เป็นอีกปัญหาที่ถูกพูดถึงกันมายาวนานอย่าง “ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา” ซึ่งในมุมหนึ่งภาคประชาชนได้พยายามเรียกร้องมาตลอดให้รัฐบาลทุกยุคสมัย “จัดระเบียบ” ไม่ให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา 300-500 เมตร เพราะเป็นสิ่งยั่วยุ และสถานศึกษาไม่ควรมีอบายมุขมารบกวน แต่อีกมุมหนึ่งก็มีผู้แสดงความเป็นห่วงว่าอาจกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา การเติบโตของเมืองในบ้านเราเป็นไปแบบ “ตามใจฉัน” ไม่ได้มีการ “ควบคุม” ว่าอะไรควรจะตั้ง-ไม่ควรตั้งอยู่ที่ใดบ้าง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม..ล่าสุด 18 มิ.ย. 2558 นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้ออกประกาศ ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใกล้สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษา ในระยะ 300 เมตร ตลอด 24 ชั่วโมง แต่มีข้อยกเว้น 2 ข้อ ได้แก่ 1.โรงแรม และ 2.พื้นที่โซนนิ่งที่กระทรวงมหาดไทย อนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น พัฒน์พงศ์ อาร์ซีเอ และเพชรบุรีตัดใหม่ และจะนำเสนอขอความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีต่อไป
หากนายกฯ เห็นชอบ จะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 30 วัน!!!
ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษทั้ง “จำคุกไม่เกิน 6 เดือน” หรือ “ปรับไม่เกิน 10,000 บาท” หรือ “ทั้งจำทั้งปรับ”!!!
เรื่องของร้านเหล้าใกล้สถานศึกษา ก็มีความคิดเห็นจากหลายฝ่าย เริ่มจาก น.ส.กัญธิญา แม้นบุตร นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย กล่าวถึงข้อดีและข้อเสียในการมีสถานบันเทิงตั้งอยู่รอบมหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่า ข้อดี คือ ง่ายต่อการจัดงานสังสรรค์และสะดวกในการนัดพบ ใกล้สถาบัน ใกล้หอพัก ถ้าหากไม่มีนักศึกษาด้วยกันก็อาจจะไปหาสถานที่อื่นที่ไกลออกไป
ซึ่งจะเสี่ยงอันตรายกว่าในการเดินทาง ส่วน ข้อเสีย เธอให้เหตุผลว่า หากอยู่ใกล้หอพักมากเกินไป เสียงจากสถานบันเทิงจะรบกวนคนในหอพัก ส่งผลให้เสียการเรียนในเช้าอีกวันได้
เช่นเดียวกับ นายปิยะวัฒน์ สมพงษ์ นักศึกษาอีกราย ให้ความเห็นว่า การมีสถานบันเทิงแบบนี้ใกล้มหาวิทยาลัย ข้อดี ก็คือนักศึกษาไม่ต้องเดินทางไปดื่มไกลๆ ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุจากการจราจรได้ส่วนหนึ่ง และเป็นการช่วยผ่อนคลาย และสร้างความบันเทิงจากการเรียนได้หากดื่มในปริมาณที่เหมาะสม แต่ ข้อเสีย คือการมีร้านจำหน่ายสุราอยู่ใกล้กับสถานศึกษานั้น อาจส่งผลให้มีจำนวนนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้น และอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกเช่น การเสียการเรียน อุบัติเหตุ และการทะเลาะวิวาท เป็นต้น
“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ใกล้สถานศึกษานั้น จะส่งผลกระทบต่อการเรียนได้ จำนวนครั้งและความถี่ในการดื่มแอลกอฮอล์ มีผลกระทบโดยตรงต่อผลการเรียนของนักศึกษา แต่ถึงแม้นักศึกษาจะมีพฤติกรรมที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์ หากมีการแบ่งเวลาให้เหมาะสม ก็จะไม่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อผลการเรียน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการสนับสนุนให้นักศึกษาหรือเยาวชนไทยมีพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น” นักศึกษาหนุ่มรายนี้ ให้ความเห็น
ด้านฝั่งผู้ประกอบการอย่าง กิติยา เปลี่ยนดี มองว่า ไม่ควรและไม่เหมาะสมที่จะมีร้านเหล้าใกล้สถานศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์รวมการเรียนรู้ และผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้ เด็กที่เริ่มก้าวเข้าสู่รั้วที่เรียนใหม่ๆ ก็จะมีสังคมใหม่เป็นสิ่งจูงใจพื้นฐานที่จะเข้าสังคมแบบสังสรรค์อยู่แล้ว ร้านเหล้าที่มีทั้ง แสง สี เสียง และความบันเทิงต่างๆ นับเป็นสิ่งเร้าที่จะทำให้เด็กในวัยที่จะต้องรับผิดชอบด้านการเรียน เบนความสนใจไปในการเที่ยวเตร่ได้ง่ายขึ้น ทำให้กระทบกับเวลาเรียน และหน้าที่ต้องรับผิดชอบ รวมไปถึงผลการเรียน
“ปัญหาการศึกษาของไทยที่กำลังพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า สถิติการพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา หรือการมีเกรดเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของแต่ละปีก็ยังแก้ไม่ตก ภาระหนักก็ตกอยู่ที่ผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในด้านการเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เด็กยังต้อง
ใช้เงินพ่อแม่ ดังนั้นการเปิดร้านเหล้าจึงเป็นการขาดความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ เจ้าของร้านเหล้าต่างๆ มองเห็นการเติบโตของธุรกิจ มองเห็นโอกาสทางการเงินภายใต้ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น และปัญหาเหล้านี้มีโอกาสที่จะขยายวงกว้างไปอีก หากไม่ได้รับการแก้ไขที่เหมาะสม” ผู้ประกอบการรายนี้ ระบุ
ในมุมมองของอาจารย์ ปรียาภรณ์ สืบสวัสดิ์ อาจารย์ประจำวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
กล่าวว่า กรณีการตั้งร้านเหล้าใกล้สถานศึกษานั้น ด้านหนึ่งในฐานะที่เป็นอาจารย์ย่อมไม่เห็นด้วย เพราะสถานศึกษาควรเป็น “พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการเรียนรู้” ไม่ควรจะมีอบายมุขใดๆ มาเป็นสิ่งยั่วยุ แต่อีกด้านหนึ่งก็เข้าใจความรู้สึกของผู้ประกอบการที่อาจได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการนี้เช่นกัน จึงอยากให้ทางสถานศึกษาและผู้ประกอบการพูดคุยกัน พบกันครึ่งทาง เพราะหากสถานบันเทิงใกล้กับสถานศึกษาเกินไปจะดูไม่งามเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม..ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์รายนี้ เชื่อว่าอยู่ที่ “สามัญสำนึก” ของนักศึกษาแต่ละคน เพราะจากที่สอนหนังสือมารุ่นแล้วรุ่นเล่า นักศึกษาหลายรายสามารถรับผิดชอบหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี แม้จะดื่มแต่ก็ยังมาเรียนและทำกิจกรรมต่างๆ กับมหาวิทยาลัยได้เต็มที่เสมอ
“เราจะไปว่าผู้ประกอบการฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับตัวเด็กเอง เพราะถ้าไม่เข้าไปดื่มไปกินร้านเหล่านี้ก็อยู่ไม่ได้ แต่ถ้าไปดื่มกินแล้วจะต้องมีความรับผิดชอบให้มากขึ้น ต้องรู้จักความสำคัญว่าอะไรที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ แต่ตนก็มั่นใจในลูกศิษย์ว่าจะมีความรับผิดชอบมากพอ เนื่องจากลูกศิษย์รุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา ถึงจะดื่มหนักไปอยู่บ้างแต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน บางรายยังไม่สร่างแต่ก็มาเรียนและทำกิจกรรมตั้งแต่เช้าจนมืด ก็ต้องชมเชยเด็กกลุ่มนี้ว่าเขารักษาหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาไป
จึงอยากฝากถึงผู้ประกอบการและสถานศึกษาต่างๆ ควรจะปรึกษาและทำข้อตกลงร่วมกัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตัวเด็ก และภาพลักษณ์พื้นที่นั้นๆ อีกทั้งอยากฝากไปถึงตัวเด็กๆ เอง หากคิดจะดื่มควรดื่มแต่พอดี เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนในเช้าวันถัดมาได้” อาจารย์ปรียาภรณ์ ฝากทิ้งท้าย
เรื่องราวของร้านเหล้าที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย..แม้ด้านหนึ่งทุกฝ่ายจะมองว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อการเรียนของนักศึกษาจริง แต่อีกด้านหนึ่ง เสียงสะท้อนว่าการดื่มแล้วไม่เสียหน้าที่หลักก็เป็นไปได้เช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับสำนึกรับผิดชอบของแต่ละบุคคล เพราะการเรียนในระดับอุดมศึกษา ผู้เรียนถือว่ามีอายุมากในระดับหนึ่ง
จึงถูกคาดหวังว่าควรมีวุฒิภาวะสูงกว่าเด็กที่อายุต่ำกว่านี้ไปด้วย!!!
บุษยมาศ ซองรัมย์
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี