พูดกันมามากแล้วกับ “คอร์รัปชั่น” ปัญหาใหญ่ของสังคมไทย ที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับปรุงกฎหมายอยู่เป็นระยะๆ พร้อมกับจัด
กิจกรรมรณรงค์มากมาย ทว่าดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลมากนัก ตัวชี้วัดหนึ่งคือ ดัชนีความโปร่งใส ที่ประเทศไทยเรามักจะอยู่ใน
อันดับล่างๆ เสมอ ล่าสุดเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา เราหล่นลงไปอยู่อันดับที่ 102 จากการสำรวจทั้งหมด 177 ประเทศ
คำถามคือ..ทั้งที่พยายามหาทางกันมากมาย แต่เหตุใดจึง “ล้มเหลว” ไม่เป็นท่าเช่นนี้?
“ยาควบคุมการทุจริตที่สำคัญที่สุด คือการควบคุมตัวเอง ไม่ให้ต้องการอะไรที่มันเกินเลยไป ขึ้นต้นด้วยตัวเอง ถามตัวเองก่อนว่าเราทำอะไรที่มันเกินตัวหรือเปล่า?”
พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ กล่าวกับข้าราชการสังกัดกรุงเทพมหานคร ในงานอบรมโครงการ
“โตแล้วอย่าโกง โตแล้วไม่โกง” ณ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(NIDA) เมื่อ 5 ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา ถึงรากของปัญหา
ทุจริตคอร์รัปชั่น
นั่นคือ “ความอยากได้” ที่มากเกินความจำเป็น!!!
ด้วยเหตุนี้ ทางแก้ที่ดีที่สุด นั่นคือต้องฝึกตนเองให้ “ลดความอยากส่วนเกิน” ลงเสียบ้าง พล.ต.อ.วสิษฐ ยกตัวอย่าง
คำๆ หนึ่งในทางพุทธศาสนา นั่นคือ “สันโดษ” ที่หมายถึงความมักน้อย เรียบง่าย จะซื้อจะหาสิ่งใดมาใช้ ให้ถามตนเองก่อนว่า สิ่งนั้น “จำเป็น” (Need) ต้องซื้อหามาใช้จริงๆ หรือไม่ หรือเป็นเพราะเพียงรู้สึก “อยากได้” (Want) เท่านั้น ที่ถึงจะไม่มี ก็ไม่เดือดร้อนลำบากแต่อย่างใด
พูดแบบภาษาวัยรุ่น..จงอย่าเป็นคนประเภท “ติดหรู”!!!
“ภาษาพุทธ ภาษาบาลี เราเรียกยาป้องกันทุจริตขนานนี้ว่าสันโดษ คือความพอใจในสิ่งที่ตัวมี ไม่ไขว่คว้าอะไรที่มันเกิน
กำลังตัวเอง แล้วของที่ไม่จำเป็น ฟุ่มเฟือย ไม่มีประโยชน์ อย่าไปหามาใส่ตัว เครื่องประดับหลายอย่าง ถามตัวเองว่ามัน
จำเป็นหรือเปล่า? บางคนถมทั้งทองทั้งเพชรลงไปที่ตัวเอง เสร็จแล้วถูกปล้นก็มี ถูกจี้ถูกชิงก็มี แต่มันไม่มีประโยชน์” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าว
อดีตนายตำรวจและนักเขียนนวนิยายชื่อดัง รายนี้ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ยิ่งเป็น “ผู้นำ” ตำแหน่งใหญ่โตเท่าใด ยิ่งต้อง “ระวังตน” ให้มากขึ้นเท่านั้น เพราะผู้เป็นหัวหน้าคน ต้องทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา และถึงแม้ว่าตัวผู้นำจะมี
ฐานะร่ำรวยมาแต่ต้นจากสมบัติของครอบครัว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงตนว่าเป็นคนร่ำรวยแต่อย่างใด เพราะการทำเช่นนั้น ย่อมเป็นการกระตุ้นให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอยากได้มากมีมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“นายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งสมัยที่ผมยังอยู่ในราชการ เป็นมหาเศรษฐีโดยฐานะนะครับ ไม่ได้โกงใครเขา ขับรถเดมเลอร์
(Daimler) ส่วนตัวท่านไปจอดที่สำนักงาน มันมีความจำเป็นไหมที่จะต้องขับรถขนาดนั้น? ถ้าหากรวยนักหนา ก็ขับรถคันเล็กๆ ก็ได้ แต่จำเป็นจะต้องโชว์ความร่ำรวยของตัวเอง
ดังนั้นอย่าสงสัยเลยครับ ว่าทำไมเดินไปที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ทุกวันนี้ ถึงเห็นแต่รถเบนซ์กับรถบีเอ็มดับเบิลยู เยอะแยะไปหมด เพราะอะไรครับ? เพราะต้องไขว่คว้าหามาเอาอย่างกัน ต้องเป็นตัวอย่างต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ในทางที่ถูกที่ควร ในทางที่ดี ไม่ใช่เป็นตัวอย่างในทางฟุ่มเฟือย ความไม่รู้จักพอ เพราะไม่งั้นลูกน้องจะเอาอย่าง” พล.ต.อ.วสิษฐ ฝากทิ้งท้าย
แม้การแก้กฎหมาย เพิ่มช่องทางตรวจสอบและเอาผิดผู้มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง จะเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมซับซ้อนขึ้น มาตรการต่างๆ ก็ต้องปรับปรุงให้ทันสมัย ขึ้นตามไปด้วย แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการแก้ที่ “ปลายเหตุ” เท่านั้น ส่วนต้นเหตุอยู่ที่การ “รู้เท่าทัน” ความต้องการของตน
เพราะต้องยอมรับว่า หลายครั้งที่ซื้อของมาสักอย่างหนึ่ง ผู้ซื้อก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ว่าต้องใช้ของนั้นจริงๆ หรือเป็นเพียงการซื้อ
มาเพราะ “อยากหรูหรา-ดูดี-ตามกระแส” เท่านั้น และเมื่อฐานะของตนไม่เพียงพอจะซื้อ อย่างเลวร้ายเบื้องต้นคือการยอมเป็นหนี้เป็นสิน และอย่างเลวร้ายที่สุดคือการหาช่องทางทุจริต
วันนี้มีกระแส “เดินหน้าปฏิรูปประเทศ” ครั้งใหญ่ แต่หากไม่สร้าง “ค่านิยมใหม่” ให้คนไทย “เรียบง่าย-ไม่ติดหรู” แล้ว
ก็เชื่อว่าคงยากที่จะแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี