แต่ไหนแต่ไรมา..อาชีพ “เกษตรกร” แม้จะถูกยกย่องอย่างมีเกียรติว่าเป็น “กระดูกสันหลังของชาติ” แต่ชีวิตจริงของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่นั้นช่าง“ลำบากยากเข็ญ” ไหนจะต้องเป็นหนี้สินจากการซื้อเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยและสารเคมีบำรุง หรือไหนจะต้องฝากชีวิตไว้กับธรรมชาติที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เช่น ในปีนี้ที่หลายพื้นที่ประสบภาวะ “แล้งจัด” พืชผลยืนต้นตายเสียหายไปเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม..อีกด้านหนึ่งเราก็ยังสามารถพบเห็นเกษตรกรอีกไม่น้อยที่ทำจน “ร่ำรวย” มีรายได้และเงินออมเป็นกอบเป็นกำ หรือหลายรายถึงแม้จะไม่ร่ำรวย รายได้ไม่สูงนักแต่ก็ไม่ถึงกับยากจนและไม่เป็นหนี้สิน เพราะสามารถลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งข้อแตกต่างนั้นอยู่ที่ “ความรู้” ของเกษตรกรแต่ละราย
23 ก.ค. 2558 “สกู๊ปหน้า 5” ติดตามคณะของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไปยัง อำเภอซำสูงจังหวัดขอนแก่น ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ต้องถือว่า “มีดี 2 ประการ”ประกอบด้วย “ธรรมชาติดี” แม้จะอยู่ในภาคอีสานที่ได้ชื่อว่าเป็น “ดินแดนแห้งแล้ง” แต่กลับพบว่ามี “แหล่งน้ำใต้ดิน” ที่ว่ากันว่าปริมาณเท่ากับความจุน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมี “คนดี” คือถึงจะมีน้ำใต้ดินอุดมสมบูรณ์ แต่เกษตรกรที่นี่ก็ไม่ประมาท มีการใช้ “ภูมิปัญญา” ในการประกอบอาชีพ
“ตอนผมจะเริ่มทำนะ มีข้อโต้แย้งเยอะมาก เขาหาว่าผมบ้า หาว่าผมคิดเกินเหตุ บอกว่าทำแล้วก็ใช้ไม่ได้ เขาก็ว่าผมแบบนี้แหละ”
สัญญา โคตรศรีวงษ์ กำนันตำบลคูคำ บอกเล่าพร้อมกับชี้ไปที่แนวท่อพีวีซีขนาด 6 นิ้วใน “บึงกระชา” แหล่งน้ำสำคัญของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งท่อนี้ต่อยาวไปยังคลองชลประทานที่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร ใช้หลักการ “กาลักน้ำ” ดึงน้ำจากคลองมาลงที่บึงแห่งนี้
กำนันรายนี้ ระบุว่า ในอดีตเมื่อถึงฤดูแล้ง ชาวบ้านรอบๆ บึงมักมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเสมอ เพราะต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่าเพื่อนบ้านคนอื่นๆ “ใช้น้ำเปลือง” ทำให้น้ำในบึงหมดเร็ว กระทั่งมีการต่อแนวท่อดังกล่าวและมีน้ำมาเติมในบึง ความขัดแย้งนี้ก็ค่อยๆ ลดลงไป แต่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็ไม่ง่าย ต้องตามผู้เชี่ยวชาญจากทางการมาร่วมศึกษาและรับรองว่าเรื่องนี้ทำได้จริง ชาวบ้านคนอื่นๆ ถึงเริ่มเชื่อและช่วยกันลงมือลงแรงทำจนสัมฤทธิผล
“ผมต้องเอาช่างจาก อบต. (องค์การบริหารส่วนตำบล) ไปร่วมประชุมด้วย ให้เขาไปอธิบายเรื่องระดับน้ำให้ชาวบ้านฟัง ให้เขาส่องกล้องวัดระดับ กล้องนี่ตัวเป็นแสนนะครับ อธิบายจนชาวบ้านเริ่มจะเชื่อว่า..เออ! ท่าจะจริง ให้ก็ให้ ทำก็ทำ ตอนแรกก็ไม่เชื่อกันร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว” กำนันสัญญา กล่าว
อย่างที่กล่าวไปตอนต้น แม้ที่นี่จะมีน้ำใต้ดินมาก แต่ในฤดูแล้งก็มีข้อตกลงกันเองว่าจะทำนาเฉพาะฤดูฝนเท่านั้น ส่วนฤดูแล้งจะหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อประหยัดน้ำ ดังอีกตัวอย่างในพื้นที่ใกล้เคียง คือที่ ตำบลกระนวน ที่นี่มีการก่อสร้างถังเก็บน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แต่ชาวบ้านตกลงร่วมกันว่าให้ใช้น้ำเฉพาะหน้าแล้ง เพื่อปลูกพืชทนแล้งและเพื่ออุปโภคบริโภคเท่านั้น จะไม่นำน้ำสำรองในถังนี้ไปใช้ทำนา
ภาณุพงษ์ สุเพ็งคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลกระนวน เล่าว่า พื้นที่ตำบลกระนวน ช่วงฤดูแล้งจะเปลี่ยนจากนาข้าวเป็นไร่ข้าวโพดบ้าง ถั่วลิสงบ้าง ซึ่งเป็นพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อย โดยมีผู้สนใจมาติดต่อขอซื้อเป็นประจำ เช่น ศูนย์วิจัยเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น หรือเกษตรกรบางรายก็ขนใส่รถบรรทุกไปวางขายเองในตัวจังหวัดขอนแก่น เป็นรายได้เสริมที่ดีในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว
สำหรับถังเก็บน้ำ ก่อสร้างโดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มเก็บน้ำเมื่อปี 2555 มีการแบ่งพื้นที่จ่ายน้ำเป็นจุดๆ หมุนเวียนกันไป และมีวันปิดถังไม่ใช้น้ำ เพื่อทิ้งระยะให้น้ำใต้ดินขึ้นมาเติมในถังจนเต็ม ในช่วงแรกพบว่ามีปัญหาเล็กน้อย คือชาวบ้านที่จ้างรถไถหรือรถเกี่ยวข้าวมา แล้วไม่ทราบว่าแนวท่ออยู่จุดใด รถไถและรถเกี่ยวจึงทับท่อแตกเสียหายบ้าง ก็ต้องเสียค่าซ่อมท่อกันไป แต่ปีต่อๆ มา ทุกอย่างก็เริ่มลงตัว เพราะทำเส้นทางให้รถไถ-รถเกี่ยว แล่นได้แบบไม่ต้องไปทับท่ออีก
“พวกที่มาทำนี่เป็นพวกหัวไวใจสู้ อยากมีอาชีพ ไม่ต้องการโยกย้ายเข้าไปในเมือง กลุ่มที่เขาขยันนี่มีเยอะ แถวนี้เน้นปลูกข้าวโพดกับถั่วลิสง เป็นรายได้เสริมช่วงหน้าแล้ง ส่วนหน้าฝนเราทำนาปกติ น้ำก็ไม่ได้เปิดใช้ แล้วเราก็แบ่งเป็นโซนเอ บี ซี ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้น้ำที่โซนไหน เราเน้นปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยครับ” ผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ระบุ
อีกโครงการที่น่าสนใจ คือการนำที่สาธารณประโยชน์ ณ ตำบลห้วยเตย มาแบ่งให้ชาวบ้านที่หารือกันว่าจะปลูกผักปลอดสารพิษ โดย ยุทธพร พิรุณสาร นายอำเภอซำสูง กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มต้นด้วยงบประมาณจาก “กองทุนตำบลละล้าน” นำมาก่อสร้างหอสูงสำหรับตั้งถังเก็บน้ำไว้ใช้ และหากรายใดปล่อยปละละเลยแปลงของตนเอง ก็จะยึดคืนไปให้ชาวบ้านรายอื่นๆ ที่สนใจอยากทำต่อไป ทั้งนี้ ผักปลอดสารพิษของชาวห้วยเตย มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ซึ่งมีสาขาทั่วประเทศมาสั่งซื้อไปขายเป็นประจำ จนบางครั้งถึงกับผลิตไม่ทัน
“เรานำที่สาธารณประโยชน์มาจัดแบ่งแปลงให้กับประชาชนคนพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ ปลูกผักปลอดสารพิษสร้างงานสร้างรายได้ โครงการตำบลละล้านนี่รัฐบาลส่งเงินมาหนึ่งล้าน แล้วประชาชนเขาคิดกันเอง ทางอำเภอเป็นผู้สนับสนุน เราก็คิดว่าจะทำถังสูงเก็บน้ำ เขาให้งบประมาณมา ส่วนหนึ่งเป็นค่าวัสดุ อีกส่วนเป็นค่าแรงโดยจ้างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ คนที่เข้ามาร่วมโครงการก็มีข้อตกลงร่วมกัน
พื้นที่จัดสรรนี้ไม่สามารถครอบครองได้ เพราะเป็นที่ของแผ่นดิน รัฐจัดสรรให้ทำประโยชน์ แต่ถ้ารายใดได้ไปแล้วไม่ทำประโยชน์ ปล่อยให้หญ้าขึ้นรกรุงรัง ไม่มีการปลูกพืชผักตามที่ตกลงกันไว้ ก็เอาที่คืนแล้วให้คนอื่นเขามาทำแทน ซึ่งการจัดสรรก็จะเป็นประชาคม ฉะนั้น ทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นจากความต้องการของพี่น้องประชาชนเอง” นายอำเภอซำสูง
กล่าวทิ้งท้าย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี