ไพรัช ใหม่ชมภู
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณภาพการศึกษาของเด็กไทยนับวันมีแต่จะเข้าขั้นวิกฤติ ทั้งด้านวิชาการและคุณธรรมจริยธรรม สวนทางกลับงบประมาณที่จัดสรรให้กับ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในสัดส่วนที่สูงกว่าทุกกระทรวงค่อนข้างมาก ซึ่งก็มีผู้มองว่า แม้ส่วนกลางต้องการเด็กที่มีมาตรฐานเหมือนกันโดยวัดจากคะแนนต่างๆ เช่นต้องสอบ O-NET ผ่าน แต่ส่วนกลางจะใช้วิธีการเดียวกันแก้ไขกับเด็กทุกกลุ่ม-ทุกพื้นที่ไม่ได้ เพราะแต่ละพื้นที่มีบริบทสังคมและปัญหาที่แตกต่างกันไป
ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดกระแสเรียกร้อง “กระจายอำนาจทางการศึกษา” ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับภาคีภาคประชาชน ร่วมออกแบบหนทางพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนได้เอง เพื่อไปให้ถึงฝั่งดังกล่าว!!!
เชียงใหม่..จังหวัดทางภาคเหนือที่ถือว่ามีชื่อเสียงระดับโลก และมีความเจริญหลายๆ ด้าน เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองแต่เพียงกรุงเทพฯ เท่านั้น วันนี้ใครที่ผ่านไปคงจะเห็นปริมาณผู้คน รถยนต์ อาคารต่างๆ ผุดขึ้นหนาแน่นราวกับดอกเห็ด ทว่าอีกมุมหนึ่ง เชื่อหรือไม่ว่าจังหวัดที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองหลวงภาคเหนือ” แห่งนี้ จะมีความเหลื่อมล้ำแบบสุดขั้ว ชนิดที่บางพื้นที่ยังไม่มีกระทั่งไฟฟ้าใช้
“เชื่อไหมว่าเชียงใหม่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ 4-5 ตำบล ก็ไปเห็นความยากจนแร้นแค้น ไม่ว่าเรื่องของทรัพยากร เรื่องของสื่อ เรื่องของอาหารกลางวัน มันก็เป็นโจทย์ใหญ่ว่า ทำยังไงผลการสอบการอ่านออกเขียนได้ของรอบนอกจะดีขึ้น ก็เป็นโจทย์ที่นักการเมืองเขาสนใจ จึงเชิญพี่น้องชาวเชียงใหม่ ที่เป็นหน่วยงานผลิตนักเรียน กว่า 18 หน่วยงาน เชิญมาพูดคุยกัน แล้วก็มีส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม”
นายไพรัช ใหม่ชมภู ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวในการประชุมภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา เมื่อเดือน ก.ค. 2557 ณ โรงแรมเชียงใหม่ออคิด จ.เชียงใหม่ ถึงที่มาที่ไปของการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งมี นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ผลักดันและประสานงานกับทุกภาคส่วน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาวเชียงใหม่เป็นอย่างดี
คุณไพรัช เล่าต่อไปว่า หลักการของการปฏิรูปการศึกษา โดย อบจ. เชียงใหม่นั้น มี 4 ประการ คือ 1.ยึดนักเรียนเป็นสำคัญ อบจ. ต้องดูและนักเรียนทุกคนใน จ. เชียงใหม่ ไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียนสังกัดใดก็ตาม 2.ถือพื้นที่เป็นหลัก เพราะเป็นหน้าที่ของ อบจ. ที่ต้องดูแลทุกพื้นที่ในจังหวัด ไม่ว่าในเมือง นอกเมืองหรือในชนบท 3.แสวงหาความร่วมมือทุกภาคส่วน เพราะการแก้ไขปัญหาการศึกษาไม่ใช่แค่เรื่องของครูหรือโรงเรียน แต่เป็นหน้าที่ของชาวเชียงใหม่ทุกคน และ 4.มุ่งสู่การกระจายอำนาจ เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถดูแลเรื่องการศึกษาได้เองอย่างคล่องตัว
“วันนี้วิกฤติคือการที่ไม่ได้กระจายอำนาจลงมา แล้วคนที่ได้รับอำนาจก็ใช้ไม่เป็น เราต้องยอมรับ ผอ. โรงเรียนนะ พันเจ็ดร้อยกว่าโรงเรียนก็แตกต่างกัน บางโรงเรียนก็ขาดภาวะผู้นำ เขาให้อำนาจตัดสินใจ อำนาจงบประมาณ ก็ทำไม่เป็น” ผอ.สำนักการศึกษาฯ อบจ. เชียงใหม่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม..แม้วันนี้ยังไม่มีการกระจายอำนาจ แต่ อบจ. เชียงใหม่ ได้เริ่มผลักดันแผนการบางส่วน เช่นการหารือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ให้ช่วยจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ เพราะที่ผ่านมามหาวิทยาลัยก็มีหลักสูตรทำนองดังกล่าวสอนนักศึกษาทั่วไปอยู่แล้ว
แม้กระทั่งพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ต้องร่วมในการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ด้วย ในชื่อโครงการ “โรงเรียนผู้ปกครอง” ซึ่งต่อยอดแนวคิดมาจากโรงพยาบาล ที่ปกติเมื่อแม่ไปคลอดลูก พยาบาลก็จะสอนเรื่องของการดูแลเด็กแรกเกิด การให้นม และประโยชน์ของนมแม่ แต่โรงเรียนผู้ปกครองนี้ ผู้เป็นพ่อแม่ จะได้รู้ถึงพัฒนาการของเด็กแต่ละวัย และการเลี้ยงดูที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงอายุด้วย
“วันนี้เราวางแนวทางที่จะอบรมผู้ปกครองไว้ 4 หลักสูตร เราให้เขาสมัครมาอบรม ไม่ได้บังคับ เราจะรับลงทะเบียน 1.สำหรับผู้ปกครองที่ตั้งครรภ์ 2.หลักสูตรก่อนเข้าอนุบาล คือ 0-5 ปี 3.หลักสูตรอนุบาล หรือปฐมวัย และ 4.วัยรุ่น อายุ 13-14 ตรงนี้ผู้ปกครองต้องมาเรียนรู้เรื่องเด็ก
วันนี้สังคมไทยละเลยสถาบันครอบครัว แม่ของเด็กเขาจะมีความรู้ตอนที่คลองอยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น พยาบาลก็นำแม่ไปอบรมตอนเช้า ว่าให้นมลูกยังไง อาบน้ำลูกยังไง นมแม่มีประโยชน์ยังไง เท่านั้นก็จบ วันนี้รัฐบาลไม่ได้มาดูแล ตรงที่จะอบรมแม่ว่าจะเลี้ยงลูกแต่ละวัยยังไง” ผอ.สำนักการศึกษาฯ อบจ. เชียงใหม่ ฝากทิ้งท้าย
ในตอนแรกนี้ เราเน้นถึงความสำคัญของการที่ท้องถิ่นจำเป็นต้องแก้ปัญหาวิกฤติการศึกษาด้วยตนเองไปแล้ว ในสัปดาห์หน้า เราจะพาไปฟังมุมมองเชิงรายละเอียด ว่า จ.เชียงใหม่ ควรขับเคลื่อนแผนการศึกษาไปในทิศทางใด
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี