วัตถุระเบิด..อาวุธร้ายนี้คงบอกว่า “ไกลตัว” ไม่ได้อีกต่อไป ล่าสุดกับเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา โดยไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะสำหรับคนไทยแล้ว เหตุลักษณะนี้ที่คุ้นเคยมักจะปรากฏอยู่แค่ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา) เท่านั้น
พ.อ.ชาญวิทย์ ราชธนบริบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารบก กล่าวให้ความรู้กับบุคลากรทางแพทย์และอาสากู้ภัย เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา ณ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จ.นนทบุรี ว่าโดยปกติแล้ววัตถุระเบิดสามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ “ระเบิดมาตรฐาน” ซึ่งผลิตจากโรงงาน ระเบิดแบบนี้มักเป็นยุทโธปกรณ์ตามแบบของกองทัพ เช่น “ลูกระเบิดแบบขว้าง” ที่คุ้นเคยอย่าง M67 (ลูกส้ม) หรือ M26 (ลูกเกลี้ยง) รวมถึง “ลูกระเบิดขนาด 40 มม.” ที่ใช้กับ “เครื่องยิงลูกระเบิด” ที่คนไทยรู้จักดีอย่าง M79 และ M203
กับ “ระเบิดแสวงเครื่อง” ซึ่ง พ.อ.ชาญวิทย์ บอกว่าระเบิดแบบนี้ “น่ากลัวกว่ามาก” เพราะรูปลักษณ์ภายนอกนั้น “ตกแต่งให้เป็นอะไรก็ได้” ตามแต่ความคิดของผู้ก่อเหตุ เพื่อให้ดู “เนียน” กลมกลืนกับพื้นที่ที่จะนำระเบิดไปวาง และวัสดุที่นำมาทำเป็น “สะเก็ดระเบิด” ก็มักเป็นสิ่งของที่ “หาได้ง่ายในชีวิตประจำวัน” อีกทั้งยังสั่งการจุดระเบิดได้จาก “ระยะไกล” เช่น ด้วยโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุสื่อสาร ทำให้ยากต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
“ระเบิดแสวงเครื่องก็คือ ระเบิดที่ประกอบขึ้นเองจากวัตถุที่หาได้ทั่วไปในท้องตลาดหรือครัวเรือน ซึ่งไม่ได้มีรูปร่างที่แน่นอน บางคนทำให้เหมือนกระป๋องสีอำพราง แต่ถึงมันไม่มีลักษณะที่แน่นอน มันมีองค์ประกอบอยู่ 5 อย่างคือ กลไกจุดชนวนระเบิด เชื้อปะทุ ดินระเบิด ภาชนะในการทำงาน และภาชนะบรรจุ ระเบิดแสวงเครื่องใช้วิทยุ ใช้คลื่นจุด ไม่มีสาย ไม่มีวัตถุพยานเหลือให้เห็น เขาก็จะมีเครื่องรับส่งสัญญาณที่จะจ่ายคลื่นไปจุดระเบิด ซึ่งจะใช้โทรศัพท์หรือวิทยุก็ได้ ส่วนสะเก็ดระเบิดผมไม่นับเป็นส่วนหนึ่งของระเบิด เพราะถึงไม่มีสะเก็ดมันก็ระเบิดได้
และอะไรก็สามารถเป็นสะเก็ดได้ อย่างบอลแบริ่ง (ลูกปืนล้อรถ) มีมานานแล้วนะครับไม่ใช่แค่พึ่งมี ทางภาคใต้มีมา 10 ปีแล้ว สะเก็ดระเบิดทำจากอะไรก็ได้ทั้งตะปู เหล็กเส้นตัด อะไรก็ตามที่มันแข็งๆ โซ่จักรยาน ลูกปืนได้หมด ขอให้มันแข็งๆ แล้วมันจะวิ่งเข้าไปชนเอง มันเป็นพลังงานจล ถ้ามันหนักและเคลื่อนที่เร็วจะเป็นพลังงานมหาศาลเจาะทะลุหมด หัวนอต ตะปู เหล็กเส้นตัด อะไรได้หมด” ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดรายนี้ ระบุ
สำหรับแนวทางการป้องกันตนเองและคนใกล้ตัวจากวัตถุระเบิด ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ ยอมรับว่า “ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์” แต่ให้ยึด “หลักระวัง 4 ข้อ” เพื่อสังเกตวัตถุต้องสงสัยไว้ คือ 1.ไม่มีเจ้าของ 2.อยู่ผิดที่ผิดทาง 3.รูปร่างแปลกไปจากที่ควรจะเป็น และ 4.ไม่เคยมีในพื้นที่มาก่อน ส่วนเมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นแล้ว หากต้องการเอาชีวิตให้รอดหรือเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ให้ตั้งสติแล้วนึกถึง “หลักประเมิน 3 ประการ” คือ 1.ถ้าคุณเป็นมือระเบิด คุณจะทำอะไรต่อ? 2.คุณจะใช้วิธีอย่างไรทำเช่นนั้น? และ 3.ถ้าคุณจะวางระเบิดต่อเนื่อง คุณจะวางตรงไหนอีกบ้าง?
“ผมไม่สามารถสอนให้คุณรอดได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องคิดดักไว้ก่อน มันถึงจะลดโอกาสได้ เวลามีผู้ถูกระเบิดเราจะไม่วิ่งเข้าช่วยเลยนะครับ จะต้องเรียกทีมช่วยก่อน แล้วก็ค่อยๆ เข้าหาตัวผู้ถูกระเบิด ก่อนจะลากออกมา ลากออกตามที่ที่เข้ามานะครับ เพราะทางนั้นเราเคลียร์ไว้แล้ว” พ.อ.ชาญวิทย์ กล่าว
อีกเรื่องที่สำคัญคือ “ชิ้นส่วนระเบิด” ที่ถือเป็น “หลักฐาน” หากเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง “ห้ามแตะต้องเด็ดขาด” เพราะจะมีผลต่อรูปคดีได้ เช่น มีลายนิ้วมือบุคคลอื่นปนเปื้อนแทนที่จะเป็นลายนิ้วมือของผู้ก่อเหตุอย่างเดียว หลักฐานแบบนี้ศาลจะ “ตัดทิ้ง” ทันที ซึ่งแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ยังมีข้อปฏิบัติว่าต้องให้ “กองพิสูจน์หลักฐาน” เท่านั้น เป็นผู้เก็บชิ้นส่วนทั้งหมดในที่เกิดเหตุ เพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านนิติวิทยาศาสตร์
“วัตถุต่างๆ จะมีลายนิ้วมืออยู่ ถ้ามีคนไปจับจะหายหมดเลยนะครับ หาตัวคนทำไม่ได้ แล้วการดำเนินคดีถ้าเก็บมาไม่ถูกต้องศาลไม่เอาเลยนะครับ ตำรวจเองสมมุติเกิดมีคดีฆ่าคนตาย ตำรวจก็ต้องไปขอเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานมานะครับถึงจะถูกหลัก เพราะฉะนั้นถ้าเจอหลักฐานก็อย่าไปแตะต้อง จะได้ไม่ต้องเสียเรื่องคดี เสียผลในการจับคนร้าย” พ.อ.ชาญวิทย์ ฝากทิ้งท้าย
แม้เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดลักษณะ “หวังผลต่อชีวิต” ในกรุงเทพฯ แบบที่ราชประสงค์คงจะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก เพราะระเบิด
ใน กทม. ที่ผ่านมามักจะเป็นแค่การ “ข่มขู่” เน้นเสียงมากกว่าให้มีผู้บาดเจ็บล้มตาย แต่การให้ความรู้และความเข้าใจด้านการหลบภัยอันตรายจากระเบิดเบื้องต้นแก่ประชาชน ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เสียหาย
เพราะสามารถลดโอกาสในการเสียชีวิตได้..และรู้วิธีรับมือเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง!!!
อรสา อ่ำบัว
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี