“กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือ “ดีเอสไอ” ได้ผู้นำคนใหม่แล้ว คือ “รองแป๋ว” นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ซึ่งถือเป็น “อธิบดีดีเอสไอหญิงคนแรก” ของหน่วยงานแห่งนี้ที่ตั้งมาได้ราว 12 ปี ซึ่งก็น่าจะทำให้ดีเอสไอ ที่มักถูกปรามาสว่าคอย “รับใช้” ฝ่ายการเมือง ถูกจับจ้องมากขึ้นกว่าเดิมว่าที่สุดแล้วหน่วยงานแห่งนี้จะก้าวไปอย่างไรภายใต้การกุมบังเหียนของ “ผู้หญิง” และผู้หญิงที่ชื่อ “สุวณา” จะ “ล้างและสร้าง” ภาพลักษณ์ใหม่ให้ดีเอสไอได้อย่างไร ภายใต้ “แรงกดดัน” และเสมือนถือ “เผือกร้อน” อยู่ในมือ
“สุวณา” ถูกมองว่าเป็น “ม้ามืด” ที่ได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเธอเชื่อว่าสาเหตุที่ถูกเลือก เพราะผู้บังคับบัญชาน่าจะต้องการให้เข้ามา “วางระบบ” ของดีเอสไอให้มีประสิทธิภาพ โดย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม คงต้องการให้เข้ามาบริหารจัดการทั้ง “องคาพยพ” และวางระบบสนับสนุนการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอธิบดีท่านก่อนๆ ก็วางระบบอะไรไว้ค่อนข้างดีแล้ว เราก็เข้ามาดูว่ายังมี “จุดอ่อน” ตรงไหนก็แก้ไขให้ดีขึ้น
“สุวณา”กล่าวอีกว่าภารกิจแรกๆที่ได้รับมอบหมายจาก รมว.ยุติธรรม ก็คือการกำหนดกรอบว่าคดีระดับใดควรเป็น “คดีพิเศษ” ซึ่งในเบื้องต้นคงต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในด้านกฎหมาย เพื่อกำหนดกรอบรายละเอียดของคดีต่างๆ ว่าสมควร มากไป น้อยไปหรือไม่ต่อการเป็นคดีพิเศษ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ดีเอสไอมีการทำงานตรงตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้คือต้องทำคดีพิเศษจริงๆ การกำหนดกรอบอาจจะง่ายขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่คดีพิเศษที่จะมาดูว่าคดีนั้นๆ ใช่ หรือไม่ใช่ แต่ที่สุดแล้วก็ต้องมีการสืบสวนก่อน ถ้าไม่เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษก็ต้องส่งต่อให้หน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแทน
“สมมุติว่าใครก็ตามที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ต้องมาร้องที่ดีเอสไอ จนทำให้เป็นที่มาของการทำคดีที่ไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าจะให้องคาพยพนี้ได้ผลดังเจตนารมณ์ที่ตั้งกรมขึ้นมาก็ต้องมากำหนดกรอบจึงจะถูกต้อง แต่ท่าน รมว.ยุติธรรม ก็ยังให้นโยบายว่าถ้าประชาชนมาร้องเรียนที่เรา เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมมาจากที่อื่น ก็เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยเหลือ”
สำหรับความห่วงใยในความเป็น “ผู้หญิง” ที่ต้องเข้ามาบริหารหน่วยงานที่เต็มไปด้วยความกดดันนั้น “สุวณา” บอกว่าความเป็นผู้หญิง ผู้ชาย ไม่เกี่ยว ถ้าเป็นหัวหน้าหน่วยก็ต้องทำงานทั้งเชิงบริหารและภารกิจหลัก ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือ บุคลากรที่มีอยู่ให้ทำงานได้ เราคงต้องมาดูว่าควรมอบหมายใครให้ดูแลตรงไหน ต้องบริหารจัดการองคาพยพทั้งหมดของกรมให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน คิดว่าบทบาทตรงนี้อาจจะหนักกว่าเก่า แต่อย่างน้อยเราก็มีประสบการณ์มากพอที่น่าจะช่วยให้ผ่านไปได้
ประเด็นที่เชื่อว่าจะทำให้ “ดีเอสไอ” และ “สุวณา” ถูกจับตาอย่างมากหลังจากนี้ เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “คดีการเมือง” ที่คาราคาซังมาตั้งแต่ยุคก่อนๆ และมีแรงกดดันจากหลายๆฝ่าย เธอจะ “รับมือ” กับมันอย่างไร???
“สุวณา” บอกว่า “คดีการเมือง” หลายคดีคืบหน้าไปมาก ซึ่งยืนยันว่าจะสืบสวนสอบสวนด้วยความยุติธรรม และพร้อมให้โอกาสทุกฝ่าย และไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร เพราะเดี๋ยวนี้โลกก้าวไปไกลแล้ว จะมาทำอะไรตามอำเภอใจ หรือทำอะไรที่ไม่ถูกต้องคงลำบาก หลังจากนี้การสืบสวนหาข้อมูลก็ต้องเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งได้เน้นย้ำทีมงานไปแล้วว่าอย่ามี “อคติ” ต้องเอาตามข้อเท็จจริง และข้อเท็จจริงต้องได้มาโดยถูกต้องดีเอสไอมีหน้าที่ต้องให้ “ความยุติธรรม” กับทุกฝ่าย ถ้าใครไม่ตรงไปตรงมา ก็ทำงานด้วยกันไม่ได้
“อย่างกรณีมีการร้องเรียนว่ามีการซ้อม 5 ชายชุดดำผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารจากเหตุการณ์ความรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเดือน เม.ย.2553 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต ก็ต้องสอบสวนให้ความเป็นธรรมควบคู่กันไป กระบวนการสอบสวนในวันข้างหน้าสิ่งไหนที่ผู้ต้องหารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เราก็ต้องรับฟังและสอบสวน ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จะต้องเยียวยาเขา”
ห้วงหลายๆปีที่ผ่านมาการทำงานของ “ดีเอสไอ” มักถูกสังคมมองใน “ภาพลบ” โดยเฉพาะตัวอธิบดีที่ถูกโยงว่า “รับใช้” การเมือง หรือผู้มีอำนาจมากกว่าการทำงานตามเจตนารมณ์ของตัวเอง ซึ่ง “อธิบดีหญิง” ผู้นี้ มองว่าอดีตอธิบดีหลายๆ คนน่าจะมีความประสงค์ดี ต้องการให้การทำงานของดีเอสไอเกิดประโยชน์กับประชาชน แต่บางครั้งก็มี “ออกนอกไลน์” ไปบ้าง จนทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจเกิดข้อกังขา แต่ถ้ากำหนดกฎเกณฑ์ให้ดี ป้องกันเอาไว้ก่อน ปัญหาก็จะน้อยลง
“ปัญหาที่ผ่านๆ มาน่าจะเกิดจากตัวอธิบดีมีอำนาจมาก และใช้ดุลพินิจส่วนตัวเยอะไปหน่อย จนเกิดความไม่เข้าใจขึ้นทั้งๆ ที่ตัวอธิบดีก็ไม่ได้มีนอกมีในอะไร ดังนั้นต่อจากนี้การทำงานควรผ่านคณะกรรมการ หรือบอร์ด หลายคนช่วยกันคิด พิจารณา คัดค้าน น่าจะดีกว่า อย่างน้อยการได้ฟังคนอื่นบ้างก็น่าจะทำให้ทุกอย่างรอบคอบขึ้น”
หลังจากนี้ภาพของ “ดีเอสไอ” จะดีขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่การวางระบบ เพราะต้องไม่ลืมว่าดีเอสไอมีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมาย และ รมว.ยุติธรรม นั่งอยู่ใน “บอร์ด” ก็เหมือนกับว่าเรา “ผูกติด” กับฝ่ายบริหาร แต่ รมว.ยุติธรรม ก็ให้ “การบ้าน” มาทำคือให้ “ออกแบบ” การทำงานว่าจะทำอย่างไรไม่ให้องค์กรนี้มีฝ่ายบริหารเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงมันก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติของคนในองค์กร
“สุวณา” เชื่อว่า ถ้าไม่มีมาตรการหรือระบบที่ดี ในอนาคตดีเอสไอจะเสี่ยงต่อการเกิดวิกฤติศรัทธา ซึ่งประชาชนจะเชื่อมั่นต่อดีเอสไอหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคนในองค์กรที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำงานภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่อย่างเป็นธรรม เพื่อขับเคลื่อนภารกิจให้ไปในทิศทางที่ควรจะเป็น และต้องไม่ทำให้ “ดีเอสไอ” กลายเป็นองค์กรสำหรับแสวงหาผลประโยชน์ของข้าราชการ แต่ต้องทำให้เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
“ถ้าเราสืบสวนสอบสวนคดีผิดพลาดบ่อยๆ ส่งไปแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลยกฟ้องหมด แบบนี้ต่อให้ดีเอสไอมีคนเก่งมากแค่ไหน ก็ไม่ทำให้ประชาชนเชื่อถือ อย่างนี้ก็จบเหมือนกัน มืออาชีพต้องมืออาชีพจริงๆ ทุกคนต้องช่วยกันหมดถ้าหวังให้องค์กรเป็นที่ศรัทธา เชื่อถือ และดูแลประชาชนได้จริงๆ” สุวณา กล่าวทิ้งท้าย
ประวัติการทำงานของ “สุวณา สุวรรณจูฑะ”
l พ.ศ.2522 - เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 3 สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
l พ.ศ.2533 - หัวหน้าฝ่ายการเงิน กองคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
l พ.ศ.2538 - ผู้อำนวยการกองคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
l พ.ศ.2544 - ผู้ช่วยปลัดกระทรวงยุติธรรม
l พ.ศ.2545 - ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม (ระดับ 9) และรักษาการรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
l พ.ศ.2547 - ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม (ระดับ 10) และที่ปรึกษาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
l พ.ศ.2549 - อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
l พ.ศ.2554 - รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
l พ.ศ.2557 - อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
สิริพร พานทองถาวร
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี