กองทัพเรืออินโดนีเซีย ตรวจค้นเรือประมงต้องสงสัย (ภาพจาก ThePresidentPost.com)
อุตสาหกรรมประมง..กิจการที่สร้างรายได้เข้าประเทศต่อปีมหาศาล ดังข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า ปี 2556 เพียงปีเดียว ไทยส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งมูลค่า 4,838.28 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่ 10 เดือนแรก (มกราคม-ตุลาคม) ของปี 2557 ข้อมูลจาก สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ระบุว่า แม้ยอดส่งออกจะลดลง แต่ก็ถือว่ายังสูงอยู่ โดยมียอดการส่งออกทั้งสิ้น 83,664.62 ล้านบาท
เมื่อกล่าวถึงประมงทะเล พื้นที่สำคัญที่ชาวประมงไทยนิยมเข้าไปจับสัตว์น้ำคือ อินโดนีเซีย โดยทางการอินโดนีเซียออกระเบียบอนุญาตให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาร่วมทุน (Joint Venture) กับธุรกิจประมงในท้องถิ่น ที่ผ่านมาจึงมีเรือประมงไทยใช้วิธีดังกล่าวเข้าไปทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียเป็นจำนวนมาก
ว่ากันว่า..กว่าร้อยละ 80 ของผลิตภัณฑ์อาหารทะเล มาจากน่านน้ำแห่งนี้!!!
จนกระทั่งเมื่อปลายปีที่แล้ว โจโค วิโดโด (Joko Widodo) ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เริ่มใช้นโยบายที่ถูกมองว่า “แข็งกร้าว” เพราะมีการบังคับใช้ กฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ฉบับที่ 45/2009 อย่างเคร่งครัด โดยกฎกระทรวงฉบับนี้ระบุว่า เรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย หากจะทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย ต้องใช้กัปตันและลูกเรือชาวอินโดนีเซีย และยังให้อำนาจเรือตรวจการณ์ สามารถจับกุมเรือต้องสงสัย ซึ่งหากมีหลักฐานครบถ้วนว่าเรือดังกล่าวทำผิดกฎหมาย ก็สามารถทำลายเรือนั้นได้ทันที
ทั้งนี้เมื่อเดือน ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา กองทัพเรืออินโดนีเซีย ทำการจมเรือต่างชาติถึง 3 ครั้ง ที่เข้ามาทำประมงอย่างผิดกฎหมายในน่านน้ำอินโดนีเซีย ครั้งแรก วันที่ 6 ธ.ค. 2557 เป็นเรือสัญชาติเวียดนาม 3 ลำ ครั้งที่ 2 วันที่ 21 ธ.ค. 2557 เป็นเรือสัญชาติปาปัวนิวกินี 2 ลำ และครั้งที่ 3 วันที่ 29 ธ.ค. 2557 เป็นเรือสัญชาติไทย 2 ลำ
นอกจากนี้ยังมีการออกระเบียบเกี่ยวกับประมงเพิ่มขึ้นอีกหลายฉบับ เช่น กฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ฉบับที่ 56/2014 ว่าด้วยการระงับการต่อใบอนุญาตเรือประมงที่เคยได้รับอนุญาตให้ทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย และใบอนุญาตหมดอายุแล้ว , กฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ฉบับที่ 57/2014 เรือประมงต่างชาติทุกลำสามารถใช้ท่าเรือ 1 แห่ง และท่าแวะ 1 แห่ง เรือบรรทุกสัตว์น้ำใช้ท่าเทียบเรือได้ 2 แห่ง ซึ่งเรือทุกลำต้องขนถ่ายสัตว์ทะเลที่จับได้ ณ ท่าที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทันที
กฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ฉบับที่ 58/2014 ยกเลิกการออกใบอนุญาตให้เรือประมงที่ต่อในต่างประเทศ ห้ามขนถ่ายปลากลางทะเลอย่างไม่ถูกต้องตามระเบียบ รวมทั้งไม่อนุญาตให้ใช้นายเรือ (ไต้ก๋ง) และลูกเรือต่างชาติบนเรือประมง และ กฎกระทรวงกิจการทางทะเลและประมง ฉบับที่ 2/2015 ห้ามใช้เครื่องมือประเภท “อวนลาก-อวนล้อม” ทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียโดยเด็ดขาด ซึ่งจากระเบียบใหม่ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้มีเรือประมงร่วมทุนไทย-อินโดฯ ถูกกักบริเวณอยู่ที่ท่าเรือเมืองอัมบน (Ambon) และเมืองเบนจินา (Benjina) เป็นจำนวนมาก
รวมแล้ว..น่าจะมีจำนวนเรือกว่า 200 ลำ พร้อมลูกเรืออีกกว่า 5,000 ชีวิต!!!
เสียงสะท้อนจากเครือข่ายผู้ประกอบการประมงไทย ที่เข้าร้องทุกข์ ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อ 2 มี.ค. 2558 กล่าวว่า ไม่อยากให้รัฐบาลอินโดนีเซีย “เหมารวม”ว่าเรือประมงไทยเป็นผู้ทำผิดกฎหมายไปเสียทั้งหมด ขอเพียงกำหนดข้อปฏิบัติให้ชัดเจน ชาวประมงไทยพร้อมจะทำตาม
ขณะเดียวกันก็วิงวอนไปยังรัฐบาลไทย ให้เร่งเจรจากับรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อช่วยเหลือชาวประมงไทยอย่างเร่งด่วน เพราะจากวันที่นโยบายดังกล่าวเริ่มใช้เมื่อ พ.ย. 2557ถึงวันนี้ก็ผ่านมาแล้ว 4 เดือน ลูกเรือก็ยังไม่ถูกปล่อยตัว และเรือประมงยังถูกยึดไว้ จึงไม่สามารถนำเรือออกไปใช้งานได้ไม่ว่าจะไปทำประมงในที่ใดๆ ทำให้สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งส่งผลกระทบต่อปริมาณอาหารทะเลทั้งที่บริโภคในประเทศและส่งออก
หลังการหารือ นายจุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า เรือประมง 200 ลำ ที่ถูกกักอยู่นั้น เป็นเรือของผู้ประกอบการร่วมไทย-อินโดนีเซีย ซึ่งตัวเรือจะถือสัญชาติอินโดนีเซีย โดยที่ผ่านมาทางกรมประมงได้มีการหารือกับทางอินโดนีเซียอยู่ตลอด เช่น มาตรการยกเลิกใช้อวนลากอวนล้อม กรมประมงของไทยเสนอให้ผ่อนปรนจากการห้ามทั้งหมด มาเป็นการกำหนดขนาดของตาอวนที่เหมาะสม หรือแบ่งเขตอนุรักษ์กับเขตที่อนุญาตให้ทำประมงได้ แต่ทั้งหมดก็ยังต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอินโดนีเซียอีกครั้ง
“เราก็ขอเขาว่า เป็นไปได้ไหมคนที่ทำประมงอย่างเดิมที่เคยทำมา อย่างอวนลากอวนล้อม จะใช้วิธีที่ให้ทำประมงแล้วเกิดความยั่งยืน เช่น ทำตาอวนให้เหมาะสม หรือจัดพื้นที่นี้เป็นเขตอนุรักษ์ พื้นที่นี้อนุญาตให้ทำประมง? เขาก็ตอบว่าให้เราทำเอกสาร ทำเป็นหนังสือไปหาเขา” อธิบดีกรมประมง ระบุ
ด้าน นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนโยบายกิจการประมงต่างชาติของรัฐบาลอินโดนีเซีย ถูกระงับทั้งหมด โดยจะกลับมาพิจารณากันใหม่อีกครั้ง หลังวันที่ 30 เม.ย. 2558 ไปแล้ว ส่วนข้อเรียกร้องเบื้องต้นของผู้ประกอบการประมงไทยหลังการหารือกัน สำคัญที่สุดคือต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยประสานงานกับรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถกลับเข้าไปทำประมงได้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน เครือข่ายสมาคมประมงไทย จะไปรวบรวมความเห็นจากชาวประมง ว่าจะร่วมหาทางออกจากวิกฤติครั้งนี้อย่างไร
“สมาคมประมงแห่งประเทศไทย และสมาคมประมงนอกน่านน้ำ จะไปดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนแรกไปรวบรวมปัญหาทั้งหมด ที่จะขอร้องให้ทางรัฐบาลเป็นตัวกลางในการช่วยเหลือ กับอีกส่วนหนึ่ง จะไปรวบรวมข้อเสนอหรือแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ ในมุมมองของทางชาวประมง ซึ่งเขาก็พร้อมให้ความร่วมมือที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบระหว่างประเทศ พร้อมที่จะปรับตัว ก็จะเสนอข้อมูลทั้ง 2 ส่วนนี้ ต่อทางกรมประมง เมื่อรวบรวมได้แล้ว ทางกระทรวงเกษตร ก็จะทำการประมวลข้อเสนอแนวทาง เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป”
ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวทิ้งท้าย โดยจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 5 มี.ค. 2558 นี้ ซึ่งเราก็หวังว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรฯและสหกรณ์ รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ จะได้ช่วยดำเนินการคลี่คลายวิกฤตินี้โดยเร็วที่สุด
เพราะต้องไม่ลืมว่า..ลูกเรือหลายพันชีวิตเหล่านี้ ทุกคนต่างก็มีภาระ มีครอบครัวที่รอคอยพวกเขาไปดูแล!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี