ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งกิจกรรมหนึ่งที่อยู่คู่กันคือการ “สวดมนต์” เพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง และเพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้สามารถต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตต่อไป ดังผลการศึกษาเรื่อง “ประชากรสามกลุ่มวัยได้อะไรจากการสวดมนต์” โดย เจตพล แสงกล้า , ภาณี วงษ์เอก ทั้งสองเป็นนักวิจัยจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นำเสนอในงานประชุมวิชาการ “ประชากรและสังคม 2558” 1 ก.ค. 2558 ณ โรงแรมเอเชีย ราชเทวี กทม.
การศึกษานี้ทำโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มตัวอย่างอายุ 15 ปีขึ้นไปในจังหวัดฉะเชิงเทราที่สวดมนต์เป็นประจำ และ/หรือเข้าร่วมกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2556 ต้อนรับปีใหม่ 2557 จากการเก็บข้อมูล เผยให้เห็นว่ามุมมองการสวดมนต์ของแต่ละช่วงวัยมีความคล้ายคลึงกัน เช่นการอธิษฐานขอพร แต่ส่วนใหญ่มักจะขอให้แก่บุคคลในครอบครัวเป็นอันดับแรก
สะท้อนให้เห็นว่า “สถาบันครอบครัว” ยังคงมีความสำคัญสำหรับคนทุกช่วงวัยในสังคมไทย และเป็นจุดเริ่มต้นของการสวดมนต์ ซึ่งมักได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวให้สวดมนต์มาตั้งแต่วัยเด็ก และปฏิบัติมากขึ้นตามประสบการณ์ของชีวิต
“ที่บ้านจะเคร่งเรื่องการสวดมนต์ ทำวัตร…เขาจะให้สวดมนต์ตลอด พอถึงวันพระเขาจะให้สวดมนต์ สวดก่อนนอนทุกวัน ทำมาตั้งแต่เด็ก คล้ายๆ กับว่าพ่อแม่สอนมาแบบนี้” - บอย (เพศชาย) อายุ 20 ปี
“สวดค่ะ ก่อนนอน แต่ก่อนนอนกับยาย ยายจะพาสวดก่อนนอน ยายก็สวดยาว เขาก็ให้อยู่กับเขา นั่งสวดด้วยกัน แล้วก็นั่งพนมมืออยู่ข้างๆ อันไหนได้เราก็พูดตาม ยายสอนบอกให้แผ่เมตตาด้วย เวลาสวดมนต์” - ดี (เพศหญิง) อายุ 22 ปี
“ก็ใจนึกอยากสวด อยากให้ลูกสบาย ตัวเองด้วย และครอบครัว ยังไงก็ต้องให้ลูกก่อน ก็อยากให้ลูกดี ขอให้ลูกดีอย่างเดียว” - น้อย (เพศหญิง) อายุ 69 ปี
สวดมนต์แล้วได้อะไร?..กลุ่มตัวอย่างระบุว่า ในชีวิตประจำวันต้องเจอเรื่องทุกข์ร้อน ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ผ่านเข้ามามากมาย ทำให้เกิดความเครียด หงุดหงิด หรือซึมเศร้า ซึ่งการสวดมนต์สามารถคลายอาการดังกล่าวได้ ทำให้ได้สติ อารมณ์สงบเยือกเย็นขึ้น
“ตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกัน ก็เริ่มมีความทุกข์เข้ามาเยอะ ต้องรับผิดชอบอะไรเยอะขึ้น ต้องเป็นตัวแทนของน้อง และเป็นลูกคนโตด้วย จะทำอย่างไรให้เรารู้สึกดีขึ้น ไม่อยากเครียด หนูต้องดำเนินชีวิตต่อไป…ก็เลยเลือกใช้วิธีการสวดมนต์” - ฟาง (เพศหญิง) อายุ 22 ปี
“การสวดมนต์ช่วยในการทำงานได้ค่ะ ช่วยได้เยอะเลย ด้วยนิสัยของตัวเองเป็นคนใจร้อน เป็นคนพูดจาไม่ได้คิด แต่พอสวดมนต์ก็ทำให้ใจเราเย็นลง ทำอะไรก็มีสติ ทำให้คิดก่อนทำ” - หนิง (เพศหญิง) อายุ 26 ปี
“สามารถทำให้เราคิดถึงการมีสติ มีสมาธิ และมีใจจดจ่ออยู่ที่ข้อสอบนั้น และสามารถนึกถึงบทเรียนหรือที่อาจารย์สอนมาได้แน่วแน่ ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น” - แอล (เพศหญิง) อายุ 22 ปี
ที่น่ายินดีอย่างหนึ่ง..คนที่ชอบสวดมนต์หรือปฏิบัติกิจทางศาสนา มิได้เป็น “พวกงมงาย” เสมอไปดังที่คนบางกลุ่มชอบดูถูกดูหมิ่น เช่นกลุ่มตัวอย่างหลายรายกล่าวว่า การสวดมนต์ “ไม่ใช่พรวิเศษ” ที่จะดลบันดาลความปรารถนาได้ทุกอย่าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยสร้างกำลังใจให้เข็มแข็งและมีสติเท่านั้น ส่วนสิ่งต่างๆ ที่อยากได้ ก็เป็นเรื่องที่แต่ละบุคคลจะต้อง “มานะพยายาม” ไขว่คว้ามาด้วยตนเองด้วย “ความขยันหมั่นเพียร” ไม่สามารถอ้อนวอนร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ได้ทั้งสิ้น
“เรื่องการเรียนขอให้เราเรียนได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องปฏิบัติตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราก็อ่านด้วย ไม่ใช่ว่าอาศัยแต่เรื่องอย่างนี้อย่างเดียว ถ้าเราไม่อ่านหนังสือก็สอบไม่ได้” - เจ (เพศหญิง) อายุ 22 ปี
“ขอให้พระคุ้มครอง ใช่พระคุ้มครอง แต่ท่านจะคุ้มครองตอนที่เราประพฤติตนเป็นคนดี ถ้าเราประพฤติไม่ดี ท่านไม่คุ้มครอง เพราะพุทธศาสนาของเรา คืออัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนต้องช่วยเหลือตนเองด้วย” - จี (เพศชาย) อายุ 43 ปี
“ศาสนาพุทธไม่ได้เป็นศาสนาแห่งการร้องขอ ไม่ใช่สวดมนต์แล้วขอให้ได้โน่นได้นี่ เมื่อเราคิดดี พูดดี ทำดี ผมว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น และถ้าอยากให้ชีวิตมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ควรจะเริ่มจากการสวดมนต์” - สี่ (เพศชาย) อายุ 60 ปีเศษ
จากผลการศึกษานี้ ชี้ให้เห็นว่าการสวดมนต์ถือเป็น “การบำบัดความเจ็บป่วยทางใจ” อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคที่อะไรๆ ก็เร่งรีบแข่งขันไปเสียทุกอย่าง ทำให้เกิดความทุกข์ได้ง่าย จึงไม่ต้องแปลกใจว่ากิจกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานอย่างการสวดมนต์ข้ามปี จะเป็นกระแส “อินเทรนด์” อย่างหนึ่งไปแล้ว เช่นเดียวกับ “การปฏิบัติธรรม” ช่วงเย็นๆ ไปถึงหัวค่ำบ้าง หรือช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์บ้าง ก็กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
ถือเป็น “ความสุขง่ายๆ” ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย!!!
แค่หาเวลา “ทำใจให้สงบ” บ้าง..ก็เพียงพอแล้ว!!!
อรสา อ่ำบัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี