ถ้าไม่มาเห็นด้วยตา “โอม” ธีราทร สุจริต นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คงไม่รู้ว่าที่สถานสงเคราะห์เด็กพิการและทุพพลภาพปากเกร็ด หรือ “บ้านนนทภูมิ” มีอะไรมากกว่าสถานดูแลคนพิการที่เขารู้จักผ่านสื่อ
“ผมเห็นน้องคนพิการเข็นรถขึ้นทางลาดไม่ได้เลยจะเข้าไปช่วยเข็น แต่แม่ หรือพี่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์ ส่งสัญญาณห้ามไว้ จึงชะงักไว้และรอดู จากนั้นไม่นานนักน้องเขาก็เข็นขึ้นได้ มันดูลำบากก็จริง แต่ก็ต้องฝึก ไม่เช่นนั้นเขาจะช่วยตัวเองไม่ได้” โอม เล่าถึงภาพที่เห็น หลังมีโอกาสได้เข้าห้องเรียนในโครงการ “พลังเพลง พลังปัญญา” ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มเยาวชน Triple H Music กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ระยะที่ 4
ถึงจะเป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ประสบการณ์ที่เขาและเพื่อนนักดนตรีสมัครเล่นจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ได้รับจากสถานสงเคราะห์ฯ ถูกยกให้เป็นหนึ่งช่วงเวลาที่มีค่า เพราะมันช่วยเปิดมุมมองเรื่องความทุพพลภาพทางร่างกายของผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็น “ความจริงในสังคม”
ห้องเรียนในโครงการพลังเพลง พลังปัญญา ปีนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะนอกจากสนับสนุนเยาวชนที่รักดนตรีให้ผลิตผลงานเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนสังคมแล้ว ยังให้นักดนตรีที่ผ่านการคัดเลือกตั้งประเด็นปัญหาสังคมที่ตนเองสนใจจะนำเสนอ จากนั้นจะให้เยาวชนลงพื้นที่ โดยมีกลุ่มคนทำงานเพื่อสังคมเป็นพี่เลี้ยง ผลลัพธ์สุดท้าย คือ การผลิตผลงานเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนสังคม กลายเป็นสื่อคุณภาพที่แหลมคมทั้งสาระและสนุกสนานในรูปแบบนำเสนอ…..
วันหยุดสุดสัปดาห์ เมื่อปลายสิงหาคมที่ผ่านมา จึงเป็นอีกครั้งที่ 2 ที่กลุ่มนักดนตรีจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ทั้งวง “ฮาร์ดแวร์” และ “North west” มาเรียนรู้ประเด็นเรื่องเด็กพิการกับ “มูลนิธิสุขภาพไทย” และมีโอกาสขับกล่อมดนตรีให้เพื่อนผู้พิการฟัง ซึ่งเมื่อถามถึงเพลงที่กำลังจะเรียบเรียงขึ้นใหม่ หลังผ่านชั่วโมงเรียนรู้ครั้งนี้ “โอม” แย้มว่า จะเป็นเพลงที่สะท้อนความรู้สึกถึงคนภายในบ้านผู้พิการที่อยากจะบอกสู่โลกภายนอก
“มุมมองที่คนภายนอกมีกับผู้พิการ หลายๆ คนคงรับรู้กันมาบ้างแล้ว บางคนสงสาร บางคนเห็นแล้วรู้สึกอยากช่วยเหลือ แต่ผมอยากจะทำเพลงของผู้พิการที่บอกความรู้สึกไปถึงคนภายนอก” โอม กล่าว
ส่วน “แบงค์” ณัฐพงศ์ ชื่นใจ มือกีตาร์วงฮาร์ดแวร์ กล่าวว่า กิจกรรมในรูปแบบพลังเพลงฯไม่ได้ให้ความสนใจที่ชัยชนะในเรื่องดนตรีอย่างเดียว แต่ยังสอนให้รู้จักสังคมในแง่มุมต่างๆ เช่น เรื่องคนพิการที่ครั้งหนึ่งเคยรู้จักอย่างผิวเผิน แต่วันนี้มีมุมมองที่ได้ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไป ไม่รู้สึกไม่ท้อใจกับเรื่องต่างๆ ได้ง่าย
“การเล่นดนตรีในวันนี้ จึงรู้สึกคุ้มค่า ผมรู้สึกหลายอย่างผสมกัน ทั้งได้มาทำบุญ ได้เล่นดนตรีที่พวกผมชอบ ได้ข้อมูลและมุมมองใหม่ๆ ในการทำเพลงต่อไป มันไม่ได้อยากชนะอย่างเดียว หรือแข่งดนตรีแล้วจบไป แต่มันทำให้เราตั้งคำถามว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง สำหรับผู้พิการเหล่านี้” แบงค์ กล่าว
สำหรับรูปแบบของกิจกรรมพลังเพลงฯ จะคัดเลือกวงดนตรีจากเยาวชนในสถาบันศึกษาทั่วประเทศเพื่อเข้าอบรมผลิตเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนสังคม และสื่อถึงการมีสุขภาวะทางปัญญา ซึ่ง “รัชพงศ์ โอชาพงศ์” ผู้จัดการโครงการ กล่าวย้ำว่า ดนตรีไม่จำเป็นต้องพูดถึงความรักเสมอไป แต่ดนตรี คือ สื่อสร้างสรรค์ที่จะสะท้อนสังคมในมุมมองต่างๆ.....
“ดนตรีและเสียงเพลงคือความชอบของวัยรุ่น แต่เพลงที่ดีต้องมองกว้างไปถึงสังคมที่เราอยู่อาศัย ให้เกิด
ผลงานเพลงที่มีสาระ และตัวเยาวชนเองก็จะเติบโตทางความคิด ร่วมเรียนรู้เรื่องที่เป็นจริงของสังคม”
เฉกเช่นตัวอย่างการลงพื้นที่สถานสงเคราะห์ผู้พิการฯ ที่เยาวชนจะได้ข้อมูลที่หลากหลาย และลึกขึ้นกว่าการรู้จักผู้พิการผ่านสื่อ ดังนั้น “เพลง” ที่พวกเขากำลังจะทำขึ้น จึงน่าจะสะท้อนหัวใจ “เพื่อนผู้พิการ” ได้บ้างไม่มากก็น้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี