เกิดขึ้นอีกครั้งแล้วสำหรับเหตุการณ์ “ตึกถล่ม” ที่ล่าสุดวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุอาคารที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่พักอาศัยภายใน “โครงการยูเพลส” สูง 6 ชั้น บริเวณหมู่ 2 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี“ถล่ม” ลงมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
การถล่มลงมาของอาคารสูง มักนำมาซึ่งความสูญเสียทั้งร่างกายและทรัพย์สิน เพื่อความไม่ประมาท “ทีมสกู๊ปแนวหน้า” จึงได้รวบรวมวิธี “เอาตัวรอด” จากเหตุ “ตึกถล่ม” หรือในทางวิชาการเรียกว่า “อาคารวิบัติ” มาฝากกัน.....
ก่อนอื่นต้องเริ่มที่ “การระแวดระวังภัย” ซึ่งจุดสังเกตง่ายๆ ก่อนที่ตึกจะถล่ม คือ รอยร้าวตามผนังตึก ตามเสา และ “อาคารสั่น” ซึ่งต้องหมั่นสังเกตและตรวจตราให้ดี ถ้าคุณอยู่ในบ้านที่มีความสูงไม่มาก 1-2 ชั้น หากพบความผิดปกติ โดยเฉพาะเสียงอาคารลั่นอันเป็นที่มาของการถล่มขอให้รีบออกจากตัวบ้านโดยทันที
หากคุณประสบเหตุ “ตึกถล่ม” ต้องพยายามออกมาจากอาคารนั้นให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นอาคารที่มีลิฟต์ “ห้ามใช้ลิฟต์” เด็ดขาด ให้ใช้
“บันไดหนีไฟ” เท่านั้น และอย่าลังเลที่จะโดดออกมาทาง “หน้าต่าง” หากมันเป็น “ทางออก” ที่ใกล้ที่สุด
แต่ถ้า “หนีไม่ทัน” สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ให้หลีกหนีจาก “หน้าต่าง” ให้ไกลที่สุด เพราะเมื่อตึกถล่มจะมีแรงกดกระทำต่อตัวอาคาร กระจกจากหน้าต่างจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วพุ่งไปทุกทิศทาง ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงต่อตัวคุณได้
ถ้าอยู่ในตัวอาคารขนาดใหญ่ ตึกสูงๆ 4 ชั้นขึ้นไป เบื้องต้นต้องหาส่วนที่แข็งแรงของอาคารเพื่อการหลบภัยและรีบวิ่งไปหลบตรงนั้น ประกอบด้วย โถงลิฟต์ โถงบันได เพราะทั้ง 2 บริเวณนี้มักถูกออกแบบให้เป็น “แกน” ของอาคารที่มีโครงสร้างแข็งแรง ตรงนี้ถือว่ามีความ “เสี่ยงน้อยที่สุด”
ถ้ายังพอมีเวลาให้หา “ห้องหลบภัย” ที่มีขนาดเล็ก เช่น ห้องระบบ ห้องจ่ายไฟ ถ้าห้องยิ่งมีขนาดเล็กก็จะปลอดภัยมากขึ้น
ถือเป็นเกราะป้องกันไปในตัว หลีกเลี่ยงไปหลบภัยห้องหรือพื้นที่กว้างๆ เพราะเสี่ยงเกิดอันตรายมากกว่า
เป็นธรรมดาที่เมื่อตึกถล่มก็มักจะมี “ซากปรักหักพัง” ขวางทางออกอยู่ ทำให้คุณไม่สามารถออกจากอาคารนั้นได้ หรืออาจจะถล่มลงมาทับตัวคุณ ซึ่งสิ่งที่ควรทำ คือ ต้องมองหา “เฟอร์นิเจอร์” ที่มีความแข็งแรง เพื่อใช้เป็นที่กำบัง แต่ “ห้าม” ไปหลบอยู่ใต้เฟอร์นิเจอร์นั้นเด็ดขาด แต่ให้หลบอยู่ข้างๆ แทน โดยให้ขดตัวก้มตัวต่ำสุดเอามือประสานไว้บนหัว หรือนอนคว่ำราบแล้วกุมหัวขดตัว ถ้าทำถูกต้องตัวคุณจะอยู่ในท่าที่เรียกว่า.....
“สามเหลี่ยมแห่งชีวิต”!?!
ซึ่งซากตึกที่ถล่มลงมาจะทำอันตรายคุณได้น้อยลง เพราะเฟอร์นิเจอร์จะรับน้ำหนักเอาไว้แทน นอกจากนี้เมื่อตึกถล่ม น้ำหนักของเพดานที่ตกลงมาบนสิ่งของ หรือเครื่องเรือนที่อยู่ภายในจะทับทำลายสิ่งของเหล่านั้น ทำให้เหลือที่ว่างบางส่วนไว้เพื่อทำการหลบภัยได้อีกด้วย แม้มันอาจทำให้คุณบาดเจ็บบ้าง แต่ก็มีโอกาส “รอดชีวิต” สูง
ข้อคำนึงอีกอย่างที่สำคัญ หากหนีออกจากตัวอาคารไม่ทัน หรือหาห้องขนาดเล็ก หรือโถง ลิฟต์ โถงบันได ไม่เจอ ให้หลบภัยตรงที่ชิดกับ “กำแพงตึก” เข้าไว้ เพราะเมื่อภายหลังการเกิดตึกถล่ม หน่วยกู้ภัยสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้โดยง่าย ถ้าหลบภัยในที่อยู่ลึกเข้าไป หรือไกลจากบริเวณภายนอกของอาคารมากเท่าไหร่โอกาสที่หน่วยกู้ภัยจะช่วยชีวิต โอกาสเจอก็จะน้อยลง
“ห้าม” หนีไปซุกแอบข้างกรอบประตู เสา หรือที่ไม้ค้ำยันกับโครงสร้างกำแพงหรือเพดานเด็ดขาด!?!
ข้อปฏิบัติขั้นต่อมา คือ เมื่อการถล่มของตึก หรืออาคารจบลงแล้ว แต่มีซากปรักหักพังทับตัวคุณอยู่ และ ณ ที่แห่งนั้นไม่มีแสงไฟเลย ให้คุณรีบเช็คร่างกายก่อน ด้วยการ “บ้วนน้ำลาย” ออกมาเล็กน้อย เพื่อหาทิศทางที่ถูกต้อง ถ้า “น้ำลาย” ไหลไปที่คาง แสดงว่าคุณอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไหลย้อนกลับไปทางจมูก แสดงว่าคุณกำลัง “กลับหัว” อยู่ ก็ให้จัดตำแหน่งใหม่ให้ถูกต้อง
จากนั้นถ้ามี “โทรศัพท์มือถือ”หรืออะไรก็ตามที่สามารถติดต่อกับภายนอกได้ ให้รีบใช้มันทันที ทั้งการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ หรือจะแชร์ข้อความผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ทั้ง เฟซบุ๊ค, ทวิตเตอร์, อินสตาแกรม ฯลฯ เพื่อให้คนภายนอกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และคุณยังคงมีชีวิตอยู่
ในระหว่างที่รอการช่วยเหลือ ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการหายใจ ให้นำมือทั้งสองข้างมาประกบกันไว้ที่จมูกและปาก และ “ป้องมือ” หายใจ ซึ่งจะช่วยให้คุณกักเก็บออกซิเจนเอาไว้ได้นานขึ้น ส่วนวิธีขอความช่วยเหลือนั้น ให้ใช้วิธี “เคาะ” หรือใช้แสงไฟจากอุปกรณ์มือถือ หรืออะไรก็ตาม ส่งสัญญาณเพื่อบอกตำแหน่งของคุณ
ถ้าพบ หรือมีช่องที่แสงลอดผ่านเข้ามาได้ ให้ “ยื่นมือ” ออกไปให้ไกลที่สุด เพื่อขอความช่วยเหลือ เพื่อให้ทีมกู้ภัยรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ และคุณยังมีชีวิตอยู่
ที่สำคัญ.....อย่า “ตะโกน” ถ้าคุณประสบเหตุตึกถล่มการตะโกนเรียกจะเป็นวิธีสุดท้ายในการขอความช่วยเหลือ เพราะนอกจากจะเปลืองพลังงานแล้ว ยังทำให้ฝุ่นควันเข้าสู่ร่างกาย หรือปอดของคุณด้วย!?!
นอกจากนี้ตามธรรมชาติของตึกถล่มจะพังซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ หรือพังกองไว้ที่เดิมไม่เอนถล่มตามที่หลายคนเข้าใจกัน ยกตัวอย่าง ถ้าคุณอยู่ชั้น 5 ไม่ควรหนีลงไปที่ชั้น 4 หรือชั้นที่ต่ำกว่า เพราะอาจเกิดอันตราย อาคารถล่มทับจนถึงเสียชีวิตได้ ควรหนีไปบนชั้นที่สูงกว่า แต่ถ้าอยู่ชั้นต่ำลงไป เช่น ชั้น 1 และชั้น 2 ควรรีบหนีออกจากอาคารโดยทันทีอย่างไรก็ดี การที่คุณจะ “งัด” สารพัดวิธีเอาตัวรอดจากตึกถล่มมาใช้ได้อย่างถูกต้อง เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบาได้นั้น.....
เหนือสิ่งอื่นใด คือ คุณต้องมี “สติ”!?!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี