กลายเป็นกระแสที่ทำให้ทั้งคนกระเป๋าหนัก และไม่หนักทั้งหลายต้องตื่นตัว หวาดระแวงกันไปทั่ว เมื่อ “ธนาคารแห่งประเทศไทย”(ธปท.) หรือ “แบงก์ชาติ” ออกมาประกาศแจ้งเตือนว่าพบการใช้ธนบัตร หรือ “แบงก์ปลอม” ชนิดราคา 1000 บาท หมายเลข 9ฉA 3828862 และหมายเลข 9ฉA 3828863 เข้ามาในระบบ
ประกาศข้างต้นทำเอาการจับจ่ายใช้สอยไม่สะดวก เพราะใครหลายๆคนหวาดผวาเกรงว่าจะตกเป็นเหยื่อโดนพิษภัยแบงก์ปลอมเล่นงาน ซึ่งจะว่าไปเจ้าหน้าที่ก็ไล่ล่าจับกุม “ขบวนการแบงก์ปลอม” อยู่เป็นระยะๆ แต่จับปราบเท่าไรก็ไม่รู้จักหมด นั่นเพราะ “มูลค่า” ของธุรกิจมืดประเภทนี้มันหอมหวาน
“ขบวนการนี้มันแบ่งหน้าที่กันทำ แยกเป็น การทำปลอม การเก็บซุกซ่อน การติดต่อหาลูกค้า ส่วนธนบัตรปลอมที่ผลิตได้จะนำมาขายต่ำกว่าราคาตามจริง ถ้าซื้อเป็นล็อตใหญ่หลักล้านขึ้นไปก็ขายกันต่ำกว่าราคาตามจริงประมาณ 3 เท่า หรือบางแก๊งก็ขายในราคา 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาธนบัตร หรืออย่างธนบัตรปลอมใบละ 100 บาท ก็อาจขายในราคา 30 บาท เป็นต้น” แหล่งข่าวจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ “บก.ปคบ.” ที่เคยจับกุมขบวนการเหล่านี้ได้ ให้ข้อมูล
สำหรับ “อุปกรณ์การผลิต” แบงก์ปลอมนั้น มีตั้งแต่ แท่นพิมพ์ที่ใช้พิมพ์แบงก์ปลอม , กระดาษที่ใช้ผลิตธนบัตร , แถบสะท้อนแสง , แผ่นเพลท ที่ขาดไม่ได้คือแผ่นเพลทรูป “เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ที่ใช้ปลอมธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท , เครื่องอัดเพลท , เครื่องประมวลผลจอคอมพิวเตอร์ และปริ๊นเตอร์สี นอกจากนั้นก็อาจจะมีเครื่องพิมพ์สีแบบอิงก์เจ็ต , เครื่องสแกนเนอร์ , เครื่องรีดด้วยความร้อน , เครื่องเป่า , เครื่องรัดแบงก์ , เครื่องรีดพลาสติก และสีกระป๋องที่ใช้พิมพ์ธนบัตร
มาถึง “ขั้นตอนการผลิต” แหล่งข่าวจาก บก.ปคบ. ให้ข้อมูลว่า กลุ่มแก๊งรายใหญ่ที่เคยจับกุมได้จะผลิตธนบัตรปลอม โดยใช้กระดาษ A4 ในการผลิต 1 แผ่น ทำได้ 4 ใบ โดยจะนำธนบัตรจริงฉบับละ 1,000 บาท มาผ่านเครื่องสแกนเนอร์ จากนั้นนำมาใส่เครื่องพิมพ์สีแบบอิงก์เจ็ต เพื่อให้ดูเหมือนของจริงมากที่สุด แล้วจึงนำมาพิมพ์ผ่านเครื่องพิมพ์ธนบัตร เมื่อได้ธนบัตรปลอมแล้วจะมาผ่านกระบวนการรีดด้วยเครื่องรีดความร้อน แล้วนำมาผ่านเครื่องเป่าแห้ง ก่อนนำมาเคลือบตามขั้นตอน เมื่อได้ธนบัตรปลอมที่ผ่านขั้นตอนกระบวนการผลิตมาแล้ว จะนำมาใส่สายรัดเงินเป็นตราที่ปลอมแปลงของธนาคารต่างๆ
“แหล่งผลิตธนบัตรปลอมส่วนใหญ่จะอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว และไทย-กัมพูชา มีบ้างที่อยู่ในเมืองไทย แต่ไม่มาก โดยในการผลิตนั้นส่วนใหญ่ลายเส้น ลายน้ำ แถบฟอยด์สีเงิน รวมทั้งกลิ่น จะปลอมได้เหมือนจริงมาก แต่จุดที่ยังปลอมไม่เหมือน 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่กระดาษที่ใช้ ซึ่งมีความมันและขาวมากกว่าของจริง จับด้วยมือเปล่าจะรู้ได้ทันที นอกจากนี้แถบ 2 สีบนตัวเลข 1000 และลายนูนบนธนบัตร รวมทั้งลายน้ำก็ยังปลอมได้ไม่เหมือนกับของจริง เพราะทำยากพอสมควร” แหล่งข่าวจาก บก.ปคบ. ให้ข้อมูล
ถามว่า “แบงก์ปลอม” ที่ผลิตได้ ไปไหน!?! สายข่าว บอกว่า ธนบัตรปลอมที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะส่งขายใน “ตลาดมืด” หรือเพื่อใช้ภายในประเทศไทย อีกส่วนหนึ่งมีการส่งออกไปตามแนวชายแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยการพิมพ์ธนบัตรปลอมออกมาแต่ละครั้งจะมีใบสั่งมาจากนายทุนภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะชายแดนประเทศลาวจะมีเงินปลอมสะพัดมากที่สุด โดยธนบัตรปลอมยังถูกนำไปใช้ในการซื้อยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านและใช้จ่ายตามตลาดแถบแนวชายแดนเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังพบการระบาดในเขตพื้นที่ภาคกลาง และต่อเนื่องพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยแก๊งผลิตจะนำออกใช้ หรือจำหน่ายให้กับบุคคลที่มีความต้องการนำเงินดังกล่าวไปหลอกลวงประชาชนทั่วไป และอาจนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ รวมถึงใช้เล่นใน “บ่อนพนัน” ด้วย
แหล่งข่าวจาก บก.ปคบ. กล่าวทิ้งท้ายว่า ประชาชนทั่วไปสามารถช่วยยับยั้ง “แบงก์ปลอม” ได้ด้วยการสังเกตก่อนรับธนบัตร ซึ่ง ธปท.แจ้งว่ามีง่ายๆ 3 วิธี คือ.....
1.การสัมผัส เนื้อกระดาษธนบัตรเป็นกระดาษชนิดพิเศษ มีความเหนียว แกร่ง ทนต่อการพับดึง และให้ความรู้สึกเมื่อสัมผัสต่างจากกระดาษทั่วไป ส่วนลวดลายเส้นนูนที่บริเวณคำว่า “รัฐบาลไทย” เมื่อใช้ปลายนิ้วมือลูบสัมผัสบริเวณดังกล่าวจะรู้สึกสะดุดกับหมึกพิมพ์
2.การยกส่อง เมื่อยกธนบัตรส่องกับแสงสว่างบริเวณพื้นที่ว่างด้านขวาของธนบัตรจะเห็นลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ ซึ่งอยู่ในเนื้อกระดาษอย่างชัดเจนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ประดับด้วยรูปลายไทยขนาดเล็กที่มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ ขณะที่บริเวณด้านซ้ายของธนบัตรใกล้กับพระครุฑพ่าห์มีแถบสีโลหะขนาดเล็กฝังอยู่ในเนื้อกระดาษตามแนวตั้ง บนแถบมีตัวเลข และอักษรขนาดเล็กแจ้งชนิดราคาธนบัตรฉบับนั้น
3.การพลิกเอียง ทั้งธนบัตรชนิดราคา 500 และ 1,000 บาท ที่ตัวเลขอารบิกแจ้งราคามุมขวาบนพิมพ์ด้วยหมึกพิมพ์ชนิดพิเศษที่สามารถเปลี่ยนสลับจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งเมื่อเปลี่ยนมุมมอง โดยธนบัตรชนิดราคา 1,000 บาท จะเปลี่ยนสลับจากส่วนที่เป็นสีทองเป็นสีเขียว และธนบัตรชนิดราคา 500 บาท เปลี่ยนสลับจากสีเขียวเป็นสีม่วง สำหรับธนบัตรชนิดราคา 100 บาท ชนิด 500 บาท และ 1,000 บาท ผนึกแถบฟอยด์สีเงินแนบเป็นเนื้อเดียวกับกระดาษ ซึ่งแถบฟอยด์ดังกล่าวจะมองเห็นหลากสีหลายมิติ เมื่อพลิกเอียงธนบัตรไปมา
“แบงก์ปลอม” ถือเป็นภัยอีกประเภทหนึ่งที่ผลุบๆโผล่ๆอยู่ในสังคมไทยมาตลอดหลายปี และแม้จะเป็นแค่อาชญากรรมชั่วครั้งชั่วคราว แต่หากเกิดระบาดหนักๆย่อมกระทบความเชื่อมั่นใน “ระบบเศรษฐกิจ” ของประเทศในทุกระดับ ดังนั้นประชาชนทั่วไปจึงควรร่วมด้วยช่วยกัน เมื่อพบเห็นต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมขยายผลทันที จะได้ช่วยกำจัด “ขบวนการแบงก์ปลอม” ให้สิ้นซาก!?!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี