“ตกอีกแล้ว ตกทุกทีตอนเลิกงาน”.....
“ตกอีกแล้ววุ้ย กลับบ้านเจอรถติดแน่ๆ”.....
“วันทั้งวันไม่ตก มาตกตอนกลับบ้าน อะไรฟะ”.....ฯลฯ
ข้างต้นน่าจะเป็น “เสียงบ่นปนสงสัย” ของผู้คน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ช่วงนี้เจอปัญหา “ฝนตก น้ำท่วม รถติด” เล่นงานหนัก ซึ่งแม้จะชาชิน แต่ก็ “คาใจ” มีคำถามตามมาพร้อมกับสายฝน นั่นคือท้องฟ้าที่โปร่งใสมาตลอดทั้งวัน เหตุไฉนมักจะมืดดำปกคลุมด้วย “เมฆฝน” ช่วงตอนเย็น และฝนเจ้ากรรมก็มักจะตกลงมาในช่วง “เลิกงาน” จนถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “ฝนราชการ” ซึ่งต้องบอกว่า.....
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”!!!
เจ้าหน้าที่จาก “สำนักอุทกวิทยาและบริหารน้ำ” อธิบายว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการอธิบายว่าเรื่องนี้เกิดจาก “โดมความร้อน” แต่กรมอุตุนิยมวิทยา ไม่เห็นด้วย ก็ถือเป็นเรื่องถกเถียงและพิสูจน์กันต่อไป แต่โดยหลักคิดง่ายๆ ไม่เอาเรื่องโดมความร้อนมาพิจารณา ต้องบอกว่าฝนในเมืองไทยมีสิทธิ์ตกช่วงบ่ายๆ เป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่บ่ายโมงตรง ถึง บ่าย 3 หรือ 4 โมงเย็น หรือคลาดเคลื่อนไปนิดหน่อย แต่ก็อยู่ในช่วงเวลาเลิกงานพอดีนั้น คงน่าจะเป็นเพราะ “พฤติกรรมประจำ” ของฝนในภาคกลาง โดยเฉพาะที่ตกตรงเวลาในกรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่ผู้นี้อธิบายต่อว่า หากมีหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อไร มันก็จะสั่งเมฆฝนเข้ามาโดยฝนตอนเช้ามาจากตอนใกล้ๆ จะสว่างเป็นช่วงที่มีภาวะยกมวลอากาศ โดยลมมันจะพัดสอบอยู่ช่วงหนึ่งส่งผลให้มวลอากาศที่อยู่ล่างๆ ยกตัวขึ้น ซึ่งการที่มันจะยกตัวได้ก็ต้องมีปัจจัย เช่น กระแสความกดที่มันเบียดมาแล้วไปทางไหนไม่ได้ ที่สุดแล้วก็ต้องยกตัวขึ้นด้านบนกลายเป็นเมฆฝน ซึ่งมักเกิดในช่วงเช้าๆ
“พอช่วงเย็นที่ฝนมาตรงเวลา น่าจะเป็นเพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพอมรสุมตัวนี้เข้ามาแล้วมันจะมีวงจรของมันที่เกิดจากพลังงานดวงอาทิตย์ พอถึงวงรอบได้ที่ ก็กระตุ้นให้เกิดฝนตก ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาคนเลิกงานพอดี” เจ้าหน้าที่ผู้นี้ ให้ข้อมูลคร่าวๆ
ขณะที่ ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ผู้ก่อตั้งเพจ “ชมรมคนรักมวลเมฆ” และเจ้าของผลงานหนังสือเรื่อง “รู้ทัน ฝนฟ้า อากาศ” อธิบายว่า เนื่องจากในเวลากลางวันพื้นดินได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศผิวพื้นร้อนและลอยตัวขึ้น เมื่ออากาศลอยตัวสูงขึ้นก็จะเย็นตัวลงตามกฎ “ยิ่งสูงยิ่งหนาว”
หากอากาศเย็นลง จนกระทั่งถึงอุณหภูมิที่เรียกว่า “จุดน้ำค้าง” ก็จะทำให้ไอน้ำกลายเป็นหยดน้ำเล็กๆ จำนวนมากถ้ามองภาพรวมก็คือ “เมฆ” นั่นเอง ถ้าหยดน้ำในเมฆเติบโตมีขนาดใหญ่มากขึ้นจนถึงจุดหนึ่งซึ่งหนักเกินไปจนกระแสลมพยุงเอาไว้ไม่ไหว ก็จะตกลงมาเป็นฝน
ดร.บัญชาอธิบายต่อว่า ถ้าสังเกตให้ดีปกติ “เมฆฝน” จะเป็นเมฆก้อนใหญ่ ซึ่งเกิดจากการสะสมของเมฆก้อนเล็กๆตั้งแต่ในช่วงเช้า ซึ่งปกติช่วงเช้าเรามักไม่เจอฝน เพราะเมฆมันก้อนเล็ก ยกเว้นมีพายุ หรือดีเปรสชั่น หรืออะไรก็แล้วแต่มากระทบก็อาจทำให้ช่วงเช้ามีฝนตกได้
คราวนี้มาทำความเข้าใจว่าทำไมเมฆมันถึงก้อนใหญ่ ก็เป็นเพราะ “ลมพัดสอบ” หรือลมที่เกิดจากการเบียดตัวเข้าหากันของลม 2 ฝ่ายบริเวณใกล้พื้นโลก ทำให้อากาศบริเวณแนวเบียดตัวลอยขึ้นเบื้องบน ตามแนวนี้มักจะมีเมฆฝนเกิดขึ้น เมื่อลมพัดสอบหอบเมฆฝนมารวมกันมันก็เลยใหญ่
แต่แค่ลมอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันต้องมีความชื้น และความร้อนจากพื้นล่างเข้ามาช่วยด้วย ฝนถึงจะตกลงมา และที่สำคัญ “ยอดเมฆ” ต้องสูงมากพอ ถ้าแค่ 2 กิโลเมตร โอกาสเกิดฝนยาก แต่ถ้าเกิน 7 กิโลเมตร นับจากฐานขึ้นไปก็มีโอกาสเกิดฝน
“ปกติฐานเมฆจะนับจากพื้นดินขึ้นไปราว 1 กิโลเมตร และถ้านับจากฐานขึ้นไปถึงยอด เมฆมีความสูงแค่ 2 กิโลเมตรโอกาสเกิดฝนจะยาก ถ้าสูงจาก 2 ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 7 กิโลเมตรจะมีฝนแต่ไม่มีฟ้าผ่า แต่ถ้าสูงเกิน 7 กิโลเมตรขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีทั้งฝนทั้งฟ้าผ่าด้วย ที่เราเคยได้ยินกันว่ามีฝนตกหนักฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าให้เข้าใจได้ว่ายอดเมฆมันสูงเกิน 7 กิโลเมตร” เจ้าของเพจชมรมคนรักมวลเมฆอธิบาย
นักวิชาการด้านเมฆ อธิบายอีกว่า คราวนี้มาถึงเรื่องที่ว่าทำไมฝนฟ้าบ้านเรามันชอบตกมาตอนเลิกงาน “สาเหตุ” เป็นเพราะการที่เมฆจะสะสมความสูงจาก 2 ไปถึง 7 กิโลเมตร มันต้องใช้เวลา นับตั้งแต่เช้ามากว่าจะใหญ่และสูงพอก็ถึงช่วงเย็นพอดี ทีนี้ฝนจะเกิดได้ต้องมีความชื้น และความร้อนเข้ามากระตุ้นด้วย ซึ่งปกติบ้านเราช่วงบ่ายแก่ๆ 3-4 โมงเย็น อากาศจะร้อนจัดใช้ได้ เมื่อเมฆใหญ่พอมาเจออากาศร้อน มันก็กระตุ้นให้เกิดฝนตกลงมาช่วงเลิกงานพอดี
ดร.บัญชาย้ำว่า แนวคิดข้างต้นอาจใช้ได้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้น จะไปใช้กับช่วงหน้าหนาวก็ไม่น่าจะเข้ากัน เพราะเรื่องของฝนมันมีอย่างอื่นประกอบด้วย ทั้งความชื้น ทิศทางลม ถ้าลมไม่มา เมฆไม่ใหญ่ โอกาสจะมีฝนตกก็ยาก
“ทำไมฝนชอบตกตอนเย็นๆ ใกล้ๆ เวลาเลิกงานกลับบ้านทุกที สาเหตุเพราะในช่วงหน้าฝนมีไอน้ำในอากาศเยอะ ความชื้นสัมพัทธ์สูง พออากาศโดนแดดนานเข้าจากเช้า สาย เที่ยง บ่าย ไอน้ำในอากาศซึ่งร้อนขึ้นก็จะฟิตจัด หรือมีพลังงานเยอะ ลอยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งสูงยิ่งหนาว ไอน้ำน้อยๆ จึงกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเล็กๆจำนวนมาก มองรวมๆก็คือเม็ดน้ำก่อม็อบ กลายเป็นเมฆก้อน เมื่อเม็ดน้ำในเมฆก้อนใหญ่ขึ้น ก็จะหนักขึ้นจนถึงจุดหนึ่งก็หนักเกินไป ตกลงมาเป็นฝน” ดร.บัญชา อธิบายทิ้งท้าย
นี่คือคำอธิบายเรื่อง “ฝน” ที่ช่วงนี้ “มาตามนัด” มักตกลงมาหลังเลิกงาน สร้างปัญหาให้ใครหลายคน ทั้งเรื่องการเดินทาง และสุขภาพ แต่เรื่องของดิน ฟ้า อากาศ ฝนจะตกฟ้าจะร้องมันห้ามกันไม่ได้ อยู่ “ใต้ฟ้า” จะทำอย่างไรได้นอกจากระมัดระวังเรื่องพิษภัยจากฟ้าฝน และ “ทำใจ” ให้ชินไปกับมัน.....
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี