ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 105 ที่ระบุว่า “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองจัดทำขึ้น โดยให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อหนึ่งเพียงบัญชีเดียว และอาจระบุด้วยว่าต้องการให้ผู้ใดที่มีชื่อในบัญชีนั้นหนึ่งคนได้รับเลือกตั้งเป็น สส.”
อาจจะทำให้ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง”(กกต.) ต้องหนักใจไม่น้อย เพราะระบบการลงคะแนน สส.แบบบัญชีรายชื่อแบบเปิด “Open List” ถูกกระแสต่อต้านอย่างหนัก ขณะที่ กกต.ยังเจอ “ภาระ” เมื่อต้องคิดค้นหรือทดลองเพื่อให้การลงคะแนนเลือกตั้งแบบ Open List ออกมา แบบที่ประชาชนทำความเข้าใจได้ทัน หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสมบูรณ์ หรือไม่มีการแก้ไข-เปลี่ยนแปลง กกต.คงต้องเดินหน้าเต็มสูบต่อไป
วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สำนักงาน กกต.ได้สาธิตวิธีการลงคะแนนเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ แบบ Open List ซึ่งการสาธิตดังกล่าวได้จัดให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน กกต. จำนวน 174 คน เป็นผู้ทดลอง โดยลงคะแนนได้ตั้งแต่เวลา 08.00-09.00 น. รวม 1 ชั่วโมง หลังจากลงคะแนนเสร็จใช้เวลานับคะแนน 1 ชั่วโมง 30 นาที งานนี้ต้องบอกว่า.....
“อึ้ง อึน มึน ตึ้บ” ไปทั้ง กกต.!!!
ภายหลังจากที่สาธิตการลงคะแนน และนับคะแนนแบบ Open List เสร็จเรียบร้อย ทำให้ผู้ที่เข้าไปสังเกตการณ์ต้อง “อึ้ง” กันเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เห็นนั้นทำให้ กกต.ต้องกลับไปทบทวนกันก่อนหรือไม่กับการสาธิตการลงคะแนนดังกล่าว เพราะมี “ข้อผิดพลาด” บางอย่างเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ กกต.เองก็ “ตึ้บ” ตอบไม่ได้ว่าการเลือกตั้งแบบ Open List เป็นอย่างไร.???
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ระบุชัดเจนว่า ถ้ามีการเลือกตั้งจริง การจัดลงคะแนนเลือกตั้งแบบ Open List จะมีปัญหาและเกิด “ความวุ่นวาย” แน่นอน เพราะปัจจุบันมีพรรคการเมืองจดทะเบียนกับ กกต.ไว้ 74 พรรคการเมือง อีกทั้งการที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเปิดให้กลุ่มการเมืองลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ลองประเมินดูหากมีพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองรวมกันได้ 280 พรรค จะทำให้บัตรเลือกตั้งมีขนาดใหญ่มาก กว้าง 60 เซนติเมตร ยาว 90 เซนติเมตร
กลายเป็นบัตรเลือกตั้งที่ “อลังการ” ใหญ่ที่สุดในโลกติดกินเนสส์บุ๊ค!!!
อีกทั้งจะก่อปัญหาทำให้ประชาชน “ลำบาก” ในการจดจำหมายเลขพรรค กลุ่มการเมือง และ สส.แบบ Open List ซึ่งจะสร้างภาระต่อกรรมการประจำหน่วยที่ต้องมีการอบรมขั้นตอนการเลือกตั้งรูปแบบใหม่ เปลืองงบประมาณในการซื้ออุปกรณ์และการพิมพ์บัตรที่ใหญ่ขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ปัญหาจะเกิดขึ้นเวลา “นับคะแนน” สส.แบบ Open List ที่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ เพราะต้องนับคะแนนพรรคที่ถูกเลือกก่อน จึงจะนำบัตรเลือกตั้งไปแยกใส่ตะกร้าแบ่งเป็นแต่ละพรรค หรือกลุ่มการเมือง จากนั้นจะนับ สส.แบบ Open List ที่ถูกเลือก หากนับคะแนนที่หน่วยจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดให้นับคะแนนรวมที่เขตเดียว คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า
60 ชั่วโมง หรือ 3 วัน!!!
“สมชัย” กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกเพียบ คือ อาจมี “บัตรเสีย” เพิ่มขึ้นเพราะการแบ่งประเทศออกเป็น 6 กลุ่มจังหวัด การพิมพ์บัตรจะที่ไม่สามารถแยกพิมพ์ชื่อ และพรรคตามกลุ่มจังหวัดได้ ต้องพิมพ์รวมทั้งประเทศ เมื่อนำไปใช้ในกลุ่มจังหวัดอาจเกิดปัญหาที่ประชาชนไปเลือกหมายเลขพรรค และผู้สมัครที่ไม่ได้ลงสมัครในพื้นที่นั้นจะทำให้เป็นบัตรเสีย ขณะที่การนับคะแนนรวมหากมีปัญหาหีบบัตรมาไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ จะกระทบต่อการคำนวณ และการประกาศ สส.แบบ Open List
“กกต.ได้เสนอวิธีแก้ไขในเชิงหลักการไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ว่า หากเกิดเหตุดังกล่าวให้พิจารณาว่าหากคะแนนที่หายไป ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งก็ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งได้เลย” สมชัย กล่าว
ไม่จบเท่านี้.....Open List ยังมีปัญหาที่ตามมาอีก คือ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ และเข้าใจ เพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนได้ และไม่กระทบต่อการเลือกตั้ง ส่วนสถานที่ในการจัดการเลือกตั้ง
เพื่อลงคะแนนต้องใช้สถานที่ที่ใหญ่กว่าเดิมมาก เนื่องจากอุปกรณ์และบัตรเลือกตั้งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมาก
สรุปแล้วการลงคะแนนเลือกตั้งแบบ Open List มีอะไรที่เป็นข้อดีบ้าง คงต้องทิ้งไว้คิดต่อ???
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “ศุภชัย สมเจริญ” ประธาน กกต.” เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการลงคะแนน สส.แบบบัญชีรายชื่อแบบ Open List ว่า ขอให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณา “ยกเลิก”การลงคะแนนแบบดังกล่าว เพราะจะทำให้ประชาชนสับสน และก่อให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคการเมืองอย่างรุนแรง นักการเมืองจะกลายเป็นคู่แข่งกัน และที่สำคัญระบบบัญชีรายชื่อไม่สามารถป้องกันอิทธิพล หรือการครอบงำของนายทุนได้
หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จสมบูรณ์ กกต.คงต้องลุย Open List ต่อ โดยต้องให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ กกต.ชนิดที่เรียกว่า “เข้ม” กันเลยทีเดียว เพื่อที่พวกเขาจะได้ให้ “คำชี้แนะ” กับประชาชนที่น่าจะมีคำถามอย่างหนักหน่วงว่าการเลือกตั้งแบบ Open List คืออะไร??? ไม่อย่างนั้น กกต.อาจถูกโจมตีอีกครั้งว่าทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ
ขณะเดียวกันมีคำถามที่ “ย้อนกลับ” ไปถึง กกต.ว่า กกต. “ไม่เห็นด้วย” กับการลงคะแนน สส.แบบ Open List อยู่แล้ว จึงพยายาม “ตีกัน” และ “เปิดแผล” ให้เห็นถึงความยุ่งยาก เพื่อ “ทำหมัน” Open List หรือไม่???
เรื่องนี้มีคำยืนยันจาก “สมชัย” ว่า สรุปแล้วไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งในรูปแบบใด กกต.อยู่ในวิสัยที่จัดการได้ แต่ที่สาธิตการเลือกตั้งแบบ Open List เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงปัญหาข้อจำกัดและอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯไปพิจารณาว่าจะได้คุ้มเสียหรือไม่ สิ่งที่ได้มาจะคุ้มกับที่ลงทุนหรือไม่.??? เพราะการเลือกตั้งแบบ Open List เป็นไปได้สูงที่ประชาชนจะเลือกรายชื่ออันดับต้นๆ หรือที่พรรคนำเสนอมา ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ร่างฯที่อยากให้สิทธิประชาชนเลือก สส.และพรรคที่ต้องการ ดังนั้น.....
ระบบ Open List อาจไม่ประสบความสำเร็จ!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี