“ไปไม่ได้..แก๊สใกล้หมด”
“ไม่ไป..เดี๋ยวไปส่งรถไม่ทัน”
“ไม่ไป..รถติด”
สารพัดเหตุผลที่คนทั่วไปได้ประสบพบเจอเวลาที่ต้องการใช้บริการรถแท็กซี่ ทั้งๆ ที่ไฟหน้ารถยังคงเปิด“ว่าง” ไว้แท้ๆ แต่เมื่อเรียกแล้วกลับปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย หรือบางคนเจอหนักหน่อย คือ แม้กระทั่งขึ้นรถไปแล้ว แต่ถูกปล่อยให้ลงกลางทางเอาดื้อๆ ด้วยสาเหตุเพียงเพราะทางเส้นนั้นการจราจรติดขัด
ทว่าเมื่อไปถามบรรดาคนขับแท็กซี่หลายราย ระบุตรงกันว่า การเข้าไปยังพื้นที่การจราจรหนาแน่น ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะหากเข้าไปแล้วไม่ได้ผู้โดยสาร แต่ต้องติดเครื่องรถจอดเฉยๆ บนถนน ผลก็คือเสียเชื้อเพลิงไปเปล่าๆ โดยไม่ได้อะไรกลับมา
“ต้นทุนที่แท้จริงระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเชื้อเพลิง ไม่ว่าตัวรถนะครับ มีการปรับขึ้นมาโดยตลอด เมื่อสิบปีที่แล้ว คันหนึ่งประมาณ 6 แสนกว่าบาท แต่วันนี้คันหนึ่งมากกว่า 8 แสนแล้ว คราวนี้ต้นทุนมันก็จะไปคำนวณกับตัวค่าเช่า หรือถ้าไม่ใช่รถเช่าเป็นรถซื้อเอง มันก็เป็นต้นทุนที่เขาต้องผ่อนส่งในรายเดือนสูงขึ้น นั่นเป็นต้นทุน”
นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสภาพความเป็นจริงของชีวิตคนขับแท็กซี่ในขณะนี้ ที่ราคาพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือเป็นก๊าซทั้ง NGV และ LPG ต่างทยอยปรับเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับตัวรถที่มีราคาแพงขึ้นเช่นกัน หากแต่ค่าโดยสารไม่ได้ปรับขึ้นมานานแล้ว
การปรับครั้งล่าสุด..เกิดขึ้นเมื่อปี 2539 หรือเกือบ 20 ปีก่อน!!!
ที่ผ่านมา เคยมีความพยายามหลายต่อหลายครั้งของชาวแท็กซี่ ในการเรียกร้องขอขึ้นค่าโดยสาร ล่าสุด 11 ก.ย. 2557 คุณวิฑูรย์กับสมาชิกเครือข่ายจำนวนหนึ่ง ได้ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงคมนาคมอีกครั้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้ในช่วงปลายปี 2556 (21 พ.ย.2556) ได้มีการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการสหกรณ์แท็กซี่ กลุ่มคนขับแท็กซี่ และกรมการขนส่งทางบก มีข้อเสนอรวม 3 แนวทางดังนี้
1.ข้อเสนอฝ่ายผู้ประกอบการ เริ่มต้นที่ 35 บาท, ตั้งแต่ 1-20 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 6.50 บาท, ตั้งแต่ 20-40 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 7.50 บาท, ตั้งแต่ 40 กิโลเมตรขึ้นไป กิโลเมตรละ 9.50 บาท และค่าจอดเฉยๆ ในพื้นที่การจราจรติดขัด นาทีละ 2.50 บาท
2.ข้อเสนอฝ่ายคนขับ เริ่มต้นที่ 35 บาท, ตั้งแต่ 1-10 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 8.00 บาท, ตั้งแต่ 10-20 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 10.00 บาท, ตั้งแต่ 20 กิโลเมตรขึ้นไป กิโลเมตรละ 12.00 บาท และค่าจอดเฉยๆ ในพื้นที่การจราจรติดขัด นาทีละ 2.00 บาท
1.ข้อเสนอฝ่ายกรมการขนส่งทางบก เริ่มต้นที่ 35 บาท, ตั้งแต่ 1-12 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 5.00 บาท, ตั้งแต่ 12-20 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 6.00 บาท, ตั้งแต่ 20-30 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 6.50 บาท, ตั้งแต่ 30-40 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 7.50 บาท, ตั้งแต่ 40-60 กิโลเมตร คิดกิโลเมตรละ 8.50 บาท, ตั้งแต่ 60 กิโลเมตรขึ้นไป กิโลเมตรละ 9.50 บาท และค่าจอดเฉยๆ ในพื้นที่การจราจรติดขัด นาทีละ 2.50 บาท
แต่ก็ยังไม่ได้มีการนำทั้ง 3 แนวทาง ไปวิเคราะห์และทดสอบเพื่อหาข้อสรุป เนื่องจากวิกฤติทางการเมือง และการประกาศยุบสภาของรัฐบาลในขณะนั้น!!!
เมื่อถามว่าเป็นห่วงไหม? ว่าหากปรับราคาขึ้นได้ตามที่เรียกร้อง จำนวนผู้โดยสารจะลดลง ประธานเครือข่ายแท็กซี่รายนี้ ยอมรับว่าเป็นห่วงไม่น้อย แต่ก็อยากให้ผู้บริโภคเข้าใจเช่นกัน ที่ผ่านมา คนขับรถแท็กซี่ต้องทำงานเฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง เพื่อแลกกับรายได้เพียง 300-400 บาท ซึ่งหากวัดกันเป็นจำนวนชั่วโมง จะถือว่าน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำของคนทำงานระบบเงินเดือน ในภาคโรงงานอุตสาหกรรมเสียอีก ดังนั้นนี่คืออีกแนวทางหนึ่งในการลดปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
“พูดยากครับ เพราะว่ามันไม่ได้รับการพิจารณามาเป็นสิบๆ ปี ถ้าได้มีการพิจารณามาทุก 2 ปี ทุก 3 ปี เนี่ย คงไม่ได้ขึ้นกันมากมาย และก็ถ้าคิดแต่ละครั้งผมว่าผู้บริโภครับได้ แต่จากการที่ถูกปล่อยปะละเลยเรื่องนี้มานาน พอปรับขึ้นมาสัก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์เนี่ย ผู้ใช้บริการอาจจะมองว่าเป็นผลกระทบนะครับ
ผู้ขับรถแท็กซี่วันนี้เนี่ยต้องขับรถวันหนึ่งมากกว่า 12 ชั่วโมง และก็ได้ค่าตอบแทนวันนึงถัวเฉลี่ย 300 บาท คิดแล้วก็น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ เพราะนั้นจะทำไงให้รายได้ของผู้ขับรถแท็กซี่ อย่างน้อยอยู่ในค่าแรงขั้นต่ำนะครับ ถ้าคนอื่นทำ 8 ชั่วโมง ได้ 300 ถ้าคนขับแท็กซี่ทำ 12 ชั่วโมง ก็ควรจะได้ประมาณ 400-450 นะครับ
ตรงนี้เราห่วงเรื่องของรัฐบาลที่มีนโยบายเรื่องการจะปรับขึ้นราคาแก๊สด้วย เพราะนั้นถ้าเกิดมีการปรับขึ้นราคาแก๊สอยากให้ทางคมนาคมหรือกรมทางขนส่งทางบก ได้พิจารณาไปซะทีเดียวเลย เพราะอัตราค่าโดยสารแท็กซี่เนี่ยไม่สามารถปรับขึ้นได้ง่าย อย่างได้เห็นที่ผ่านมาปรับพร้อมกันเมื่อ 10 กว่าปี ควรจะได้พิจารณากัน” คุณวิฑูรย์ ระบุ
คำถามสุดท้าย..กับ 3 เหตุผลยอดฮิตที่คนขับแท็กซี่มักใช้ปฏิเสธผู้โดยสาร อย่าง “เติมก๊าซ-ส่งกะ-เสี่ยงภัย” คุณวิฑูรย์กล่าวว่า เหตุผลดังกล่าวเป็นความจริงประมาณร้อยละ 30 ส่วนร้อยละ 70 คนขับแท็กซี่กลัวไม่คุ้มหากวิ่งไปในที่รถติดหรือผู้มีโดยสารน้อย จึงเป็นที่มาของการขอขึ้นค่าโดยสารตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งเชื่อว่าจะลดความรู้สึกไม่คุ้มค่าหากจะต้องเข้าไปในเส้นทางดังกล่าวของคนขับได้มากทีเดียว แต่อีกทางหนึ่ง ก็ต้องยอมรับว่า จำนวนปั๊มก๊าซ NGV เชื้อเพลิงที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้แท็กซี่ใช้ มีไม่เพียงพอกับจำนวนรถยนต์ใน กทม. จริงๆ เช่นกัน
“ทาง ปตท. เอง ไม่สามารถเพิ่มร้านแก๊สในกรุงเทพฯชั้นในได้ ยกตัวอย่าง พระราม 4 ทั้งสาย, สุขุมวิท, สวนหลวง ย่านนี้ทั้งหมดเลย เยาวราช, เจริญกรุง, เกาะรัตนโกสินทร์ ที่เป็นอู่แท็กซี่ดั้งเดิมมา 40-50 ปี เนี่ย เขาประกอบการอยู่ที่นี่ แต่ปั๊มแก๊สไม่สามารถที่จะตั้งได้เลย สาเหตุหนึ่ง ทาง ปตท. บอกใช้ต้นทุนสูง อย่างที่สองเลยคือขออนุญาตแล้วไม่ผ่าน จึงไม่สามารถเพิ่มปั๊มได้” ประธานเครือข่ายแท็กซี่รายนี้ ชี้แจง
ถึงกระนั้น..ในประเด็นความปลอดภัย ก็อยากให้ประชาชนผู้ใช้บริการเข้าใจหัวอกแท็กซี่เช่นกัน เช่นกรณีของ สมดี มานะ หนุ่มใหญ่วัย 53 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ปัจจุบันสมดีขับแท็กซี่ช่วงเวลาบ่ายๆ ไปจนถึงราวเที่ยงคืน และยอมรับว่า หากเป็นช่วงกลางคืนแล้วพบวัยรุ่นโบกเรียก ก็อาจจะไม่จอดรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาเป็นกลุ่ม เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นการล่อลวงไปชิงทรัพย์หรือไม่?
“ถ้าเจอวัยรุ่นมาเป็นกลุ่ม สองสามคนขึ้นไปผมก็ไม่จอดรับนะ จะขับผ่านไปเลย” โชเฟอร์แท็กซี่รายนี้ กล่าว
สอดคล้องกับความเห็นของคุณวิฑูรย์ ที่ระบุว่าทุกวันนี้ แท็กซี่ต้องหาวิธีดูแลตัวเองกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุสื่อสาร หรือเครื่องติดตามระบุพิกัดด้วยดาวเทียม (GPS) มาใช้ เพราะที่ผ่านมาภาครัฐไม่ค่อยเข้ามาดูแลเท่าไรนัก แต่ก็หวังว่ารัฐบาลใหม่นี้จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือมากขึ้น
“ที่เรียกร้องก็เรียกร้อง ที่ช่วยเหลือตนเองก็ช่วยเหลือตนเอง ที่เรียกร้องไปเราก็ยังไม่เห็นมาตรการที่ชัดเจน ได้ข่าวว่าจะทำตะแกรงเหล็กดัด กั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร แต่ยังไม่ออกมาใช้ ตอนนี้ที่เราทำกันเอง ก็นำระบบวิทยุสื่อสาร นำระบบ GPS มาใช้ แล้วกำลังจะไปสู่การติดกล้องวงจรปิดในรถ
นั่นคือการที่เราช่วยเหลือตนเองเพื่อเซฟความปลอดภัย เวลาที่เกิดเหตุจริงๆ อาจจะช่วยได้เร็วขึ้น ภาครัฐเราขอมาโดยตลอด แต่ในทางปฏิบัติไม่ค่อยจะได้ผลเท่าที่ควร แต่เราก็ไม่สิ้นหวังในการหวังพึ่งรัฐ แม้แต่ครั้งนี้ก็ยังขอมานะครับ ในมาตรการที่จะพัฒนาระบบแท็กซี่ ให้ทันต่อนานาอารยประเทศ” ประธานเครือข่ายแท็กซี่ กทม. ฝากทิ้งท้าย
SCOOP@NAEWNA.COM
แก้วกานดา ตันเจริญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี