เป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับ “กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ” หรือ “กทปส.” ที่ก่อนหน้านี้แทบจะบอกได้ว่า “เงียบ” และไม่เป็นที่รู้จักนัก จนกระทั่งมีการประมูล 3G
เรื่อยมาจนถึงการประมูลใบอนุญาตให้บริการ หรือ “ไลเซ่นส์” ทีวีดิจิตอล 24 ช่องรายการ และ “รับเงิน” ส่วนนี้ไปเต็มๆ ทำให้ช่วงหนึ่ง กทปส.ได้กลายเป็น “ขุมทรัพย์” ที่ถูกจับจ้องมากขึ้น ทั้งจากแวดวงสังคม และ “ผู้มีอำนาจ”.....
แต่ ณ วันนี้ สถานการณ์อาจเปลี่ยนไป!!!
ล้วงกระเป๋ากองทุน กทปส.
นิพนธ์ จงวิชิต ผู้อำนวยการ กทปส. เผยว่า ปัจจุบัน กทปส.มีรายได้อยู่ที่ 27,110 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 บัญชี ได้แก่ “บัญชีที่ 1” สามารถนำเงินมาใช้ได้ทุกวัตถุประสงค์ จำนวน 12,114 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินงวดแรกที่ได้รับจากผู้ประมูลไลเซ่นส์ทีวีดิจิตอลทั้ง 24 ช่อง โดยเงินก้อนหนึ่งถูกนำไปใช้ในการแจก “คูปอง” เพื่อซื้ออุปกรณ์รับชมทีวีดิจิตอลให้กับประชาชนทั้งประเทศ มูลค่า 15,000 ล้านบาท
หลังมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” ได้มีคำสั่งให้นำเงินส่วนที่เหลือเข้ากระทรวงการคลังทั้งหมด
ดังนั้นกองทุนต้องหักเงินที่จะได้จากการประมูลทีวีดิจิตอลครั้งที่ 2 ในเดือน พ.ค. 2558 อีก 4,000 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นค่าคูปองทีวีดิจิตอลจนครบโครงการที่ต้องใช้เงินประมาณ 15,000 ล้านบาท
“บัญชีที่ 2” เป็นเงินที่จะนำไปใช้ในโครงการจัดให้มีบริการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม หรือ USO ฝั่งกระจายเสียง ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าให้เก็บได้ไม่เกิน 10% ของรายได้ผู้ประกอบการวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งส่วนนี้ยังไม่มีรายได้.....
“บัญชีที่ 3” จะมาจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบการกิจการโทรคมนาคมที่ต้องนำส่งเข้ากองทุนในอัตรา 3.75% ต่อปี ประมาณปีละ 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีเงินอยู่ในบัญชีนี้ประมาณ 12,300 ล้านบาท.....
“บัญชีที่ 4” เป็นเงินที่รับโอนมาจากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.จำนวน 2,657
ล้านบาท โดยขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้คืนมาให้ กสทช.จำนวน 950 ล้านบาท ในโครงการไวไฟฟรีทั่วประเทศ
“การแจกคูปองทีวีดิจิตอล ถ้าตามแผนใช้งบประมาณ 15,000 ล้านบาท แต่เงินประมูลไลเซ่นส์ทีวีดิจิตอลงวดแรกเข้ามา 11,000 ล้านบาท ราวเดือนพฤษภาคม 2558 เงินประมูลงวดสองจะเข้ามาอีก 8,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะต้องหักเข้า กทปส.จำนวน 4,000 ล้านบาท เพื่อมาจ่ายคูปอง ส่วนที่เหลือจะส่งคืนเข้ารัฐ ส่วนงวดต่อๆ ไป
ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต้องส่งเงินค่าประมูลเข้ารัฐ ทำให้รายได้หลักของ กทปส.จะมาจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาต หรือค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคม ที่ กสทช.จะจัดสรรให้” นิพนธ์ กล่าว
‘เงิน’ร่อยหรอ.....สถานะที่อาจเปลี่ยน
นิพนธ์กล่าวอีกว่า ภายหลัง คสช.เข้ามามีอำนาจ ก็ได้สั่งชะลอโครงการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม หรือ USO ของ กสทช.ไว้ก่อน ซึ่ง กสทช.ก็ได้พยายามที่จะปลดล็อกโครงการต่างๆ ให้เดินหน้าและเห็นเป็นรูปธรรม เพื่อ “คืนความสุขแก่ประชาชน” โดยเตรียมเสนอแผนการใช้เงินกองทุน กทปส.ให้กระทรวงไอซีทีพิจารณา เพราะต้องการให้มีการนำเงินจากกองทุน กทปส.ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านโทรคมนาคมอย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ รวมถึงพัฒนาบุคลากรในวิชาชีพ การคุ้มครองผู้บริโภคจากการใช้บริการ และให้ความรู้ประชาชนให้เท่าทันสื่อด้วย
นิพนธ์กล่าวอีกว่า เวลานี้ กทปส.ยังมี “ภาระผูกพัน” ในโครงการหลักๆ ที่จะต้องใช้งบประมาณ ประกอบด้วย โครงการนำร่องบรอดแบนด์มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร.
การจ่ายค่าชดเชยกรณีถ่ายทอดการออกอากาศฟุตบอลโลก 2014 ให้กับ บริษัท อาร์เอส จำกัด ตามคำสั่งของศาลโดยบอร์ดกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์(กสท.) เห็นชอบอนุมัติจ่ายให้ 369 ล้านบาท และการแจกคูปองทีวีดิจิตอล จำนวน 15,000 ล้านบาท
โครงการที่หน่วยงานภายนอกของบเพื่อสนับสนุนโดยกรอบวงเงินปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท แต่มีผู้ขอสนับสนุนแล้ว
กว่า 200 กว่าโครงการ ในวงเงิน 2,000 กว่าล้าน ถือว่าเกินงบประมาณ ซึ่งกองทุนจะต้องมาคัดเลือกให้อยู่ในกรอบวงเงิน 500 ล้านบาท โดยจะต้องเสนอและเข้าที่ประชุม กสทช.เห็นชอบภายในปีนี้
“เมื่อคำนวณเงินที่เหลือหักลบกับโครงการภาระผูกพันกว่า 13,580 กองทุน จะเหลือเงินอยู่ที่ 13,530
ล้านบาท และเมื่อเงินที่ประมูลทีวีดิจิตอลหายไป ก็ต้องมาทบทวนว่าเงินจะเข้ากองทุนจากทางไหน และถ้าไม่ได้หรือได้น้อยลง ยุทธศาสตร์กองทุนในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งในเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมบอร์ดเพื่อทบทวนแผนยุทธ์ศาสตร์ พ.ศ.2555-2559 ของกองทุน” นิพนธ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้กองทุน กทปส.ถือเป็น “ขุมทรัพย์” อันหอมหวานที่ใครหลายคนหมายมั่นอยากเข้ามาบริหารจัดการชนิด “ตาเป็นมัน” และ “น้ำลายสอ” ถึงขนาดเคยมีความพยายามส่ง “คนพิเศษ” เข้ามาเป็นบอร์ด เพื่อเพิ่มโอกาสการส่งเม็ดเงินสนับสนุนโครงการตาม “ใบสั่ง”
แต่ด้วย ณ ปัจจุบัน ที่สถานะและ “เม็ดเงิน” กำลังร่อยหรอ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าหลังจากนี้กองทุน กทปส.จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไร และจะยังเป็นที่ “ยั่วยวนใจ” อีกหรือไม่...
ล้วงกระเป๋ากองทุน กทปส.
น้ำฝน บำรุงศิลป์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี