ย่างเข้าเดือนหก ฝนแค่ตกลงมาพรำๆ.....
แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้ “คนกรุง” รับกรรมไปเต็มๆ เพราะ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องเจอ “น้องน้ำ” เล่นงาน ทั้งทำให้การจราจรอัมพาต และหลายพื้นที่โดยเฉพาะกรุงเทพฯชั้นใน ย่านเศรษฐกิจอย่าง ถ.สุขุมวิท เพชรบุรี เป็นต้น เกิดภาวะน้ำท่วมขังกลายเป็น “ทะเลกรุงเทพฯ”
นี่เป็นภาวะที่หลายคนอาจ “จำยอม” เพราะ “ฝนตกน้ำท่วม รถติด” เป็นวิถีชีวิตที่คนกรุงเจอมานาน แต่อีกหลายคน“มองตรงข้าม” ว่านี่สะท้อนถึงความ “ไร้น้ำยา” แก้ไขปัญหาของ “กรุงเทพมหานคร”(กทม.) ซึ่งกระแสความไม่พอใจ “เล็งตรงเป้า” ไปที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตรผู้ว่าราชการ กทม.
ช่วงแรกๆ ชาวบ้านแค่ทำภาพล้อเลียนพอให้ขำๆ ในโลกโซเชียล แต่พอเดือดร้อนถี่ขึ้นจึงเริ่มถามหาแนวทางแก้ไขจากผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ จนครั้งหลังๆ ที่ความเดือดร้อนไม่ได้รับการแก้ไข จึงมีเสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 “ปลด” ผู้ว่าฯกทม. ไปเลย
เล่นเอา “พ่อเมือง กทม.” ต้องออกมาแจงยิบถึงสาเหตุที่ทำให้ กทม.ต้อง “สำลักน้ำ” ซึ่งในสายตาของผู้บริหาร กทม.มองว่า “ขยะ” เป็น “วายร้าย” สำคัญเพราะไปอุดตันตามท่อ ทำให้ระบายน้ำไม่ทัน อีกทั้ง “ปริมาณฝน” ที่ตกลงมามันหนักเกินจะรับไหว เป็นต้น
“คำชี้แจง” ของ กทม.ฟังดูตงิดใจ และในทางกลับกันขยะอาจไม่ใช่วายร้าย แต่กลายเป็น “กระจกเงา” สะท้อนให้เห็นถึงความ “ไม่พร้อม” ของกทม.ที่ไม่เตรียมความพร้อมหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในระยะยาวมากกว่า
“ปริมาณฝนที่ตกหนักไม่เกิน 200 มิลลิเมตร หรือ 150 มิลลิเมตรต่อวัน น้ำจะไม่ท่วม ซึ่งฝนที่ตกตอนนี้ปริมาณไม่ได้มากพอที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ถ้าระบบระบายน้ำดี กทม.จะไม่มีปัญหาน้ำท่วม” สมิทธ ธรรมสโรช”ประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ให้ความเห็น
“นักพยากรณ์ด้านน้ำ” ผู้นี้ ตั้งข้อสังเกตว่า กทม.อาจมีระบบระบายน้ำที่ไม่ดีนัก เพราะช่วงที่ผ่านมาฝนไม่ได้ตกต่อเนื่องนานๆ ปริมาณไม่ได้มากผิดปกติ จากสถิติปริมาณน้ำฝนที่กรมอุตุนิยมวิทยาวัดออกมา มันไม่เกิน 200 มิลลิเมตรต่อวัน สมัยก่อนช่วงที่ระบบระบายน้ำดีๆ ฝนตกลงมา 100 มิลลิเมตรต่อวัน น้ำยังไม่ท่วมเลย หรือไม่ก็ท่วมไม่นาน
เขาบอกด้วยว่า ดูเหมือน กทม.จะมีการระบายน้ำที่ไม่ดีนัก เพราะมี “ขยะ” ค้างในท่อ ส่งผลให้น้ำระบายช้า จนทำให้เกิดน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะระบบท่อระบายน้ำจากย่าน “พระราม 3” ที่นำน้ำมาออกปากคลองพระโขนงนั้น ตนมองว่าระบบท่อใหญ่ตรงนี้ กทม.ควรไปตรวจสอบเพราะเดิมเคยทำงานดี แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ายังทำงานได้ดีหรือไม่ เพราะจากข่าวตนเห็น “ขยะ” อุดตัน กีดขวางจำนวนมาก นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของอุปสรรคที่ทำให้น้ำไปไม่ถึง หรือไปถึงคลองพระโขนงช้า และระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ทัน
ขณะที่ “กูรูน้ำ” อย่าง “เสรี ศุภราทิตย์” ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณฝนที่ตกลงมาเฉลี่ยมันมากขึ้นจากในอดีต แต่ “ระบบระบายน้ำ” ของ กทม. ซึ่งเป็น “ต้นน้ำ” ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับปรุง คือ ปัจจุบันใช้วิธีว่าเวลาฝนตก เราก็ไปปรับปรุงอุโมงค์ และระบบสูบที่เป็น “ปลายน้ำ”
นอกจากนี้ระบบระบายน้ำของ กทม.ยังเกิดภาวะ “ทรุดตัว” คือ ระบบระบายน้ำของ กทม.มักอยู่ตามถนน “ท่อ-บ่อพัก” ถูกรถยนต์เหยียบ บดทับทุกวัน เกิดการทรุดตัวทุกปี เมื่อไม่ได้ถูกปรับปรุงให้ดี มีประสิทธิภาพ รับน้ำได้มากขึ้น ฝนตกหนักขึ้นมันก็เกิดปัญหาน้ำท่วม ซึ่งผู้บริหารต้อง “ใส่ใจ”
“อย่าอ้างเรื่องขยะเพราะผู้ว่าฯกทม.เกือบทุกคนที่เข้ามาทำงานรู้ปัญหาขยะอยู่แล้ว จะสร้างจิตสำนึกอะไรก็ทำไปแต่ตัวระบบระบายน้ำต้องปรับปรุงด้วย โดยเฉพาะต้นทาง ถ้าไม่มีการปรับปรุงก็จะมีปัญหาท่วมซ้ำซากต่อไป” เสรี กล่าว
“กูรูน้ำ” ผู้นี้ เสนอแนะแนวทางปรับปรุงระบบระบายน้ำของ กทม.ว่า 1.“ความถี่” ของบ่อพัก ต้องมีการตรวจสอบว่า “ช่องเปิด” ของบ่อพักเล็กไปหรือไม่ ตัวบ่อพักมีความกว้าง หรือความถี่เพียงพอหรือไม่ กทม.ต้องไปตรวจสอบว่าจำเป็นต้องขยายบ่อพักเพื่อให้รับน้ำได้มากขึ้น, 2.ขยายท่อระบายน้ำ ปัจจุบันพบว่าท่อระบายน้ำของ กทม.มีขนาดเล็ก และเกิดการทรุดตัว เพราะสร้างมานานแล้ว ไม่เคยมีการปรับปรุง จนส่งผลให้น้ำลงไปในบ่อพักไม่ทัน จนเกิดน้ำท่วม เกิดปัญหา“น้ำค้างท่อ” ตลอด
3.ปากทางท่อระบายน้ำที่จะไปลงคลองนั้น ต้องมีการขยาย ถ้า “แคบ” น้ำก็ลงไม่ทัน 4.คลองระบายน้ำต่างๆ “ตื้นเขิน” หรือไม่ ถ้ามีขยะก็ต้องไป
จัดเก็บให้ถี่ขึ้น
5.“อุโมงค์ระบายน้ำ” ต้องยอมรับว่าการที่เรามีอุโมงค์ระบายน้ำถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ปรากฏว่าอุโมงค์ของเราไปอยู่ปลายน้ำ ดังนั้นอาจต้องมีการศึกษาเพื่อสร้างอุโมงค์ที่ต้นน้ำ หรือต้นทางของการระบายด้วยหรือไม่
“การปรับปรุงท่อระบายน้ำอาจมีอุปสรรคบ้าง เพราะอาจกระทบต่อการจราจร จึงต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ เช่น ถ้าท่อนั้นๆ อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจ กทม.อาจปิดถนนทำกันให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนให้มันจบๆ ไปแต่ทุกวันนี้ไม่ทำ จะว่าไม่มีเงินก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่ได้ใช้เงินมากเหมือนสร้างอุโมงค์” เสรี กล่าว
คล้อยหลังจากที่เกิดน้ำท่วมในห้วงที่ผ่านมา กทม.ได้ออกมาชี้แจงถึงการทำงานว่าได้เตรียมพร้อมเต็มที่ ซึ่งตามแผนของปี 2558 เขียนไว้ว่าจะ “ขุดลอกคลองและเปิดทางน้ำไหล” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลอง 1,682 คลอง ยาว 2,600 กิโลเมตร, ทำความสะอาดท่อระบายน้ำยาวรวม 3,600 กิโลเมตร จากความยาวรวม 6,400 กิโลเมตร ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 66% และเตรียมพร้อมเครื่องสูบน้ำตามสถานีสูบน้ำ ประตูระบายน้ำบ่อสูบน้ำ 660 แห่ง เป็นต้น
เบ็ดเสร็จผู้บริหาร กทม.สรุปว่าเตรียมตัวรับมือภาวะหน้าฝนแล้วถึง 60%!!!
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าการปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังของเจ้าหน้าที่ กทม. เป็นเรื่องที่ไม่อาจตำหนิ และต้องชื่นชมให้กำลังใจ แต่ต้องไม่ลืมว่าปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ดังนั้นการเตรียมรับมือสมควรต้องเต็ม 100% หรือไม่.???
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี