ขาว สวย หมวย เอ็กซ์ ตัวเล็ก ดัดฟัน....
อัพเดทเซ็กซี่ เซลฟี่ภาพหวาม.....
ยอด “แชร์” นับหมื่น ยอด “ไลค์” แตะแสนในแฟนเพจ.....
ข้างต้นน่าจะเป็นความเข้าใจที่วัยรุ่นไทยยุค “สังคมก้มหน้า” มองว่านี่คือ “ตำรา” สู่ความโด่งดัง และ “ตีตรา” ว่าถ้าคุณสมบัติครบตามสูตรสำเร็จข้างต้นก็จะถูกอุปโลกน์จากสังคม “โซเชียล” ให้เป็น.....
“เนตไอดอล”!!!
ทั้งๆ ที่ในอดีตกว่าใครสักคนจะก้าวข้ามสู่ความเป็น “เนตไอดอล” ได้นั้น ไม่ใช่แค่ลุกขึ้นมาโชว์ความฮา หรือแค่มี “ติ่ง” จำนวนมากคอยติดตาม หรือแค่ “เปลื้องผ้า” อวดเนื้อหนังมังสา อย่างที่น้องนั่นน้องนี่ที่วันดีคืนดีหวังจะ “ปั๊มไลค์” ก็ลุกขึ้นมาโชว์หวิว บางคน “แรง” ถึงขั้นโชว์ “คลิปสยิว” ดังที่ปรากฏเป็นข่าวกับกรณี “เนส เนตไอดอล” เมื่อเร็วๆนี้
เมื่อ “ค่านิยม” และความเข้าใจต่อ “ผู้นำทางความคิด”ของวัยรุ่นไทยดูจะ “เพี้ยน” ไป ทำให้ทุกวันนี้เกิดปรากฏการณ์เนตไอดอลเกลื่อนโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของบางคน โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ที่ชอบโชว์หวาม ดูจะเหมาะกับคำว่า.....
“สก๊อยส์โซเชียล” มากกว่า!!!
“ในอดีตคนที่จะเป็นไอดอลได้ อาจจะเป็นคนที่สื่อมวลชนให้ความสนใจนำเสนอเรื่องราวบ่อยๆ เช่น ดารานักแสดง เป็นต้น จนกลายเป็นที่ชื่นชอบ เป็นไอดอลขึ้นมา แต่ยุคนี้เนื่องจากทุกคน โดยเฉพาะวัยรุ่นสามารถสื่อสาร หรือแสดงความคิดเห็นได้ง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ก็มักใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงตัวตนออกไป ก็กลายเป็นไอดอล หรือเนตไอดอลได้” มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย อธิบายถึงปรากฏการณ์เนตไอดอลเกลื่อนโลกออนไลน์ ณ ปัจจุบัน
ด้วยความที่เนตไอดอลยุคปัจจุบัน มักมาพร้อมกับภาพวาบหวิว จนทำให้สังคม หรือแม้แต่ตัวเด็กเองเลือกใช้การ “ปลดอาภรณ์” เป็นใบเบิกทางสู่การขยับฐานะเป็นเนตไอดอล ซึ่ง “มานะ” มองว่า “กลยุทธ์” เยี่ยงนี้มีมานมนานแล้ว เพียงแค่ใช้ “ศัพท์” ที่ต่างกันไป
“มานะ” บอกว่า สมัยก่อนก็มีการ “เปิดบน โชว์ล่าง” ผ่านสื่อบางประเภท โดยเฉพาะในกลุ่มดารานักแสดง เพียงแต่ไม่ได้ถูกเรียกว่าเนตไอดอล แต่อาจจะเรียกว่า “ดาวยั่ว”, ดาวโป๊ หรือนางงาม ฯลฯ แต่เนื่องจากยุคนี้มันอยู่ในช่วงที่ “โลกออนไลน์” กำลังเบ่งบาน ดาวยั่วในวันนั้นจึงกลายมาเป็นเนตไอดอลในวันนี้ ซึ่งความจริงมีเรื่อง “สร้างสรรค์” หลายรูปแบบที่ทำให้เราเป็นเนตไอดอลได้ ขอแค่แสดงความเป็นตัวตนในทางที่ “สรรค์สร้าง” ออกมาให้เต็มที่ ไม่จำเป็นต้อง “เปลื้องผ้า” ก็ดังได้ ตรงนี้ต้องมีการเตือนวัยรุ่น หรือใครก็ตามที่อยากเป็นเนตไอดอล เพราะเดี๋ยวนี้บางคน.....
“แรง” และ “ดิบ”!!!
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเด็กที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการแสดงตัวตนจะรู้เท่าทันมันหรือไม่ หรือแค่ต้องการให้คนกดไลค์แล้วก็แชร์กันมากๆ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะต่อเนื่องตามมา บางคนลืมไปว่าสิ่งที่ทำมันอยู่บนโลกออนไลน์ มันจะคงอยู่ตลอดไป วันหนึ่งพอโตเป็นผู้ใหญ่ มีครอบครัว ถ้าลูกหลาน หรือคู่ครองมาเห็นเข้า ก็ต้องถามว่า เนตไอดอลที่ใช้วิธีโชว์เนื้อหนังมังสาจะรู้สึกอย่างไร สรุปคือดังได้ ไม่มีปัญหา แต่อย่าทำให้ตัวเองเสียใจในอนาคต” มานะ กล่าว
อีกประเด็นที่น่าสนใจของเหล่า “เนตไอดอลอุปโลกน์” ทุกวันนี้ คือ การลุกขึ้นมาโชว์หวิว โชว์หวาม ผ่าน “สถานะ” ในเฟซบุ๊ค หรือในอินสตาแกรม ฯลฯ มันไม่ใช่แค่อยาก “ดี เด่น ดัง” เพียงอย่างเดียว บางคนยังมีเรื่องของ “ธุรกาม” แอบแฝง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “วัลลภ ปิยะมโนธรรม” นักจิตวิทยา และที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า ปัจจุบันโซเชียลมีเดียแพร่หลายมาก จนกลายเป็น “ช่องทาง” ให้เกิดการ “อัพ” ค่าตัวของเหล่า “โสเภณี” ซึ่งตรงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงชีวิตหนึ่งสิ่งที่มนุษย์ต้องการ คือ 1.มีเงินทอง 2.มีชื่อเสียง 3.มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง 4.มีอำนาจ และ 5.เรื่องเพศ ซึ่งหนทางที่จะทำให้ชีวิตมีครบทุก “องค์ประกอบ” ได้ ส่วนใหญ่ก็อาศัยเรื่องเพศ หรือ “เซ็กซ์” มาช่วย เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ชอบเรื่องนี้
“เคยมีสาวอาบอบนวดบางคนลงภาพหวิวตัวเอง คนชอบมากถูกยกให้เป็นเนตไอดอล คราวนี้จากที่เคยนั่งตู้มีรายได้เดือนละ 2-3 หมื่นบาท ก็เป็นเดือนละ 3-4 แสนบาท เพราะถูกดึงไปถ่ายภาพหวิวลงหนังสือแนวเซ็กซี่ เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะการโชว์เรื่องเพศเต็มโซเชียลมีเดียไปหมด ไม่ได้มีการโชว์ความสามารถอะไรเลย ลงภาพบ้าๆ บอๆ ภาพหวิว โชว์หวิว เดี๋ยวมีคนมากดไลค์เยอะๆ งานก็ตามมา จนแยกไม่ออกแล้วว่าพวกนี้เป็นเนตไอดอล หรือสังคมไปเรียกเอง ทั้งที่บางคนแค่ลงภาพหวิวเพื่อธุรกิจ” วัลลภ กล่าว
ด้าน “ธาม เชื้อสถาปนศิริ” นักวิจัยชำนาญการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ(สวส.) ให้คำ “นิยาม” ของคำว่าเนตไอดอลอย่างน่าสนใจ ว่า บรรดาสาวๆ ที่โชว์หวิวโชว์หวามในโลกออนไลน์ทุกวันนี้ “ไม่ใช่” เนตไอดอล เพราะเนตไอดอลมันคือ somebody คือ เฉพาะคน หรือบางคนเท่านั้น และน่าจะหมายถึงเป็นคนที่มีหน้าตาน่ารัก ซึ่งก่อนที่จะมีโซเชียลมีเดียก็เคยมีปรากฏการณ์เนตไอดอล เช่น “ดาวโรงเรียน” ซึ่งมาพร้อมกับคำว่า “เด่นกิจกรรม” แต่เนตไอดอลยุคปัจจุบันเหลือแค่มีหน้าตาน่ารัก แล้วก็โพสต์รูปเซ็กซี่แค่นั้น
“ธาม” อธิบายว่า ผู้ที่น่าจะถูกยกเป็นเนตไอดอลจริงๆ น่าจะมีองค์ประกอบคือ “บุคลิกภาพ” น่าเชื่อถือ เช่น “น้องทับทิม VRZO”(วีอาร์โซ) และ “ปลื้ม” สุรบถ หลีกภัย เป็นต้น โดย “น้องทับทิม” อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการแต่งตัวน่ารัก แต่ “ปลื้ม” คิดแปลกแหวกแนว ทั้ง 2 คนนี้พอจะอนุมานเป็น “เนตไอดอล” ได้ แต่ในคนละความหมาย ส่วนเด็กที่ทำได้แค่โพสต์รูปเซ็กซี่ก็เพราะต้องการให้ตัวเองถูกยอมรับได้ “ง่าย และเร็ว”
นักวิชาการผู้นี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ดังนั้นเวลาที่เราจะบอกว่าใครเป็นเนตไอดอล ควรแยกให้ชัดเจนว่าเรากำลังสร้างเนตไอดอลที่มีเพียงบุคลิกฉาบฉวยภายนอก หรือจะสร้างเนตไอดอลที่เป็นผู้นำทางความคิด แต่ตอนนี้ผมว่าสังคมไทยมันมีแต่เนตไอดอลแค่ประเภทหน้าตาสวยพริ้งเพรา แค่เซลฟี่ โชว์รูปโป๋เปลือย อัพรูปเซ็กซี่ น่ารัก แอ๊บแบ๊ว เพื่อให้คนมากดไลค์ กดแชร์ ซึ่งมันเป็นการแสดงตัวตนที่ฉาบฉวยมากไปหน่อย มันง่ายเกินไป”
“นอกจากนี้ถ้าไปวิเคราะห์คอนเท้นท์ ข้อความโต้ตอบต่างๆ พบว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าการโพสต์รูปเซลฟี่เซ็กซี่ของตัวเอง และข้อความโต้ตอบในทำนองชื่นชม เช่น น่ารักจังเลย ฯลฯ นี่ถือเป็นความฉาบฉวยอย่างยิ่ง ทั้งคนโพสต์ และคนติดตาม มันเป็นสังคมของเนตไอดอลแบบ.....
“ฉาบฉวย จอมปลอม”!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี