คอร์รัปชั่น..มะเร็งร้ายที่นับวันมีแต่จะลุกลามขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากดัชนีคอร์รัปชั่นและความโปร่งใส ประจำปี 2556 จัดอันดับโดย องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) พบว่า ประเทศไทยได้ 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อยู่อันดับที่ 102 จากทั้งหมด 177 ประเทศทั่วโลก
และหากนับเฉพาะในกลุ่มประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ ไทยได้เพียงอันดับที่ 5 เท่านั้น เป็นรองทั้งสิงคโปร์ ที่ได้อันดับ 1 ของภูมิภาค ได้ 86 จาก
คะแนนเต็ม 100 คะแนน อันดับ 2 คือบรูไน ได้ 60 จาก
คะแนนเต็ม 100 คะแนน อันดับ 3 มาเลเซีย ได้ 50 จาก
คะแนนเต็ม 100 คะแนน และอันดับ 4 ฟิลิปปินส์ ได้ 36 จาก
คะแนนเต็ม 100 คะแนน
พูดไปแล้วอาจไม่เชื่อ..หลายสิบปีก่อน ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ยังเคยต้องส่งคนมาดูงานที่ประเทศไทย แต่วันนี้ พวกเขาพัฒนาจนทิ้งห่างเราไปอย่างไม่เห็นฝุ่น!!!
เมื่อพูดถึงการคอร์รัปชั่น ใครๆ ก็ย่อมรู้ว่าต้องประกอบด้วย “3 ขา” ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ และภาคเอกชน ซึ่งบางครั้งภาครัฐ 2 กลุ่มแรกอาจเป็นฝ่ายเรียกรับผลประโยชน์ แต่ก็มีหลายกรณี ที่ภาคเอกชนเป็นผู้เริ่มเสนอก่อนเสียเอง เพื่อให้ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษบางอย่าง
ที่เห็นจนชินตา จนหลายคนอาจปลงๆ กันไปแล้ว คงจะเป็นเรื่องของ “การจัดซื้อจัดจ้าง”!!!
ดังที่ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เคยกล่าวในงานเสวนา “หยุดคอร์รัปชั่น เพื่อประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า” เมื่อเดือน ก.ย. 2557 ที่ผ่านมา ระบุถึง “จุดบอด 3 จุด” ของระบบการจัดซื้อจัดจ้างของไทย ที่นำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นได้
1.เต็มไปด้วยการผูกขาด ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ของรัฐมักจะมีลักษณะ “ผูกปิ่นโต” กันกับเอกชนไว้ว่าบริษัทไหนจะหากินกับหน่วยงานไหน 2.การใช้ดุลยพินิจที่ไม่เหมาะสม กฎหมายหลายฉบับให้อำนาจภาครัฐใช้ดุลยพินิจ แต่จะทำอย่างไรให้การใช้ดุลยพินิจนั้นเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ และ 3.ความล่าช้าในการตรวจสอบ เพราะเมื่อการหาข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างล่าช้า ท้ายที่สุดก็มักไม่ต้องมีผู้รับผิดชอบ
สอดคล้องกับข้อสังเกตของ นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ระบุถึงทุกขั้นตอนของกระบวนการจัดซื้อจ้างที่ควรถูกตรวจสอบ ตั้งแต่ 1.การเขียน TOR มีการให้เกียรติใครหรือไม่? หรือล็อกสเปกให้ใครหรือเปล่า 2.เชิญผู้เข้าประมูลที่เกี่ยวข้องเข้าครบหรือไม่? เพราะหลายครั้งคนที่สนใจจะเข้าประมูล หลายคนถูกกีดกันออกไป เข้าประมูลไม่ได้เนื่องจากถูกข่มขู่ 3.ตั้งราคากลางสูงกว่าความเป็นจริงหรือไม่? เพื่อให้เกิดงบประมาณส่วนเกิน ซึ่งจะกลายเป็น “เงินทอน” เข้ากระเป๋าคนบางกลุ่มในที่สุด
“คุณตั้งงบประมาณมาแล้วเวลาจัดตั้งราคากลางมันเหมาะสมหรือไม่ ทำไมเราพูดถึงการทุจริต 30 เปอร์เซ็นต์ ผู้รับเหมาไม่มีเงินมาจ่ายหรอกครับ 30 เปอร์เซ็นต์ วิธีการก็คือตั้งราคากลางให้มันสูงกว่าราคาความเป็นจริง 30 เปอร์เซ็นต์ สรุปเลยก็คือเงินทอนที่จะเอามาตัด เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันของทุกภาคส่วนกับผู้รับเหมา” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าว
ถึงกระนั้น “ในความมืดก็ยังมีแสงสว่าง” อยู่บ้าง นั่นคือการตื่นตัวของภาคประชาชนอย่างไม่เคยมีมาก่อน จากที่เคยเป็น “ไทยเฉย” ไม่สนใจปัญหาของชาติบ้านเมือง วันนี้คนจำนวนมากได้ลุกขึ้นมาและประกาศว่าไม่ขอเป็น “ไทยอดทน” ต่อพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของผู้มีอำนาจอีกต่อไป
เห็นได้จากโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มองว่า “แพงจนน่าสงสัย” ก็จะมีเครือข่ายประชาชนทำการค้นหาข้อมูล เปรียบเทียบราคากันกับเอกชนทั่วไป แล้วก็นำมาเผยแพร่แลกเปลี่ยนกันผ่านสังคมออนไลน์ ให้เป็นข่าวคึกโครมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ “นาฬิกา” ที่รัฐสภาเมื่อปีก่อน มาจนถึง “ไมโครโฟน” ที่ทำเนียบรัฐบาลในปีนี้
เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ต้องจับตามอง!!!
ประเด็นนี้ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า หลักใหญ่ ๆ ที่ทำให้การทุจริตเกิดขึ้นยาก ก็คือทำให้เกิดการโปร่งใสในการดำเนินการทุกขั้นตอน หากตัวเลขถูกเปิดเผยออกมา ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มันจะทำให้ตรวจสอบง่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย่อมไม่กล้าทุจริต ขณะที่อีกทางหนึ่ง ระบบคัดกรองคนเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องมีความเป็นธรรม เพื่อให้คนเก่ง-คนดี-คนซื่อสัตย์ เข้ามาทำงานได้
“เราต้องสร้างกระบวนการที่จะทำงานภาครัฐให้โปร่งใส โปร่งใสเพื่อความเป็นธรรมในการทำงาน เพื่อให้คนที่มีความสุจริตสามารถที่จะเข้ามาทำงานได้ ถ้าเราเปิดโอกาสให้เกิดแบบนี้ขึ้นแล้ว ผมว่าไม่มีใครอยากจะทุจริตหรอกครับ” นายประมนต์ กล่าว
อีกด้านหนึ่ง หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่เฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยตรง อย่าง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดย นายอุทิศ บัวศรีในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า ไม่เพียงแต่ข้าราชการหรือนักการเมืองเท่านั้นที่ต้องแก้ไขพฤติกรรม แต่ภาคเอกชนก็ต้องเลิกจ่าย “ค่าหล่อลื่น” เพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวก ลัดขั้นตอนให้กับตนด้วยอีกทางหนึ่ง หาไม่แล้ว โอกาสที่ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะดีขึ้นในสายตาชาวโลก ย่อมจะเป็นไปไม่ได้เลย
“พฤติกรรมคนในประเทศต้องเปลี่ยนด้วยนะ เพราะว่าถ้าเราประชุมกัน พูดกัน แต่ทำแบบเดิม มันก็ได้แบบเดิม อย่างที่เรียนนะครับว่า ในธุรกิจจัดซื้อจัดจ้าง มันต้องไม่มีเรื่องแม้กระทั่งของขวัญ ภาคเอกชนก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยนะ ไม่ใช่ชอบเอาเงินมาเลี้ยงข้าราชการ
คือโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ หลายคนบอกว่ามันเป็นพฤติกรรม มันเป็นวัฒนธรรมของเรา วัฒนธรรมอย่างไร ในเมื่อมันไม่ใช่สากลมันก็ต้องเปลี่ยน นี่คือสิ่งที่เป็นรูปธรรมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมก็หวังว่ามันจะพัฒนาเข้าสู่การเป็นสากล ทัดเทียมเท่ากับต่างประเทศเขา โดยเฉพาะปีหน้าเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กฎเกณฑ์อย่างนี้ต้องใช้เหมือนกันครับ” ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ฝากทิ้งท้าย
ล่าสุด ดัชนีคอร์รัปชั่นและความโปร่งใส ประจำปี 2557 ที่เปิดเผยเมื่อ 3 ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา แม้ประเทศไทยจะขึ้นมาอยู่อันดับที่ 85 ของโลก จาก 175 ประเทศ หรือมีภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใสที่ดีขึ้น แต่หากดูกันที่คะแนนแล้ว พบว่าไทยยังคง “สอบตก” เช่นเดิม เพราะได้เพียง 38 จาก 100 คะแนนเต็ม ครองอันดับ 3 อาเซียนร่วมกับฟิลิปปินส์เท่านั้น ขณะที่มาเลเซีย อยู่ในอันดับ 50 โลก และอันดับ 2 อาเซียน ได้ 52 คะแนน ส่วนสิงคโปร์อยู่ในอันดับ 7 โลก และอันดับ 1 อาเซียน ได้คะแนนสูงถึง 84 คะแนน
ดูเหมือนเส้นทางสู่ “สังคมโปร่งใส” ของไทย จะไม่ใช่เรื่องง่าย!!!
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังหวังว่าสักวันหนึ่ง บ้านเราคงจะดีกว่านี้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี