ช่วงปลายปีนี้วงการ “สื่อสาร” เมืองไทยน่าจะมีงานใหญ่ให้ต้องจับตา นั่นคือการประมูลใบอนุญาต “4จี” ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ “กสทช.” กำหนดไว้ 2 ช่วง คือ 11 พฤศจิกายน สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์(MHz) และ 15 ธันวาคม สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz
หลายฝ่ายมองว่านอกจาก 4จี จะเป็นปัจจัยบวกกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลัง “ตกสะเก็ด” ให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นบ้างแล้ว ยังมีผลบวกต่อการพัฒนาระบบสื่อสารโทรคมนาคมในหลายๆ ด้าน รวมทั้งสานฝัน“เศรษฐกิจดิจิตอล” ให้มีความเจริญทัดเทียมนานาอารยประเทศอีกด้วย
จีดีพีพุ่ง-เงินในระบบพรวด
“ฐากร ตัณฑสิทธิ์” เลขาธิการ กสทช. คาดการณ์ว่า การเปิดประมูล 4จี 4 ใบอนุญาต บนคลื่นความถี่ใน 2 ย่านดังกล่าว จะทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมมากกว่า 300,000 ล้านบาท แยกเป็นค่าประมูลใบอนุญาตที่เป็นรายได้แผ่นดินไม่ต่ำกว่า 42,000 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นเงินจากการลงทุนขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ตามเงื่อนไขของ กสทช. ซึ่งตัวเลขนี้มีพื้นฐานมาจากการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี คลื่นความถี่ 2100 MHz ที่มีเม็ดเงินมากกว่า 220,000 ล้านบาท
ขณะที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมของการให้บริการอินเตอร์เนตความเร็วสูงบนโทรศัพท์มือถือผ่านโครงข่าย 3จี และ 4จี ของผู้ให้บริการแต่ละราย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการลงทุนโครงการพัฒนาบริการบรอดแบนด์เคลื่อนที่ หรือ “โมบายล์ บรอดแบนด์” จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่าผลเสีย โดยจาก
การคำนวณผลประโยชน์สุทธิ พบว่า ปี 2556 หลังจากที่ไทยมีการประมูลใบอนุญาต 3จี มีการลงทุนติดตั้งโครงข่าย และมีการใช้ประโยชน์จาก 3จี ตลอดทั้งปี พบว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ “จีดีพี” ของประเทศเพิ่มขึ้นถึง 430,233 ล้านบาท
ในส่วนของ 4จี นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า หากมีการนำ 4จี มาให้บริการในไทยจะมีผลเชิงบวกต่อจีดีพีในปี 2558 ราว 168,136 ล้านบาท และปี 2559 เพิ่มเป็น 265,274 ล้านบาท
สานฝัน ‘เศรษฐกิจดิจิตอล’
ขณะที่ “ค่ายมือถือ” เห็นสอดคล้องกันว่า “4จี” มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย โดยเฉพาะการเป็นตัวช่วยให้ “เศรษฐกิจดิจิตอล” ของเมืองไทยขยับใกล้คำว่า “ฝันที่เป็นจริง”.....
“สมชัย เลิศสุทธิวงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ “เอไอเอส” มองว่า การประมูล 4จี จะเป็นตัวสร้างให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานระบบโทรคมนาคม เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและสนับสนุนนโยบายรัฐบาลที่พร้อมก้าวสู่ระบบ “เศรษฐกิจดิจิตอล” ซึ่งการประมูลครั้งนี้ผู้ได้รับประโยชน์ คือ ประเทศและประชาชน เพราะ 4จี จะช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานของไทยให้เทียบเท่าสากล เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ ที่มีมูลค่ามหาศาลจากการขยายการลงทุนสู่ทุกภาคอุตสาหกรรม
“เอไอเอสมองว่าหากเกิดดิจิตอล อีโคโนมีอย่างเต็มรูปแบบจะเกิดผลสำเร็จ 3 ด้าน คือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคนในชาติ 2.ลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการในทุกประเภทธุรกิจ และ 3.เกิดนวัตกรรม ผลงานใหม่ๆ ให้กับประเทศ ผ่านโครงข่ายพื้นฐานใหม่ทั้งโมบายล์ เนตเวิร์ก, อินเตอร์เนตประจำที่(ฟิกซ์ บรอดแบนด์) รวมไปถึงไว-ไฟ” สมชัย กล่าว
ด้าน “ซิคเว่ เบรกเก้” เจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด เทเลนอร์ เอเชีย ระบุว่า “4จี” จะกระตุ้นอัตราการใช้งานสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจาก 35% ในปี 2557 เป็น 61% ในปี 2560 และการใช้งานโมบายล์ดาต้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าในทุกๆ ปีในช่วง 2-3 ปีนี้ ซึ่งในอนาคตระบบเศรษฐกิจดิจิตอล จะส่งผลให้มีอัตราการใช้งานด้านดาต้าที่มีผลต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นถึง 1.5%
ขณะที่ “ศุภชัย เจียรวนนท์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มทรูฯ กล่าวว่า “4จี” จะทำให้ปี 2558-2559 เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมไทย สู่ยุคใหม่ของเทคโนโลยีที่ให้ออนไลน์ได้ด้วยความเร็วสูง พร้อมรองรับบริการต่างๆ ในอนาคต อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายดิจิตอล อีโคโนมีของรัฐบาลที่จะสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
ตัวช่วยเข้าถึง ‘โมบายล์ เนต’
“วิชัย เบญจรงคกุล” นายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิตอล ทำให้จำเป็นต้องจัดให้เกิดการประมูล “4จี” เพื่อเป็น “เครื่องทุ่นแรง” ที่ช่วยให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีไอซีทีได้มากขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำได้ โดยการประมูล 4จี จะใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ที่หมดระยะเวลาสัมปทานไปตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 ในปริมาณ 25 MHz จำนวน 2 ใบอนุญาต หมายความว่า หากมีการนำคลื่นนี้ไปให้บริการ 4จี จะรองรับผู้ใช้งานได้ถึงราว 30 ล้านคน
นอกจากนี้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ยังมีเหลืออีก 50 MHz สิ้นอายุสัมปทานเดือนกันยายน 2561 รวมถึงยังมีคลื่นความถี่ที่เป็นทรัพยากรของประเทศที่ยังค้างอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ถ้า กสทช.มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชนอีกมหาศาล
ดังตัวอย่างเมื่อปี 2555 ที่ กสทช.เปิดประมูล 3จี ทำให้คลื่นความถี่ถูกนำมาใช้แบบไม่ “สูญเปล่า” และทำให้คนไทยกว่า 60 ล้านคน ได้เข้าถึงอินเตอร์เนตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ “โมบายล์ เนต” ได้ทุกที่ ทุกเวลา ก่อให้เกิดการพัฒนาความสามารถในการทำธุรกิจ ธุรกรรมทางการเงิน การไหลเวียนของข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนการเข้าถึงความรู้ต่างๆ ขณะเดียวกันยังช่วยให้มีรายได้เข้ารัฐกว่า 4 หมื่นล้านบาท
ทว่า.....“3จี” ดูจะ “ช้า” ไปเสียแล้วสำหรับ “ยุคสังคมก้มหน้า”
“4จี” จึงถือเป็น “ทางเลือกใหม่” ที่คนไทยกำลังเฝ้ารอ ซึ่งแม้การผ่าตัดทำคลอด 4จี ในเมืองไทย จะ “อืด” เป็นเรือเกลือ เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ “เออีซี” ที่มีใช้กันแทบจะหมดแล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีการ “ขยับ” เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ดีขึ้น ดีกว่าปล่อยให้ “ล้าหลัง” โดยไม่ทำอะไรเลย
น้ำฝน บำรุงศิลป์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี