ประเด็นความขัดแย้งภายใน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ดูเหมือนจะยังไม่จบลงง่ายๆ ดังเหตุการณ์เมื่อ 24 ก.ย. 2558 มีรายงานข่าวว่า นักศึกษา ม.อัสสัมชัญ ที่จบการศึกษาในปี 2557 ราว 3,000 คน อาจจะไม่ได้รับปริญญา เนื่องจากการประชุมสภามหาวิทยาลัยเมื่อ 17 ก.ย. 2558 ซึ่งมีหัวข้อการอนุมัติปริญญาบัตรอยู่ในวาระการประชุมด้วยนั้นเกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ
ข้อที่ต้องจับตา..คือการปรากฏชื่อของ “ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล” ในฐานะรักษาการอธิการบดี ยืนยันว่า นศ.ทั้ง 3,000 คน จะได้รับปริญญาในกำหนดเดิม คือวันที่ 22 พ.ย. 2558 อย่างแน่นอน ท่ามกลางคำถามที่ตามมาว่า ดร.สุทธิพร ยังคงดำรงตำแหน่งดังกล่าวจริงหรือไม่?
เพราะหากย้อนไปเมื่อ 14 ส.ค. 2558 ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย นายกสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และประธานมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ผู้รับใบอนุญาตมหาวิทยาลัย (เจ้าของ) มีหนังสือคำสั่งสภามหาวิทยาลัย ที่ 11/2558 และหนังสือประกาศมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2/2558 เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ใจความสำคัญ 4 ประการดังนี้
1.คำสั่งพักงานอธิการบดี (ภราดาบัญชา แสงหิรัญ) และคำสั่งแต่งตั้งรักษาการอธิการบดี (ดร.สุทธิพร ปทุมเทวาภิบาล) เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย และขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องและกรรมการสภาที่ร่วมกันออกมติและคำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย 2.คำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินชั่วคราวของศาลแพ่ง มิได้มีผลไปถึงบุคคลอื่น แต่มีผลเพียงห้ามบุคคลที่ถูกระบุชื่อในหมายขัดขวาง แต่มิได้ห้ามให้ผู้บริหารทั้ง 5 ท่านปฏิบัติหน้าที่อันพึงต้องปฏิบัติตามปกติ
3.ดร.สุทธิพร ได้สิ้นสุดสัญญาจ้างงานกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ไปตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2558 ปัจจุบันไม่ได้เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย อีกต่อไป เท่ากับสถานะของ ดร.สุทธิพร ในขณะนี้ “ไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ” อีกต่อไปแล้ว
และ 4.ปัจจุบัน ดร.กมล กิจสวัสดิ์ รองอธิบดีฝ่ายวางแผนพัฒนา เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนอธิการบดี มีอำนาจเต็มตามกฎหมายในการสั่งการต่างๆ แทนอธิการบดี โดยหากย้อนไปก่อนหน้านั้น ภราดาสุรสิทธิ์ ลงนามในหนังสือคำสั่งสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ 9/2558 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2558 ให้เพิกถอนคำสั่งสภามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ที่ 4-8/2558 เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในจำนวนนี้ มีคำสั่งที่ 6 และ 8 ที่กรรมการสภามหาวิทยาลัยเสียงข้างมาก ให้ ดร.สุทธิพร ปฏิบัติหน้าที่รักษาการอธิการบดี
ดังนั้น ดร.สุทธิพร จึงไม่อาจกระทำการใดๆ ในนามรักษาการอธิการบดี ตามที่กล่าวอ้างได้!!!
กระทั่งเมื่อ 25 ก.ย. 2558 มี หนังสือมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เลขที่ มอช.712/2558 ซึ่งมี ดร.กมล กิจสวัสดิ์ ลงนามในฐานะรักษาการอธิการบดี ชี้แจงไปยัง รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เหตุที่การประชุมสภา ม.อัสสัมชัญ ครั้งที่ 3/2558 วันที่ 17 ก.ย. 2558 ไม่สามารถดำเนินการได้นั้นเป็นเพราะกรรมการเสียงข้างมาก 11 คน ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุม
ทั้งที่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ 18 มิ.ย. 2558 ซึ่งครั้งนั้นนัดประชุมในวันที่ 8 ก.ย. 2558 ก่อนจะมีการแจ้งอีกครั้งว่าเลื่อนไปประชุม 17 ก.ย. 2558 ตามที่กล่าวมาข้างต้น กระทั่งความมาปรากฏในวันที่ 21 ก.ย. 2558 ว่ากรรมการทั้ง 11 คน ได้ไปนัดประชุมกันภายนอกมหาวิทยาลัย เมื่อ 10 ก.ย. 2558 ณ สมาคมอัสสัมชัญ เลขที่ 4810 ถ.พระราม 4 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
และมีมติ 3 ประการคือ 1.ให้ ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ยุติการปฏิบัติหน้าที่นายกสภามหาวิทยาลัย เป็นการชั่วคราว 2.ให้ดร.กมล กิจสวัสดิ์ และ นายวีรศักดิ์ อนุสนธิวงษ์ พักการปฏิบัติหน้าที่กรรมการสภามหาวิทยาลัย และ 3.ให้ภราดาวิศิษฐ์ ศรีวิชัยรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย รักษาการในตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย
กรรมการสภาฯ ทั้ง 11 คน มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลหรือไม่? เหตุใดต้องไปประชุมกันเองนอกสถานที่?
ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 มาตรา 33 ระบุว่า “ให้นายกสภาสถาบันเป็นผู้เรียกประชุมกรรมการสภาสถาบัน” แต่การประชุมวันที่ 10 ก.ย. 2558 นั้น นายกสภาฯ (ภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย) ไม่ได้เรียกประชุม และย้ำว่าไม่อนุญาตให้มีการประชุมดังกล่าวด้วย
เท่ากับว่าการประชุมของกรรมการสภาฯ ทั้ง 11 คน เมื่อ 10 ก.ย. 2558 “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”!!!
เมื่อเป็นเช่นนั้น..“มติ 3 ข้อ” จากการประชุมดังกล่าว ต้องถือเป็น “โมฆะ” ไม่สามารถบังคับใช้ได้!!!
อีกทั้งการประชุมกรรมการสภาฯ ที่นัดหมายกันไว้ในวันที่ 17 ก.ย. 2558 มีความสำคัญมาก เพราะมีเรื่องการอนุมัติปริญญาบัตรให้กับผู้สำเร็จการศึกษาด้วย และกรรมการสภาฯ ทุกคนต่างก็ทราบเรื่องนี้ดี แต่กรรมการสภาฯ ทั้ง 11 คน กลับเลือกที่จะไม่เข้าประชุม นั่นจึงเป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่านักศึกษา 3,000 คน อาจไม่ได้รับปริญญา
เรื่องนี้กรรมการสภาฯ ทั้ง 11 คน ต้องตอบนักศึกษาและสังคมด้วยว่า “กำลังทำอะไรกันอยู่?”!!!
ต่อมา 28 ก.ย. 2558 ศูนย์สื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (AU-PRC) มีหนังสือแจ้งให้สาธารณชนทราบว่า การที่ ดร.สุทธิพร ยังคงอ้างว่าตนเองเป็นรักษาการอธิการบดีนั้น ถือเป็นการแอบอ้างโดยมิชอบ เพราะคำสั่งแต่งตั้งถูกเพิกถอนไปนานแล้ว และตัว ดร.สุทธิพร ก็สิ้นสุดสัญญาจ้างไปแล้วเมื่อ 31 ก.ค. 2558
อีกทั้งยังมีคำสั่งมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 216/2558 ให้ ดร.สุทธิพร เป็นบุคคลต้องห้ามในการเข้ามาภายในมหาวิทยาลัย ฉะนั้นการกระทำต่างๆ ดร.สุทธิพร จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ ม.อัสสัมชัญ แต่อย่างใด รวมถึงย้ำด้วยว่าที่การประชุมกรรมการสภาฯ วันที่ 17 ก.ย. 2558 มีปัญหา เพราะกรรมการสภาฯ จำนวน 11 คน ไม่ยอมเข้าประชุม
จากเรื่องดังกล่าว แม้ทาง สกอ. โดย รศ.ดร.พินิติ จะรับทราบเรื่องแล้ว และยืนยันว่า นศ. ทั้ง 3,000 คน จะได้รับปริญญาตามกำหนดเวลาแน่นอน เพราะมีช่องทางให้ทำได้ กล่าวคือ การอนุมัติปริญญาเป็นอำนาจของสภาฯ ซึ่งแม้จะประชุมสภาไม่ได้ ก็ยังสามารถทำหนังสือเวียนแจ้งขออนุมัติปริญญาให้กรรมการสภาฯ ทุกคนลงนาม และหากภายใน 7 วันไม่มีผู้คัดค้าน ก็ถือว่าได้รับการอนุมัติ และที่ผ่านมาก็มีหลายมหาวิทยาลัยที่ใช้แนวทางนี้
แต่ในระยะยาว สกอ. ก็ดี กระทรวงศึกษาธิการก็ดี ต้องเข้ามาจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความแตกแยกระหว่างกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงการชี้ชัดว่าด้วยตำแหน่งรักษาการอธิการบดี เพื่อให้เรื่องยุติไม่ลุกลามบานปลายไปมากกว่าที่เป็นอยู่
จนมีผลต่อนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยในปีต่อๆ ไป!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี