แผนผังเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง เดิม ในเวบไซต์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ระบุชัดว่า ที่ตั้งของสถานีหลักสี่อยู่บริเวณใกล้สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์
ความไม่ชอบมาพากลในการ”ย้าย”ที่ตั้งสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ช่วงสถานีหลักสี่ จากเดิมที่มีแผนจะก่อสร้างตัวสถานีบริเวณถนนกำแพงเพชร 6 ใกล้กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ขยับไปสร้างที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์แทน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่โครงการที่อยู่อาศัยของ บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล”ชินวัตร” ทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัยเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในสังคมอย่างมาก
ข่าวดังกล่าว ทำให้เกิดการตั้งข้อสงสัยว่า การย้ายตัวสถานีรถไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีเหตุผลเพียงพอ ก่อนสร้างก็ต้องศึกษาผลกระทบให้ชัดเจนเสียก่อน การเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอย่างฉับพลัน จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ กรณีนี้จึงถูกมองว่า มีการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของตระกูลชินวัตรหรือไม่
เรื่องนี้ไม่ใช่คิดกันขึ้นมาลอยๆ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันมาแล้ว คือ การทุบสะพานลอยบริเวณใกล้แยกหลักสี่ทิ้ง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ภาคธุรกิจ ในยุครัฐบาลทักษิณ หลังจากคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร สมัยเป็นภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น เข้ามาซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามวัดหลักสี่ ทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรระดับหรูหรา ภายใต้แบรนด์บริษัทเอสซี แอสเสท แล้วเห็นว่า สะพานลอยดังกล่าวบดบังภูมิทัศน์ทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรดังกล่าว
ดังนั้น เมื่อมีแนวโน้มจะเกิดปัญหาลักษณะเดียวกันขึ้นอีกครั้ง “แนวหน้า”จึงพยายามเสาะหาความจริงจากฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เริ่มจากวิศวกรตรวจสอบงานก่อสร้าง บริษัท ทีมกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ซึ่งควบคุมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) รับผิดชอบดูแลช่วงสถานีหลักสี่ ได้รับคำตอบว่า จะมีการย้ายจุดก่อสร้างสถานีจริง โดยอ้างตอนแรกว่า เนื่องจากจุดก่อสร้างในแผนเดิม บริเวณถนนกำแพงเพชร 6 นั้น สำรวจพบว่า ใต้พื้นถนนบริเวณแยกหลักสี่มีท่อแก๊สของปตท.วางขวางตลอดแนวถนนแจ้งวัฒนะ จึงตัดสินใจย้ายสถานีไปสร้างบริเวณหน้าห้างฯไอทีสแควร์แทน
แต่ทางด้าน นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว ออกมายืนยันเสียงแข็งว่า ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด ไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับใคร แต่จำเป็นต้องมีการปรับฐานตอม่อในจุดที่มีการก่อสร้างให้พ้นสิ่งกีดขวางเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ไม่มีการย้ายจุดที่ทำการก่อสร้างสถานีแน่นอน ทั้งนี้ หากจะมีการย้ายจุดก่อสร้างสถานีจริง ต้องมีการรายงานให้ตนทราบ และกระบวนการที่จะย้ายสถานที่ก่อสร้างของสถานี ต้องมีกระบวนการหลายอย่าง ผ่านหลายขั้นตอน จึงจะทำได้
ในขณะที่ นายจเร รุ่งฐานีย วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)ก็อ้างเช่นเดียวกันว่า ประเด็นดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่ฝ่ายใด ซึ่งแต่เดิมมีการวางจุดที่ตั้งสถานีไว้บริเวณหน้าสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ แต่เนื่องจากทางสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ให้ความเห็นว่า ในการก่อสร้างสถานีดังกล่าวจะทำให้บดบังทัศนียภาพในบริเวณนั้น จึงได้ย้ายไปสร้างสถานีไปอยู่ที่บริเวณหน้าไอทีสแควร์แทน ดังนั้นจึงไม่มีมูลความจริงในการเอื้อประโยชน์กับเอกชน เพราะดำเนินไปตามแผนเดิมที่มีแบบที่ได้รับจากทางสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ตั้งแต่แรก
แต่หลังจากฝั่ง ร.ฟ.ท.ออกมาชี้แจงอยู่ฝ่ายเดียวได้ไม่นาน ทางฝ่ายบริหารและประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ก็มีคำแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อเรี่องที่ นายจเรอ้างว่า ทางสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ให้ความเห็นว่า การก่อสร้างสถานีจะทำให้บดบังทัศนียภาพของสถาบัน จึงต้องย้ายไปสร้างสถานีบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า ไอที สแควร์นั้น “ไม่เป็นความจริง” สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ไม่เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับการวางจุดที่ตั้งสถานีหลักสี่ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงแก่หน่วยงานใดๆทั้งสิ้น
แถลงการณ์ดังกล่าวยืนยันว่า สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร การก่อสร้างสถานีโครงการรถไฟฟ้าสีแดง ณ บริเวณใกล้สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ มีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนทั่วไปที่เดินทางมาติดต่อกับสถาบัน ทั้งในส่วนนักศึกษา ผู้ป่วยและญาติจะได้รับประโยชน์โดยตรง ทางสถาบันฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่จะตัดสินใจย้ายหรือไม่ย้ายสถานีแต่อย่างใด
จากคำแถลงการณ์ของสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ในครั้งนี้ ทำให้ นายจเร วิศวกรใหญ่ฝ่ายโครงการพิเศษและก่อสร้าง ร.ฟ.ท. ออกมาแก้ข่าวอีกครั้งว่า เรื่องการย้ายตำแหน่งของการสร้างสถานีรถไฟฟ้าหลักสี่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์นั้น เป็นการก่อสร้างที่ตำแหน่งเดิม ตามแบบในสัญญาที่แจ้งไว้กับทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ไม่มีการย้ายตำแหน่งตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ส่วนการที่มีข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า การย้ายสถานีดังกล่าวนั้น ส่วนหนึ่งมีเหตุผลมาจากการที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ให้ความเห็นว่าในการก่อสร้างสถานีดังกล่าวจะทำให้บดบังทัศนียภาพในบริเวณนั้น นายจเรอ้างว่า เป็นการเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่าสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องนี้แต่อย่างใด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ-รังสิต นั้น ในการออกแบบสถานีรถไฟฟ้า ทางสนข.ไม่ทราบรายละเอียดของในการก่อสร้างตัวสถานี รวมถึงการย้ายสถานีหลักสี่ว่า เป็นอย่างไร เนื่องจากในกระบวนการขั้นตอนในการทำการก่อสร้างนั้น เป็นในส่วนของการบริหารสัญญาการก่อสร้างที่มี การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เป็นผู้รับผิดชอบสัญญาการก่อสร้าง
ขณะที่ นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สนข. ชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า “ไม่ทราบเรื่องครับ เนื่องจากเป็นการบริหารสัญญาก่อสร้างที่ รฟท. รับผิดชอบสัญญาก่อสร้าง”
จนถึงขณะนี้คำชี้แจงของรฟท.กับผู้รับเหมาก่อสร้างก็ยังคงคลุมเคลือ ตกลงการย้ายจุดก่อสร้างตัวสถานีหลักสี่เป็นเช่นไรกันแน่ ปัญหาในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ ควรจะต้องให้ความกระจ่างต่อสังคมให้ได้ว่า การดำเนินการทั้งหมดทั้งมวล เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริงหรือไม่ และที่สำคัญ ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจรายใดอย่างหนึ่ง ดังที่ประชาชนตั้งข้อแคลงใจอยู่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี