เชื่อว่าคนไทยคงคุ้นหูกับคำว่า “อีไอเอ” (Environmental Impact Assessment-EIA) หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในหลายจังหวัดที่มีแผนพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ใน กทม. เองที่เดี๋ยวนี้เต็มไปด้วยบ้านจัดสรรหรือคอนโดมิเนียมผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด พร้อมๆ กับป้ายโฆษณาที่ระบุข้อความ “EIA Approved” ที่หมายถึงผ่านการประเมินแล้ว เพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจว่า..โครงการนี้ “ไม่ล่ม” แน่นอน
ตาม ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้โครงการ 36 ประเภท ต้องวิเคราะห์และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนเสมอ นอกจากนี้ โครงการที่คาดว่าจะมีผลกระทบรุนแรง 11 ประเภท ยังต้องทำ “อีเอชไอเอ” (Environmental Health Impact Assessment-EHIA) หรือการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อีกด้วย ทว่าที่ผ่านมา ทั้ง EIA และ EHIA ถูกตั้งคำถามว่าช่วยลดผลกระทบได้จริงหรือไม่?
ที่งานเสวนา “กระบวนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ : ควรมีการปฏิรูปในเรื่องใดบ้าง” ณ โรงแรมสุโกศล เขตราชเทวี กทม. เมื่อปลายเดือน เม.ย. 2558 ที่ผ่านมา ถนอมศักดิ์ บุญภักดี กรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (กอสส.) กล่าวถึงปัญหาในการทำ EIA และ EHIA ในประเทศไทยไว้มากมาย รวมแล้วได้ 18 ประการดังนี้
1.ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนทางวิศวกรรมไม่ชัดเจน ทำให้ตัวเลขค่าต่างๆ ที่วัดได้อาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
2.มาตรการในการควบคุมและป้องกันมลพิษไม่ครบถ้วน ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการจัดการกับเหตุฉุกเฉินซึ่งเป็นภาวะไม่ปกติ หลายโครงการขาดการเตรียมความพร้อมอย่างรัดกุม 3.ขาดการนำเสนอทางเลือกอื่นๆ ในการดำเนินโครงการ รวมถึงแผนรื้อถอนอาคาร-สิ่งก่อสร้างต่างๆ หากโครงการยุติลง
“ในมาบตาพุดเราเจอแบบนี้เยอะ โรงงานเจ๊งแล้วการรื้อถอนอุปกรณ์ต่างๆ จะทำอย่างไร? บางโรงงานจะมีปัญหาคนเข้าไปขโมยของ แล้วก็ทำให้มลพิษรั่วไหลออกมา” กรรมการ กอสส. รายนี้ ระบุ
4.ขาดมาตรการติดตามตรวจสอบโครงการ แม้ในแผนจะเขียนมาตรการป้องกันไว้ดีเท่าใดก็ตาม แต่หากไม่ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด ย่อมจะส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบได้ ซึ่งที่ผ่านมามักไม่ค่อยมีการตรวจสอบในส่วนนี้หลังโครงการเริ่มดำเนินการไปแล้ว 5.การประเมินความเสี่ยงยังไม่รัดกุมเพียงพอ เช่น ไม่ประเมินถึงระดับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด (Worst Case Scenario) รวมถึงผลกระทบของกิจกรรมต่อเนื่อง (Domino Effect) ที่อาจไม่ได้ทำภายในโครงการโดยตรง เช่น กระบวนการขนส่งวัตถุอันตราย หรือศักยภาพของสถานพยาบาลในพื้นที่
“อย่างที่มาบตาพุด ผมว่าถ้าเกิดขึ้นเมื่อไรรับรองสนุกแน่ อย่างศักยภาพการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลระยองนี่ผมว่าหนักหนาสาหัสที่สุดในประเทศนะ โรงพยาบาลระยองนี่น่ารักครับ ทุกพื้นที่ใช้วางเตียงได้หมด ไม่เว้นแม้แต่หน้าลิฟต์หรือหน้าบันได แล้วถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาล่ะ? แต่รายงาน EIA หลายๆ โครงการ เขาบอกว่ายังรองรับได้” ถนอมศักดิ์ แสดงความเป็นห่วง
6.ข้อมูลมลพิษในพื้นที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อมูลที่ทันสมัย มีความเป็นปัจจุบัน 7.ข้อมูลทรัพยากรที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการ มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงในพื้นที่ เช่น ใกล้จุดก่อสร้างโครงการมีแหล่งน้ำที่ใช้ทำน้ำประปาหมู่บ้าน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ แหล่งน้ำดังกล่าวกลับไม่ถูกนำมาประเมินด้วย 8.การประเมินผลกระทบไม่ครอบคลุมถึงผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม โดยที่ผ่านมามักจะนับเฉพาะประชาชนในพื้นที่เท่านั้น ทั้งที่บางพื้นที่อาจมีบุคคลอื่นๆ ภายนอก เข้ามาใช้ทรัพยากรในพื้นที่ด้วย
9.ขาดการฝึกซ้อมรับมือตามแผนที่วางไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น 10.การรับฟังความเห็นเป็นเพียงพิธีกรรม เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น แต่ไม่ได้นำความเห็นเข้าไปปรับปรุงแผนโครงการด้วย 11.การจัดประเภทโครงการยังไม่ชัดเจน โครงการบางประเภทดูแล้วน่าจะส่งผลกระทบรุนแรง แต่กลับไม่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทที่ต้องทำ EHIA 12.ความจริงใจของผู้ประกอบการในการลดและแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดขึ้น เห็นได้จากหลายโครงการ ผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจตัดสินใจ ไม่ค่อยจะยอมลงมาพูดคุยกับชาวบ้านเท่าไรนัก
“หลายๆ ครั้ง เราพบว่าผู้บริหารบริษัทไม่ได้ลงมารับฟังข้อห่วงกังวลของชุมชนของชาวบ้าน แม้กระทั่งเวลาที่เราลงไปในพื้นที่ ไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ พบว่าเจ้าหน้าที่ที่มาพูดคุยกับเรา ก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ซึ่งไม่มีอำนาจในการสั่งการแก้ไข ปัญหามันก็ยังคงอยู่ ไม่ได้มีการจัดการให้หมดสิ้นเด็ดขาดไป” กรรมการ กอสส.กล่าว
13.หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ไม่ได้รับข้อมูลความปลอดภัยเคมีภัณฑ์ (MSDS) ทั้งที่ผลิต เก็บกัก และใช้ในโครงการ แต่ในรายงาน EHIA กลับบอกว่าส่งให้ไปแล้ว 14.การประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) ยังไม่ครอบคลุมประเด็นข้อห่วงกังวลของชุมชน 15.ข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ในการวิเคราะห์/ประเมินผลกระทบต่างๆได้ ดังนั้นบริษัทที่รับทำ EIA/EHIA ต้องไปทำใหม่ทุกครั้ง ทั้งที่จริงๆ ข้อมูลพื้นฐานบางอย่างสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่เราไม่เคยมีฐานข้อมูลกลางในจุดนี้
16.ขาดข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าในพื้นที่โครงการนั้น มีศักยภาพพอที่จะรองรับมลพิษจากโครงการต่างๆ ได้เท่าใด? ซึ่งจุดนี้ต้องเป็นแผนเชิงยุทธศาสตร์ที่ในบ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าที่ควร 17.การประเมินผลกระทบต่อระบบนิเวศทั้งทางบกและทางน้ำยังขาดความน่าเชื่อถือตามหลักวิชาการ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มียังไม่เพียงพอที่จะทำให้เชื่อว่าข้อมูลนั้นเป็นความจริงหรือไม่?
และ 18.เอกสารของโครงการยากต่อการทำความเข้าใจของชุมชนในเวลาอันสั้น เพราะเป็นภาษาทางวิชาการ มีเนื้อหามาก ผู้คนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นนักวิชาการ โดยเฉพาะชาวบ้านที่การศึกษาไม่สูงนักยากที่จะอ่านแล้วเข้าใจ-รู้เรื่อง ทำให้ไม่สามารถรับทราบข้อมูลอย่างละเอียดเพียงพอ และไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเพื่อหารือ จนนำไปสู่การหาทางออกร่วมกันระหว่างผู้ดำเนินโครงการกับประชาชนในพื้นที่ได้
“มีคนถามผมเล่นๆ ว่า EHIA มี Executive Report (รายงานสรุปย่อสำหรับผู้บริหาร) ทำไมไม่มี Community Report (รายงานสรุปย่อสำหรับชุมชน) ให้ชุมชนเขาได้อ่านได้เข้าใจ จะได้ตามเรื่องได้ ตามกฎหมายเขาให้วาง EHIA ในที่ที่เปิดเผยเป็นเวลา 30 วัน ก็มีจริงๆ ครับ ไปวาง EHIA เล่มหนาๆ ไว้บนศาลาวัด ผมเองยังไม่กล้าอ่านเลยครับ แล้วจะคาดหวังให้ชุมชนมาอ่านก็คงลำบาก” ถนอมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคอุตสาหกรรมก็ดี ภาคท่องเที่ยวก็ดี กลายเป็น “รายได้หลัก” ของประเทศไปแล้ว ยังไม่นับวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้อง “สะดวกสบาย” ทำให้กิจการบางอย่างมีความต้องการสูง เช่น การใช้พลังงาน แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมหรือการท่องเที่ยวบางประเภท หากไม่บริหารจัดการให้ดี ขาดมาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างรัดกุม และขาดการปฏิบัติตามมาตรการที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ย่อมเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และหากปล่อยให้เกิดปัญหาบ่อยๆ จากความไม่จริงใจทั้งของภาครัฐและผู้ประกอบการ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐ ผู้ประกอบการและชุมชน ทำให้ประเทศชาติ “ติดหล่ม” ไม่สามารถพัฒนาโครงการใดๆ ได้
เพราะทำอะไรก็จะถูกต่อต้าน เนื่องจากหวั่นเกรงชุมชนจะได้รับอันตราย อย่างที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี