“ไฟไหม้.....กับชุมชนเมือง”
เหมือนจะเป็นของคู่กัน และเมื่อเกิดแล้วมักส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะที่พักอาศัยของผู้คนในเขตเมืองมักอยู่ติดกันหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นตึกแถว ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านในชุมชนแออัด รวมทั้งอาคารสูงระฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งอัคคีภัยในเมืองใหญ่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่ไม่อาจ “มองข้าม” คือ.....
“ไฟไหม้หญ้า”!!!
วอดวาย!!! “ไฟไหม้หญ้า” ลามศูนย์นิสสัน เสียหายกว่า 30 ล้าน.....“ไฟไหม้หญ้า” ข้างทางลุกลามขยายวงกว้าง หวิดไหม้บ้านชาวบ้าน.....“ไฟไหม้หญ้า” ลามไหม้บ้านเรือนประชาชน ซอยรังสิต-นครนายก59 ปทุมธานี.....“ไฟไหม้หญ้า” ลามติดโรงงานเม็ดพลาสติก สมุทรปราการ วอด 2 ล้านบาท.....ฯลฯ
นี่เป็นเพียงบางตัวอย่าง “ความสูญเสีย” ที่เกิดจากไฟไหม้หญ้า ซึ่งข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันอัคคีภัยในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ระบุว่า ไฟไหม้หญ้ามีอันตรายไม่แพ้ “ไฟป่า” ร้ายไปกว่านั้นยังลุกลามได้เร็วกว่าอีกด้วย เพราะ “หญ้าแห้ง”หรือวัชพืช เป็นเชื้อเพลิงที่ลุกลามได้เร็ว จากการคำนวณพบว่าอยู่ที่ระดับ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้าอากาศร้อน หรือแห้งมาก มีลมแรง ความเร็วของการลุกลามจะขยับไปที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทีเดียว ซึ่งเมืองไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯพบปัญหาไฟไหม้หญ้าเกิดขึ้นเกือบทุกวัน
ทว่า.....ความเป็นไปของธรรมชาติไม่ใช่ต้นเหตุสำคัญ แต่กลับเป็นฝีมือของมนุษย์ที่ชอบ “เผา-ทิ้ง” แบบ “มักง่าย”
ซึ่งถือว่ามีความผิดในทาง “กฎหมาย” ด้วย!!!
ข้อมูลจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ระบุว่า ในปี 2557 เกิดเหตุ “ไฟไหม้หญ้า” ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 3,743 ครั้ง เดือนมกราคม-พฤษภาคม ของทุกปีเป็นช่วงที่เกิดไฟไหม้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนและแล้งที่สุด สาเหตุการเกิดไฟไหม้หญ้าบ่อยครั้งเกิดจากการ “เผาซังข้าว-วัชพืช” หลังการเกี่ยวข้าว, การเผาไล่สัตว์มีพิษในที่รกร้างว่างเปล่า, การ “ทิ้งก้นบุหรี่” บริเวณที่ว่างริมทาง รวมถึงการ “เผาขยะ-สายไฟ” เพื่อนำทองแดงไปขายของกลุ่มผู้ค้าของเก่า เป็นต้น
ขณะที่ “จักกพันธุ์ ผิวงาม” รองปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ช่วงนี้เป็น “ฤดูร้อน” สภาพอากาศจะร้อน แห้ง อาจส่งผลให้เกิด “ไฟไหม้หญ้า” ได้ง่าย ซึ่งสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. สรุปเหตุไฟไหม้หญ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 2 มีนาคม -10 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เกิดเหตุไฟไหม้หญ้ารวม 485 ครั้ง พื้นที่ที่เกิดเหตุสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ “เขตลาดกระบัง” 56 ครั้ง, เขตสายไหม 42 ครั้ง, เขตมีนบุรี 35 ครั้ง, เขตบางขุนเทียน 26 ครั้ง และเขตบางเขน 12 ครั้ง ซึ่งไฟไหม้หญ้าอาจลุกลามไปยังบ้านเรือนประชาชนได้
“กทม.มีความห่วงใยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงได้กำหนดมาตรการและแนวทางการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สำนักงานเขต อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. พร้อมเครื่องมือต่างๆ ร่วมระงับเหตุและเฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยงไฟไหม้หญ้า และพื้นที่ที่มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำซ้อน รวมถึงให้จัดทำแนวกันไฟบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่าใกล้บ้านเรือนประชาชนด้วย” รองปลัดกทม.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.พิชัย เกรียงวัฒนศิริ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูร้อนสภาพอากาศจะร้อน แห้ง ทำให้เกิดไฟไหม้หญ้าได้ง่าย ซึ่งไฟไหม้หญ้าอาจลุกลามไปยังบ้านเรือนประชาชนได้ กทม.จึงกำหนดมาตรการและแนวทางดูแลความปลอดภัยด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ดับเพลิง สำนักงานเขต อปพร. พร้อมเครื่องมือต่างๆ ร่วมระงับเหตุและเฝ้าระวังประจำจุดเสี่ยงไฟไหม้หญ้า และพื้นที่ที่มีเหตุเพลิงไหม้ซ้ำซ้อน
“นอกจากนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงประชาสัมพันธ์การป้องกันเหตุไฟไหม้หญ้าให้ประชาชนรับทราบ รวมถึงให้สำนักงานเขตจัดทำแนวกันไฟบริเวณพื้นที่รกร้างว่างเปล่าใกล้บ้านเรือนประชาชน ขอความร่วมมือประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หญ้าได้ร่วมกันจัดทำแนวกันไฟ และเฝ้าระวังเหตุไฟไหม้หญ้า หากประชาชนพบเหตุไฟไหม้หญ้าหรือจุดเสี่ยงให้แจ้งสถานีดับเพลิงในพื้นที่ได้ทันที” พล.ต.ต.พิชัย กล่าว
ขณะที่ “ตรีดาว อภัยวงศ์” ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษก กทม. กล่าวว่า ปัญหาไฟไหม้หญ้าส่วนใหญ่จากการเผาหญ้า ซังข้าว และวัชพืช การทิ้งก้นบุหรี่ และไฟไหม้หญ้าในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่ง กทม.ได้กำชับให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันภัย อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการรับมือโดยการสร้าง “แนวป้องกันไฟ” ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งเกิดปัญหาไฟไหม้หญ้าบ่อยครั้ง ทั้งพื้นที่เขตฝั่งตะวันออก ฝั่งด้านเหนือ และพื้นที่ฝั่งธนบุรี อีกทั้งตรวจสอบพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเพื่อแจ้งเจ้าของหรือผู้ครอบครองปรับสภาพพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ตลอดจนรณรงค์และประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างจิตสำนึก และความตระหนักรู้ถึงปัญหาไฟไหม้หญ้าที่เกิดขึ้น และบังคับทางกฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง
“ตรีดาว” กล่าวด้วยว่า ปัญหาไฟไหม้หญ้าถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากในทุกปีและมีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบ
ลุกลามไปยังบ้านเรือนของประชาชนได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากเกษตรกรเผาเพื่อจัดการพื้นที่ทำการเกษตร โดยไม่คำนึงถึง
ผลเสียที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งถือว่ามีความผิด
“ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 หากผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้เป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 14,000 บาท หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่พบเห็น หรือประสบเหตุเพลิงไหม้ติดต่อขอความช่วยเหลือ และแจ้งเหตุเพลิงไหม้ได้ที่หมายเลข 199 ตลอด 24 ชั่วโมง” ตรีดาว กล่าว
“ไฟไหม้หญ้า” เกิดขึ้นทุกวันทุกเดือน ทางหนึ่งเกิดจากธรรมชาติ ต้นหญ้ามันร้อน สีไปสีมาก็เกิด “เปลวไฟ” ไหม้ลามทุ่ง อีกสาเหตุเกิดจาก “มนุษย์” ที่ทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น รวมทั้งจุดไฟเผาวัชพืชในที่ตัวเองด้วยความ “มักง่าย” ซึ่งวิธีป้องกันอัคคีภัยทั้งจากไฟไหม้หญ้า และจากสาเหตุอื่นๆ ที่ดีที่สุดนั้น คือ.....
“ไม่ประมาท”!!!
การก่อไฟ จุดไฟเผาขยะ ควรดับให้เรียบร้อยถึงใต้กองเถ้าถ่าน แม้ขั้นตอน รายละเอียดจะจุกจิก แต่เหนื่อยกับสิ่งเหล่านี้เสียก่อน ดีกว่าต้องเสียน้ำตาและเสียใจ หากต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เพราะ “ไฟไหม้หญ้า” และอัคคีภัย!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี