“ค้ามนุษย์”…..
ถือเป็น “วงจรอุบาทว์” ที่อยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน แม้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปราบปรามกันอย่างจริงจัง แต่ปัญหาแทบไม่ลดลง ที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น คือ ในปี 2558 ประเทศต่างๆในอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ
ขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความเป็นห่วงว่า AEC จะมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบต่อปัญหาการ “ค้ามนุษย์” หรือไม่???
# ชำแหละ ‘กลวิธี’ ลอบเข้าเมือง
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน “เส้นทางการค้ามนุษย์” จะทับซ้อนกับเส้นทางของการลักลอบเข้า-ออกประเทศ และทำงานเป็นเครือข่าย มีการรับ-ส่งหญิงและเด็กเป็นทอดๆ โดยการลักลอบเดินทางไปต่างประเทศนั้นมีทั้งใช้ทางอากาศ หรือทางรถยนต์ โดยใช้หนังสือเดินทางจริงของตนหรือหนังสือเดินทางของผู้อื่นที่มีการตรวจลงตราในลักษณะติดตามคู่สมรส หรือการท่องเที่ยว หรือใช้วิธีการผ่านหลายประเทศที่ไม่ต้องขอการตรวจลงตรา (VISA/Shore pass) และอนุญาตให้คนต่างด้าวบางประเภทอยู่ในประเทศนั้นๆ ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
นายตำรวจ “มือทำงาน” ของ ปคม. ให้ข้อมูลต่อว่า กลุ่มแก๊งค้ามนุษย์จะใช้สารพัดวิธีในการ “ลอบ” พาเหยื่อเข้าเมืองเช่น แอบแฝงเดินทางในลักษณะของ “นักท่องเที่ยว” หรือบางคนใช้วิธี “สมรสอำพราง” โดยแต่งงานจดทะเบียนกับคนต่างชาติเพื่อให้ได้วีซ่าเข้าประเทศ, การใช้เอกสารเดินทางปลอม หรือหนังสือเดินทางของผู้อื่น โดยมากจะเป็นพาสปอร์ตของหญิงที่แต่งงานแล้ว เพื่อให้ดูไม่เป็นที่สังเกต
“คนพวกนี้จะใช้เส้นทางแวะผ่านหลายประเทศ เช่น ถ้าจะไปญี่ปุ่นก็จะใช้ Shore pass ผ่านฮ่องกง เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น หรือถ้าเป็นกรณีถูกนำไปยังมาเลเซีย จะเริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถทัวร์ที่ขนส่งสายใต้ไปยัง จ.สงขลา แล้ว จะมีรถยนต์มารอรับพาข้ามด่านไปประเทศมาเลเซีย ส่วนใหญ่จะถูกพาไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเมืองยะโฮร์บารู” พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าว
# เปิด ‘จุดอ่อน’ เหนือจรดใตสำหรับ “เส้นทาง” ลอบเข้าเมืองไทยของแก๊งค้ามนุษย์นั้นแหล่งข่าวจาก “สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง” (สตม.) ให้ข้อมูลว่าเส้นทางการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะกลุ่ม “แรงงานผิดกฎหมาย” จะเข้าสู่ประเทศไทยหลายเส้นทาง ไล่ตั้งแต่ “ภาคเหนือ” จะลักลอบ เข้าทางฝั่ง ย่างกุ้ง-เมียวดี เข้าทางชายแดนแม่สอด จ.ตาก หรือเหนือขึ้นไปทาง มัณฑะเลย์-ตองยี-เชียงตุง-เมืองยอน ข้ามทางด่านท่าขี้เหล็กเข้าสู่แม่สาย จ.เชียงราย โดย “เส้นทางเชียงตุง” ยังเป็นเส้นทางนำเหยื่อจาก คุนหมิง ผ่านมาทาง หลานชาง เข้าสูประเทศไทยด้วย
“ภาคตะวันออก” จะลักลอบขน “เหยื่อมีชีวิต” เข้าทางจันทบุรี-สระแก้ว ซึ่งเป็น “จุดอ่อนที่สุด” เพราะมีจุดผ่อนปรนทั้งแบบถาวรและชั่วคราว ทำให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เดินทางเข้าเมืองทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้องตามกฎหมายได้ง่าย.....“3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” พบว่า “นราธิวาส” มีสถานะเป็น “ทางผ่าน” เพราะมีพื้นที่ติดต่อกับมาเลเซียที่ประชาชนผ่านเข้า-ออก ได้เป็นจำนวนมาก
“ภาคใต้ฝั่งตะวันออก” จังหวัดที่เป็น “จุดอ่อนที่สุด” คือ “ชุมพร” เพราะมีอาณาเขตติดต่อกับพม่าและชายฝั่งทะเลอ่าวไทยเป็นแนวยาว เป็นเส้นทางคมนาคมกับจังหวัดทั้งภาคกลางและภาคใต้ ไปจนถึงประเทศมาเลเซีย ผนวกกับมีความต้องการแรงงานลูกเรือประมง ทำสวนยางพาราและสวนปาล์ม ก่อให้เกิดการอพยพเข้ามาหางานทำของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะชาวพม่าและเกิด “การค้าประเวณี” ในชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวหนาแน่นตามมา
“แต่จังหวัดที่เป็นศูนย์กลางขบวนการค้ามนุษย์ในภาคใต้ คือ สงขลา เพราะเป็นศูนย์กลางความเจริญ แหล่งรวมสถานบันเทิง สงขลา จึงมีสถานะเป็นต้นทาง และปลายทาง นำเด็กและหญิงมาค้าหรือแสวงผลประโยชน์ โดยการบังคับให้ค้าประเวณีและใช้แรงงาน” แหล่งข่าวจาก สตม.ให้ข้อมูล
ขณะที่ข้อมูลของ บก.ปคม.นั้น ทาง พ.ต.ท.ชูศักดิ์ ระบุว่า ถ้าเป็น “ชาวกัมพูชา” ส่วนใหญ่เข้ามาจากด่าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และด่าน จ.ตราด ส่วน “ชาวลาว”เข้ามาทางด่านหนองคาย, ด่านเขมราฐ, ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ขณะที่ “ชาวพม่า” เข้ามาทางด่าน อ.แม่สาย, ด่าน อ.แม่สอด และด่าน จ.ระนอง ด้าน “ชาวจีน” เข้ามาทางด่าน อ.แม่สาย ผ่านเมืองท่าขี้เหล็ก พม่า – เมืองสิบสองปันนา และด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะที่ “ชาวเวียดนาม” เข้ามาทางด่านอรัญประเทศ และด่านสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
# AEC กับการค้ามนุษย์
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเข้าสู่ AEC ในปี 2558 การทำงานในด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์นั้นมีผลทั้งในแง่บวกและแง่ลบ.....“แง่บวก” การดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายก็จะง่ายขึ้น เนื่องจากชาติสมาชิก AEC จะมีความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ที่สอดรับกันมากขึ้น เมื่อมีการกระทำผิดก็จะนำมาใช้ติดตามจับกุม หรือส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ง่ายมากขึ้น
“แง่ลบ” คงจะเป็นผลพวงจากการเข้า-ออกประเทศต่างๆในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสะดวกมากขึ้น เพราะเมื่อมีการยกเว้นหลักเกณฑ์ต่างๆก็อาจจะมีอาชญากร “แฝงตัว” เดินทางเข้า-ออก ด้วย โดยจะอาศัยการผ่อนปรนหลักเกณฑ์ต่างๆ เข้ามาก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือด้านอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บก.ปคม.เตรียมความพร้อมแล้ว โดยจะบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีการค้ามนุษย์ให้ครบถ้วน ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆอย่างครบวงจร และประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางและใช้มาตรการต่างๆให้เป็นไปมาตรฐานเดียวกัน
ห้วงที่ผ่านมา “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”(คสช.)ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสะสางปัญหาค้ามนุษย์ และมี “ภาพ” การปราบปรามจับกุมตามมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าคำสั่งของ คสช.จะ “ศักดิ์สิทธิ์”พอที่จะทำให้การแก้ไขปัญหานี้ ไม่จบลงเหมือนครั้งที่ผ่านมาๆ มาซึ่งเป็นไปแบบ…..
“ไฟไหม้ฟาง”!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี