ไม่เหนือความคาดหมายที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) น้องเล็กคนสุดท้องของกลุ่ม “3 ป.แห่งบูรพาพยัคฆ์” อันประกอบด้วย “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ”, “พี่รอง-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” และ “น้องเล็ก พล.อ.ประยุทธ์” ขึ้นมาดำรงตำแหน่งในฐานะผู้นำเบอร์ 1 ภายหลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 191 จาก 194 เสียง
คำถามที่บอกว่าทำไมต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ตอบสั้นๆง่ายๆ คือ บทเรียนในอดีตที่ผ่านมาที่ทุกครั้งที่มีการ“ปฏิวัติ-รัฐประหาร” ของเหล่าบรรดา “สีเขียว” ที่ไม่เคยประสบผลสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียว เพราะการเลือกผู้นำขึ้นมาบริหารประเทศ “ล้มเหลว” ทำให้ปัญหาถูกสะสมกลายเป็น “โดมิโน” ล้มทั้งระบบ
จนมาถึงยุค “บิ๊กตู่” ที่ใครๆ มองว่าเตรียมแผนการยึดอำนาจมานาน 3 ปีแล้วก็ตาม แต่ “น้องเล็กแห่งบูรพาพยัคฆ์” ก็ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนที่ผ่านมา เขาจึงต้องก้าวขึ้นสู่การเป็น “ผู้นำ”!?!
เมื่อลุกขึ้นมา “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” ในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่อยากให้ “เสียของ” จึงพยายามเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมอย่างเป็นระบบตาม “โรดแมป” ที่ได้วางเอาไว้ 3 ระยะ ซึ่งว่าด้วยการปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูปประเทศ โดยกำหนดเป็นแม่น้ำ 5 สาย คือ คสช. สนช. รัฐบาลชั่วคราว และ สปช. รวมไปถึงคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อวางกรอบกติกาการเมืองแบบใหม่ ซึ่งเน้นพรรคการเมืองที่ไร้ระบบทุนนิยมและปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
ช่วงทดลองงาน 3 เดือนที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” และพลพรรค ถือว่า “สอบผ่าน” โดยมี ผบ.เหล่าทัพที่ร่วมกันจัดระเบียบให้งานที่คั่งค้างมานานหลายเดือนกลับเข้าที่เข้าทางด้วยระยะเวลาอันสั้น และรวดเร็วทันใจตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการ
ฉากหน้าที่มี ผบ.เหล่าทัพ และเหล่าบรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เข้ามาร่วมกันบริหารจัดงาน แต่ฉากหลังต้องยอมรับว่างานที่เดินหน้าอยู่ในขณะนี้มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก สองศรีพี่น้องแห่ง “3ป.บูรพาพยัคฆ์” ที่มีส่วนร่วมในการเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาของประเทศเดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็น และเป็นอยู่ในเวลานี้
สิ่งต่อไปนี้คงต้องลุ้นว่า “โฉมหน้า” ของคณะรัฐมนตรี(ครม.) จะเป็นอย่างไร จะมีสองศรีพี่น้อง อย่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เข้าไปร่วมด้วยหรือไม่ เพราะข่าวการจัดทำโผ ครม.ในครั้งนี้ มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร ขึ้นไปดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าที่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมใน ครม.ชุดนี้ ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ อาจจะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ถ้าสองศรีพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ติดโผจริง โดยที่กระแสสังคมไม่ร้อง “ยี้” พล.อ.ประยุทธ์ คงจะสอบผ่านไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ถ้ากระแสสังคมต่อต้าน “ภาระ” คงต้องมาอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นแรงกดดันในการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องทำ คือ ความโปร่งใส และความชอบธรรม ควบคู่กับการปฏิรูปประเทศ
จะเห็นว่าการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ” ยังต้องผ่านบททดสอบอีกหลายประการ โดยเฉพาะการปรับตัวในการทำงาน อารมณ์และความอดทนอดกลั้นต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็น “จุดอ่อน” ของนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย แต่ในมุมมองของทหารในกองทัพกลับมองเรื่องนี้ว่า.....
“ยอมรับว่าบางอย่างต้องมีการปรับตัวระหว่างการเป็นผู้บังคับบัญชาในกองทัพบก กับการบริหารประเทศที่มีลักษณะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเกินความสามารถของท่าน ต้องขอบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ธรรมดา ท่านมีวุฒิภาวะสูง รู้ว่าเวลาไหน
ควรทำอะไร บทบาทตัวเองมีแค่ไหน คนที่จะก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่คนคนนั้นต้องผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี นั้นจึงไม่ใช่จุดอ่อนในการก้าวขึ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
สุดท้ายแล้วคงต้องดูว่า “ความเชื่อมั่น-ความศรัทธา” ของประชาชนและคนในกองทัพที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และคสช.จะยืนยาวช่วยให้การบริหารประเทศนับจากนี้ไปอีก 1 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ ราบรื่นหรือไม่ และหลังจากนี้ต้องติดตามต่อไปว่า.....
“พี่น้องบูรพาพยัคฆ์” จะ “คืนความสุข” ให้ประชาชนชาวไทยได้จริงตามแผนที่ตั้งใจไว้มากน้อยเพียงใด!?!
จิตตราภรณ์ เสนวงค์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี