ใกล้เข้ามาทุกขณะกับ “อากาศร้อน” ช่วงเดือนเมษายน ที่ปีนี้คนไทยต้องเตรียมรับมือ “เปลวแดด” ที่น่าจะร้อนระอุแตะ 43 องศาเซลเซียส ขณะเดียวกันอากาศร้อนยังมักมาพร้อม “โรคภัย” ที่ไม่อาจมองข้าม
ร้อนตับแลบ 40-43 องศา
“ศูนย์ภูมิอากาศ” กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศประเทศไทยราย 3 เดือน หรือเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2558 มีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้.....
“เดือนมีนาคม-เมษายน” ความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุมตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ทำให้ยังมีอากาศเย็นในตอนเช้า แต่ตอนกลางวันจะมีอากาศร้อน จากนั้นลมใต้ หรือลมตะวันออกเฉียงใต้ จะพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเกือบตลอดช่วงกับจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนในบางช่วง ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าวกับมีอากาศ “ร้อนจัด” หลายพื้นที่ในบางวัน ส่วนมากบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง
“อุณหภูมิสูงสุด” 40-43 องศาเซลเซียส แต่บางช่วงจะเกิด “พายุฤดูร้อน” มีฝนฟ้าคะนอง ลมแรงในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วย “คลายร้อน” ลงได้บ้าง
“เดือนพฤษภาคม” ครึ่งแรกลักษณะอากาศจะแปรปรวน จากนั้นครึ่งหลังของเดือน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย โดยมีกำลังแรงขึ้นและต่อเนื่อง กับมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกในบางช่วง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มขึ้น ปริมาณฝนรวมจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ
“ข้อควรระวัง” คือ เดือนมีนาคมและเมษายน มักเกิด “พายุฤดูร้อน” โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมี “ลูกเห็บ” ตกบางพื้นที่ จากนั้นช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม อาจมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลอันดามัน และอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็น “พายุดีเปรสชั่น-พายุไซโคลน” โดยมีการเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออก และอาจเข้าใกล้ด้านตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลกระทบด้านตะวันตกของทั้งภาคเหนือและภาคกลาง รวมทั้งชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ด้าน “กรรวี สิทธิชีวภาค” ผอ.ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ประมาณเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีโอกาสที่อากาศจะร้อนจัดระดับ 40-43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน , เชียงใหม่ , เชียงราย , ลำพูน และลำปาง เป็นต้น ขณะที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีโอกาสอากาศร้อนจัดระดับ 40-42 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะ จ.นครสวรรค์ , อุทัยธานี , ชัยนาท , สุพรรณบุรี , ปราจีนบุรี , สระแก้ว และกาญจนบุรี เป็นต้น ส่วน “กรุงเทพมหานคร” มีโอกาสอากาศร้อนจัดที่ระดับ 38-40 องศาเซลเซียส
5 โรคอันตรายจ่อระบาด
เมื่อหน้าร้อนมาเยือนไม่เพียงอากาศเท่านั้นที่ “ร้อนระอุ” แต่โรคติดต่อยังมีโอกาส “ระบาด” ได้ง่าย ซึ่ง “นพ.โสภณ เมฆธน” อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ขอเตือนประชาชนให้ระวังการเจ็บป่วยจาก 5 โรคที่มักพบบ่อยในช่วงฤดูร้อน ได้แก่ 1.อุจจาระร่วง 2.อาหารเป็นพิษ 3.บิด 4.อหิวาตกโรค และ 5.ไข้รากสาดน้อยหรือไข้ไทฟอยด์ จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2558 มีผู้ป่วยทั้ง 5 โรค รวม 197,504 ราย เสียชีวิต 2 ราย
การป้องกันขอให้ยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” คือ 1.กินร้อน กินอาหารที่ปรุงสุกและเสร็จใหม่ๆ 2.ใช้ช้อนกลาง ตักอาหารขณะกินอาหารร่วมวงกับผู้อื่น และ 3.ล้างมือ ด้วยน้ำและสบู่ หลังใช้ห้องส้วม ก่อนปรุงและกินอาหาร เป็นต้น
นอกจากนี้มี “โรคที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ” คือ 1.โรคพิษสุนัขบ้า “เป็นแล้วตาย” ทุกราย ไม่มียารักษา แต่ป้องกันได้ด้วยการนำสุนัขทุกตัวไปฉีดวัคซีน และลดความเสี่ยงจากการถูกสุนัขกัดหรือโดนทำร้าย โดยปฏิบัติตามหลัก “5 ย” คือ “อย่าแหย่” ให้สุนัขโมโห “อย่าเหยียบ” สุนัข “อย่าแยก” สุนัขที่กัดกันด้วยมือเปล่า “อย่าหยิบ” ชามอาหารขณะสุนัขกำลังกิน และ “อย่ายุ่ง” กับสุนัขนอกบ้าน ถ้าถูกกัดให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ รีบไปพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีน เป็นต้น
2.โรคลมแดด อาการเบื้องต้น ได้แก่ อ่อนเพลีย หน้ามืด เป็นลม ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้.....“วิธีป้องกัน” คือ ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้าน ถ้าอยู่ในสภาพอากาศร้อนดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้ทำงานในร่มก็ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
3.การป้องกันเด็กจมน้ำ เป็นเรื่องที่ต้องระวังเพราะฤดูร้อนตรงกับช่วง “ปิดเทอม” ซึ่งตลอดปี 2557 มีเด็กจมน้ำเสียชีวิต 807 คน มาตรการที่ต้องยึดไว้ใช้ยามฉุกเฉิน คือ 1.“ตะโกน” เรียกผู้ใหญ่มาช่วยและโทร.แจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 2.“โยน” อุปกรณ์ใกล้ตัวให้คนตกน้ำใช้เกาะพยุงตัว และ 3.“ยื่น” อุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ อย่ากระโดดไปช่วย เนื่องจากเด็กมักจมน้ำเสียชีวิตครั้งละหลายคนเพราะไม่รู้วิธีช่วยเหลือผู้อื่นที่ถูกต้อง
ร้อนแน่ แต่ไม่ต้องกลัว “บ้า”
“นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า อากาศที่ร้อนจัดมีผลกระทบถึง “พฤติกรรมอารมณ์” ทำให้ “หงุดหงิด-เครียดง่าย” จึงขอแนะนำการป้องกัน คือ “ด้านร่างกาย” เมื่อต้องเจออากาศร้อนควรปกป้องร่างกายไว้ก่อน อาจใช้ผ้าคลุมร่างกายไว้ แต่ต้องไม่ทำ “ผิดวิธี” อย่าใช้ผ้าหนาเพราะไม่ได้ช่วยระบายความร้อน บางคนมีอาการ “จิตเภท” คือ ใช้เครื่องนุ่งห่มที่ทำจากไหมพรมคลุมทั่วร่างกาย เพราะกลัวโดนแดด ที่นอกจากไม่ช่วยแล้วยังทำให้ความร้อนระบายออกไม่ได้ ดังนั้นควรหันมาใช้ผ้าโปร่งๆดีกว่า
“ส่วนด้านจิตใจ ถ้ารู้ว่ามีความหงุดหงิดเกิดขึ้น ง่ายที่สุดคือระงับมันก่อน บางทีระงับเสร็จแล้วเดินไปที่เย็นๆอารมณ์ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนที่พูดกันบ่อยว่าอากาศร้อนทำให้คนบ้ามากขึ้น มีการพิสูจน์แล้วว่าไม่จริง แค่ทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย หงุดหงิดมากกว่า ไม่ถึงขนาดคลุ้มคลั่ง หรือบ้า ซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิต” นพ.ทวีศิลป์ กล่าวทิ้งท้าย
อากาศร้อนสูงสุดในรอบปีกำลังจะผ่านเข้ามากระทบร่างกายและจิตใจ แต่ถ้า “เตรียมตัว เตรียมใจ” รับมือ เชื่อว่าหลายคนคงผ่าน “เปลวแดด” ที่แผดเผาไปได้อย่างดีและปลอดภัย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี