นายสมปอง อินทร์ทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่ดินเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยปกติแล้วเราอาจแบ่งที่ดินได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.ที่ดินเพื่อกิจการทั่วไป หรือที่ดินที่มีโฉนด เป็นทรัพย์สินที่สามารถซื้อขายโอนย้ายได้ตามปกติ สามารถปลูกสร้างหรือประกอบกิจการสุจริตใดๆ ก็ได้ตราบเท่าที่กฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ 2.ที่ดินเพื่อการอนุรักษ์ เป็นพื้นที่ที่สงวนไว้เพื่อความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ เช่น พื้นที่ป่าไม้และอุทยานแห่งชาติ ที่ดินประเภทนี้ห้ามผู้ใดครอบครองเด็ดขาด
และ 3.ที่ดินเพื่อกิจการเฉพาะ เป็นที่ดินที่แม้รัฐจะอนุญาตให้บุคคลครอบครองได้ แต่ก็กำหนดเงื่อนไขมาด้วย เช่น ที่ดินเพื่อการเกษตร หรือ “ส.ป.ก.” ซึ่งกำหนดให้ใช้เฉพาะทำการเกษตรเท่านั้น และไม่สามารถซื้อขายได้ ทว่าในความเป็นจริงพบว่ามีความพยายามเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. ให้เป็นโฉนด แล้วนำมาขายให้กับบุคคลอื่นไม่ว่าบุคคลผู้ซื้อนั้นจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม สิ่งเหล่านี้สร้างความเสียหายแก่สังคมอย่างมาก เพราะผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่ดินไปทำเกษตรจริงๆ แต่รัฐไม่มีที่ดินพอแจกจ่าย ก็อาจจะไปบุกรุกพื้นที่ป่าไม้และอุทยานเพิ่มอีก
นายสมปอง อินทร์ทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฝากให้ความรู้ผ่าน “สกู๊ปหน้า 5” ถึงประชาชน เกี่ยวกับคำถามมากมายที่เกิดขึ้น หลังรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการตรวจสอบการได้มาซึ่งที่ดินแปลงใหญ่ใกล้กับพื้นที่ป่า และพบว่ามีคนดังจากหลายวงการมีชื่อครอบครอง
คำถามแรก..ที่ดิน ส.ป.ก. ซื้อขายได้หรือไม่? รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ยืนยันว่า ตามกฎหมายแล้วไม่สามารถซื้อขายได้ ส่วนการโอนนั้นให้เป็นไปตามระเบียบของ ส.ป.ก. เท่านั้น กล่าวคือ เป็นการโอนเฉพาะในครอบครัว เรียงตามลำดับชั้นดังนี้ 1.สามีหรือภรรยาของเกษตรกรผู้ได้รับสิทธิ 2.หากไม่มีบุคคลในข้อ 1 หรือมีแต่ไม่ขอรับ ให้สิทธิการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินตกแก่ทายาทโดยธรรมเฉพาะบุตรที่เป็นเกษตรกร และบรรลุนิติภาวะเท่านั้น (บรรลุนิติภาวะโดยมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือโดยการแต่งงานและจดทะเบียนสมรส)
3.หากไม่มีบุคคลในข้อ 1 และ 2 หรือมีแต่ไม่ขอรับ บิดา มารดา ของเกษตรกร, พี่น้องร่วมบิดา มารดาเดียวกันของเกษตรกร, พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกันของเกษตรกร, หลานของเกษตรกร (บุตรของบุตร หรือบุตรของพี่ หรือบุตรของน้อง) สามารถรับโอนได้ ส่วน คนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้..ไม่มีสิทธิ์รับโอนเด็ดขาด
คำถามที่สอง..ที่ดิน ส.ป.ก. นำไปออกโฉนดได้อย่างที่มีผู้กล่าวอ้างจริงหรือไม่? รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ อธิบายว่า ประเด็นนี้น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน กล่าวคือ ก่อนที่จะมีการจัดตั้ง ส.ป.ก. ในปี 2518 ที่ดินหลายแปลงมีผู้ครอบครองอยู่ก่อนแล้ว เมื่อมีการโอนสิทธิ์การดูแลที่ดินเหล่านี้มาให้ ส.ป.ก. จึงมีที่ดินที่มีใบอนุญาตครอบครอง (สค.1) ติดมาด้วย ซึ่งหลักฐานนี้สามารถนำไปยื่นเพื่อขอออกโฉนดได้ แต่เวลาสื่อสารกัน เรามักจะพูดกันสั้นๆ ว่านำที่ ส.ป.ก. ไปออกโฉนด ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าสามารถทำได้จริง
“พื้นที่ที่ ส.ป.ก. ได้มาตั้งแต่ปี 2518 ถึงปัจจุบัน มันจะมีหลักฐานก่อนปี 2518 ติดมาด้วย คือ ส.ป.ก. ได้มานี่ไม่ใช่ได้มาเปล่าๆ นะ ส่วนใหญ่มีคนอยู่บนนั้นแล้ว มันก็มีหลายแปลงที่เขามี ส.ค.1 หรือหลักฐานอะไรก็แล้วแต่ที่เขาสามารถเอาไปออกโฉนดได้ แต่เวลาพูดกันเราจะพูดว่าที่ ส.ป.ก. เอาไปออกโฉนด น.ส.3 ได้ พูดข้ามไม่นิดนึง มันไม่ผิดแต่มันถูกไม่หมด เพราะหลายที่มันมี ส.ค.1 แล้วถ้าอยู่ในหลักเกณฑ์ ส.ค.1 เขาก็ออกโฉนดได้” นายสมปอง อธิบาย
คำถามที่สาม..ที่ดิน ส.ป.ก. นำไปค้ำประกันกับธนาคารเพื่อขอสินเชื่อได้หรือไม่? ต้องตอบเลยว่า “ไม่ได้” ด้านหนึ่งธนาคารพาณิชย์ทั่วไปไม่รับแน่นอน หรือแม้กระทั่ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เกษตรกรนิยมไปขอสินเชื่อก็ตาม ทั้งนี้ นายสมปอง ชี้แจงว่าการที่ ธ.ก.ส. ขอดูการครอบครองที่ ส.ป.ก. เป็นเพียงเพื่อยืนยันเท่านั้นว่าผู้กู้เป็นเกษตรกรตัวจริง ไม่ใช่การนำที่ส.ป.ก. ไปค้ำประกันแต่อย่างใด
คำถามที่สี่..เป็นไปได้หรือไม่? ที่ผู้ซื้อจะไม่รู้จริงๆ ว่าซื้อที่ดินผิดกฎหมาย ประเด็นนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ให้ความเห็นว่า “ไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก” เพราะช่วงหลังๆ ส.ป.ก. ได้จัดเจ้าหน้าที่ไปประชาสัมพันธ์ตามชุมชนต่างๆ ที่มีผู้ครอบครองที่ ส.ป.ก. เป็นจำนวนมาก รวมถึงให้ความรู้กับผู้นำชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้บริหาร อบต. เป็นต้น ดังนั้นคนเหล่านี้ย่อมรู้ดี แต่บางครั้งผู้ซื้ออยากได้ของถูก ผู้ขายก็อยากได้เงิน จึงทำการซื้อขายกันดังกล่าว
“จากประสบการณ์ผมเลยนะ ไม่มีหรอกครับเดินดุ่ยๆ เข้าไปซื้อที่ดินโดยไม่ติดต่อใคร เป็นไปไม่ได้ ผมไม่เชื่อ อย่างน้อยต้องไปผ่าน อบต. ต้องไปผ่านกำนันผู้ใหญ่บ้าน แล้วท่านไม่คิดหรือว่าคนเหล่านี้เขาจะไม่พูดว่าที่ ส.ป.ก. ห้ามซื้อขาย ผมถึงบอกว่าคนที่มีการเปลี่ยนมือในช่วง 10 ปีมานี้แล้วบอกไม่รู้นี่ผมไม่เชื่อ แต่ถ้าเป็นยุคแรกๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะเพิ่งมีกฎหมาย ส.ป.ก. คนอาจจะยังไม่รู้” รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ระบุ
คำถามที่ห้า..ประชาชนที่อยากซื้อที่ดินในพื้นที่เสี่ยง จะมีวิธีตรวจสอบอย่างไรว่าที่ดินนั้นถูกกฎหมายหรือไม่? รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ แนะนำว่า ผู้ซื้อควรมีความรอบคอบ ใส่ใจที่จะไปตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสำนักงาน ส.ป.ก. จังหวัด เพื่อจะได้ทราบว่าที่ดินที่อยากได้นั้นมีที่มาถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนกับการถูกฟ้องคดีในภายหลัง
และ คำถามที่หก..หากซื้อที่ดินมาแล้วโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ แล้วเกิดคดีความขึ้นควรทำอย่างไร? ประเด็นนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ ยอมรับว่าลำบากไม่น้อย เพราะที่ดินบางแปลงมีการเปลี่ยนมือหลายทอด ผู้ขายและผู้ซื้อรายล่าสุดบางทีก็ไม่ทราบว่าโฉนดที่ออกให้ที่ดินนั้นเป็นโฉนดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่ต้องนำไปขบคิดกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรจึงจะเยียวยาผลกระทบของคนกลุ่มนี้
“คนขายบางทีก็ไม่รู้ ผมใช้คำว่าบางทีนะ เพราะคนขายบางคนก็รู้ว่าออกโดยมิชอบก็มี แต่บางคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นส.3 ที่เขาซื้อมามันมิชอบ เขาได้มาก็เอามาขาย แล้วคนมือสุดท้ายก็ซื้อมา แล้วก็ถูกเพิกถอน บางทีก็จะไปโทษคนขายก่อนมือสุดท้ายก็ไม่ได้เพราะไม่รู้ทั้งคู่
จริงๆ ต้องสร้างวิธีการขึ้นมาแก้ไขตรงนี้ ว่าการเพิกถอนก็ดำเนินการไป แต่การที่จะมาดำเนินการกับผู้ที่สุจริต จะให้ความเป็นธรรมอย่างไรก็ต้องมาว่ากันอีกมุมนึง แต่ขณะนี้ผมมองว่าอาจจะเป็นไปตามกฎหมายแพ่งพาณิชย์ ก็อาจจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกัน ซึ่งก็ต้องใช้เวลาครับ” นายสมปอง ฝากทิ้งท้าย
เป็นที่เข้าใจได้ว่า “ที่ดินบรรยากาศธรรมชาติ” เป็นที่หมายปองของใครหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการมีสถานที่พักผ่อนในบั้นปลายหลังเกษียณ หรือผู้ต้องการลงทุนทำสถานตากอากาศ แต่ต้องยอมรับว่าที่ดินเหล่านี้ถือเป็นพื้นที่หมิ่นเหม่ สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบอย่างรอบคอบเสียก่อนตัดสินใจซื้อ และไม่ควรหลงเชื่อผู้ที่อ้างว่าสามารถแปลงที่ดินหวงห้ามเหล่านี้ให้เป็นโฉนดถูกกฎหมายได้ เพราะวิธีที่อวดอ้างนั้นล้วนแต่เป็นวิธีที่ไม่สุจริตทั้งสิ้น
โปรดระวัง!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี