้ทัศนคติของคนไทยต่องาน 3D เปลี่ยนไปได้ แรงงานไทยจะมีโอกาสทำงานได้มากขึ้นในงานบางประเภท ซึ่งใช้แรงงานต่างด้าวอยู่ในปัจจุบัน” คุณพงศ์ศักดิ์ ฝากทิ้งท้าย
ปัจจุบันแม้แรงงานจะได้รับความคุ้มครองมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม เห็นได้จากยังมีความแตกต่างระหว่างแรงงานในระบบ (อยู่ในสถานประกอบการ มีการขึ้นทะเบียนเป็นทางการ) กับแรงงานนอกระบบ (แรงงานอิสระ เช่นผู้รับจ้างทำงานทั่วไป หรือรับงานไปทำที่บ้าน) เช่นระบบสวัสดิการสังคม เห็นได้จากทุกวันนี้ ผู้ประกอบการหลายรายเลือกลดต้นทุนโดยหันไปใช้แรงงานนอกระบบมากขึ้น เพราะไม่ต้องจ่ายสวัสดิการให้ครบถ้วนอย่างที่จ่ายให้แรงงานในระบบ
หรือการเข้าถึงการศึกษา ก็เป็นอีกความเหลื่อมล้ำที่ต้องเร่งแก้ไข หากต้องการยกระดับประเทศไทย ให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ โดยต้องมุ่งการกระจายประโยชน์อย่างเท่าเทียม และต้องมองประชาชนที่ลำบากเป็นเกณฑ์ในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ
เพราะประชาชนที่เข้มแข็งและมีความรู้เท่านั้น คือทุนที่มีพลังในการขจัดความยากจนได้อย่างยั่งยืน
วิภาดา มาลีหวล
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี