อีกไม่นานประเทศไทย และชาติเพื่อนบ้าน ก็จะก้าวเข้าสู่การเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” หรือ AEC อย่างเต็มตัว อันจะนำมาซึ่ง “โอกาส” ด้านต่างๆ ที่ชาติสมาชิกจะได้รับ ทั้งในเรื่องการค้า หรือด้านการเคลื่อนย้ายแรงงาน เป็นต้น ขณะเดียวกันถ้า “ไม่พร้อม” ไม่เตรียมรับมือ AEC ก็อาจจะกลายเป็น “ช่องโหว่” นำมาซึ่งปัญหาต่างๆ
หนึ่งในนั้น คือ ปัญหาเรื่องการแพร่กระจายของ “โรคติดต่อ” ที่มีกลุ่มแรงงานข้ามชาติเป็น “พาหะ” เพราะต้องไม่ลืมว่าเมื่อมี AEC การเคลื่อนย้ายของแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะบริเวณ “แนวพรมแดน” จะค่อนข้างอิสระ ถ้าไม่มีระบบ “ป้องกัน” ที่ดี
ประเทศไทยจะตกอยู่ในภาวะ “เสี่ยง” แต่หน่วยงานราชการของไทยโดยเฉพาะ “กรมควบคุมโรค” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง ดูจะมั่นใจว่า “เอาอยู่”
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “โรคและภัย” ที่ต้องเฝ้าระวังหลัง AEC เปิดตัวนั้นมีอยู่ 5 ด้าน คือ โรคติดต่อ และโรคจากสัตว์สู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า และไข้หวัดนก เป็นต้น นอกจากนั้นก็มี “ภัย” ที่อาจมาพร้อมกับ “อาหาร” ซึ่งกรมควบคุมโรค จะสุ่มตรวจอย่างเข้มงวด โดยตั้ง “ด่านตรวจ” 3 ชั้น เพื่อ “ป้องกัน-ตรวจจับ-ตอบโต้” และพัฒนาให้ได้มาตรฐาน อยู่ในภาวะ “พร้อม” รับมือหากเกิดภาวะฉุกเฉินเรื่องการแพร่ระบาดของโรคได้
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ประเทศเพื่อนบ้านเวลานี้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อบางชนิด เช่น กัมพูชา มีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก หรือโรคมือเท้าปาก และโรคไข้หวัดนกที่มีการระบาดทั้งในเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยก็ต้องเฝ้าระวัง และพัฒนาด่านควบคุมโรคให้ได้มาตรฐาน เพื่อสกัดกั้นการเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศเราผ่านทางกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ซึ่งที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้เดินหน้าเตรียมพร้อมป้องกันด้วยการตรวจเข้มผู้เดินทางผ่านด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าประเทศไทยมีกระบวนการ ระบบงาน และบุคลากรที่มีความสามารถมากพอกับเรื่องนี้
“กรมเตรียมความพร้อมรองรับการระบาดของโรคไว้แล้วในทุกด้าน คือ 1.มีระบบเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคในพื้นที่ชายแดนที่เข้มแข็ง 2.มีทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงมีการสอบสวนโรคร่วมกันระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 3.ด่านป้องกันควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎอนามัยระหว่างประเทศ 4.มีแผนป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่เป็นปัญหาสำคัญในบริเวณชายแดนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ 5.มีการผลักดันให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างจังหวัดชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตือนภัยและเฝ้าระวังโรคติดต่อที่สำคัญ” นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในส่วนของการ “ป้องกัน” จะเน้นไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อ “ดื้อยา” ป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คน นอกจากนี้จะใช้มาตรการด้าน “ชีวะนิรภัย” คือ พัฒนาห้องปฏิบัติการที่ควบคุมการแพร่ของเชื้อโรค และพัฒนา หรือเตรียมผลิต “วัคซีน” ที่ใช้ในการสร้างภูมิต้านทานไว้รองรับก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ AEC อย่างเต็มตัว
เมื่อ AEC มาถึง ผู้คน โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติก็จะหลั่งไหลเข้ามาได้ง่าย กลุ่มที่ยังลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย จะมีปัญหาเรื่องการควบคุมโรคและตรวจสอบยากแต่กรมควบคุมโรคก็มีมาตรการจัดการที่เน้นไปที่การป้องกัน โดยสิ่งที่จะปกป้องคนไทยได้ คือ วัคซีน รวมถึงระบบสุขาภิบาล อาหารและน้ำที่สะอาดถูกหลักอนามัย แม้ว่าแรงงานข้ามชาติจะเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ไม่ผ่านการควบคุมโรค และนำโรคมาสู่บ้านเรา ก็ไม่ต้องกลัว.....
ถ้าเราสร้างมาตรการป้องกัน และเตรียมพร้อมในจุดนี้ได้ เมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะแข็งแรง เพราะมี “ภูมิคุ้มกัน” ที่แข็งแรงนั่นเอง!!!บุษยมาศ ซองรัมย์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี