“อกฟู รูฟิต”...“เสริมอึ๋ม เพิ่มขนาดไซส์หน้าอก”...“ฉีดกระชับบั้นท้าย”...ฯลฯ
นี่คือถ้อยคำยั่วยวนให้ผู้คน โดยเฉพาะ “สาวๆ” ก้าวเท้าเข้าสู่การ “ศัลยกรรม” ซึ่งปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะ“ใต้มีดหมอ” แต่มีประเภทที่เรียกว่า non-surgical หรือแบบไม่ต้อง “ขึ้นเขียง” ผ่าตัด เพิ่มเข้ามาด้วย เช่น การฉีด“ฟิลเลอร์” หรือ “โบท็อกซ์” ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะ...
“สะดวก-สวย-ไว-ง่าย-ถูก”
ทว่า...มันมักจะมาพร้อมกับความ “มักง่าย” ในรูปแบบการบริการแบบ “หมอกระเป๋า” หรือ “หมอเถื่อน” ที่บางรายแค่โทร.นัดก็มาฉีดให้ถึงบ้าน ลูกค้าบางรายโชคดีฉีดออกมาแล้ว “สวยเป๊ะ” ดังหวัง ขณะที่บางรายโชคร้ายฉีดออกมาแล้ว “หน้าเบี้ยว-คางย้อย” แทนที่จะสวย กลายเป็น “เละ” ดังที่ปรากฏผ่านหน้าสื่ออยู่เป็นระยะเพราะ “มือฉีด-หมอผ่า” ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ลูกค้าที่หลงเชื่อจึงมีโอกาส “เสี่ยง” มากกว่า “สวย”
ข้อมูลจาก “กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ” หรือ สบส. ระบุว่า ความเสี่ยงจากการพึ่งบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น “อุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐาน” ไม่ได้ “ปลอดเชื้อ”อย่างที่ควรเป็น อย่างหมอกระเป๋าจะนัดสถานที่ฉีดไปเรื่อยๆ ไม่เป็นหลักแหล่ง...“สารที่ใช้เป็นสารเถื่อน” ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ขายการบริการเสริมสวยได้ในราคาถูก เพราะใช้สารคุณภาพต่ำ ราคาถูก ไม่ได้รับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย.
“ขาดการดูแล” ที่ถูกต้องอย่างทันท่วงทีหากเกิดอาการแพ้สาร แม้สารที่นำมาฉีดจะเป็นของแท้ แต่หากเกิดอาการ “แพ้” ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่แพทย์
ผู้เชี่ยวชาญจะพยาบาลรักษาไม่ทันท่วงที เสี่ยงถึง “ตาย”...“ผู้ลงมือรักษา” ไม่ใช่แพทย์ ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือแม้จะเป็นแพทย์ หรือเคยเป็นแพทย์ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมมาโดยตรงก็ “อย่าวางใจ”
นาวาอากาศตรีนายแพทย์ (น.ต.นพ.) บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมสถานเสริมความงามย่านมหาวิทยาลัยรังสิต ภายใต้กิจกรรมรณรงค์หัวข้อ “สวย...ใส อย่างปลอดภัย” ว่า ปัจจุบันนิสิตนักศึกษา มักนิยมใช้บริการ “หมอกระเป๋า” ซึ่งมีราคาถูกและสะดวก แต่ไม่ได้มาตรฐาน สบส.จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้นิสิตนักศึกษาตระหนักถึงผลกระทบ และสร้างความตื่นตัวในการเสริมความงามที่ถูกต้องโดยมหาวิทยาลัยรังสิตเป็นมหาวิทยาลัย “ต้นแบบ”ในการมีส่วนร่วมเป็น “เครือข่ายเฝ้าระวัง” แจ้งเบาะแส “สถานพยาบาล-หมอเถื่อน” แก่ สบส.
อธิบดี สบส. กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมใช้ “สารสังเคราะห์” มาช่วยเสริมความงาม โดยเฉพาะบนใบหน้าให้ “ขาวใส”, ลบ “ริ้วรอย” และทำให้ใบหน้า“เต่งตึง”ดูอ่อนกว่าวัย, ฉีด “สันจมูก” ให้โด่ง, ฉีด “คาง” ให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก หรือแม้แต่ทำ “ริมฝีปาก” ให้ดูอวบอิ่ม เป็นต้น กำลังเป็น “เทรนด์” ที่มาแรง แม้จะมีข่าวความผิดพลาดจากการเสริมความงามเหล่านี้ถึงขั้น “เสียชีวิต” จากการฉีดสารต่างๆ เช่น “ฟิลเลอร์” หรือ “โบท็อกซ์” กับ “หมอเถื่อน” เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ความนิยมกลับไม่ลดลง ซ้ำร้ายกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นเพราะเป็นเทคนิคที่ง่าย “สวยทันใจ” แต่อันตรายก็มาไวเช่นกัน
“หมอเถื่อน หรือหมอกระเป๋า จะแค่หิ้วกระเป๋าไปให้บริการเสริมความงามตามสถานที่ต่างๆ บางคนอาจเป็นแค่ผู้ช่วยแพทย์ เห็นแพทย์ฉีดง่ายๆก ็นึกว่าตนเองทำได้ ก็ออกหาลูกค้าเอง และใช้ผลิตภัณฑ์แปลกปลอม ราคาถูก ซึ่งเป็นเรื่องที่ที่อันตรายมาก เช่น ซิลิโคนเหลวเพื่อทำให้คางเรียวยาว หรือฟิลเลอร์ที่เป็นของปลอมเข้าสู่ร่างกาย ถ้าทำไม่ถูกต้องเป็นอันตรายถึงขั้นตาบอด หรือเสียชีวิตได้” อธิบดี สบส.กล่าว
ด้าน “นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์” รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สบส.ซึ่งมีภารกิจหลักในการควบคุม กำกับคุณภาพมาตรฐานบริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลภาคเอกชน ทั้งคลินิกและโรงพยาบาลทั่วประเทศ ได้ตระหนักถึงผลกระทบและอันตราย จากการใช้บริการศัลยกรรมและสถานเสริมความงาม
ที่ไม่ได้มาตรฐานที่อาจเกิดกับประชาชน จึงได้จัดตั้งทีม“มือปราบสถานพยาบาลเถื่อน” และ “สารวัตรออนไลน์” ขึ้น เพื่อไล่ล่า และเอาผิดกับ “หมอเถื่อน-หมอกระเป๋า” และสถานเสริมความงามเหล่านี้ ภายใต้นโยบาย“เฝ้าระวัง-ป้องปราม-ตรวจจริง-จับจริง”
ทั้งนี้ จากที่เริ่มดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 ถึงเดือนสิงหาคม 2558 ได้รับเรื่องร้องเรียนรวม 286 เรื่อง ดำเนินการไปแล้ว 244 เรื่อง ดังนั้นหากพบสถานเสริมความงาม หรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าไม่ได้มาตรฐานแจ้งเบาะแสได้ที่ www.mrd.go.th/mrdonline2014 หรือ “สายด่วน” กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หมายเลขโทรศัพท์ 09-2403-7007
“สังคมไทยยอมรับการเสริมความงามมากขึ้น แต่ก่อนใช้บริการควรศึกษาและตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนทั้งผู้ให้บริการและสถานที่ โดยสิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนใช้บริการ คือ 1.ใบอนุญาตของสถานประกอบกิจการ และใบอนุญาตดำเนินการเสริมความงาม 2.ป้ายมาตรฐานชื่อร้าน และเลขทะเบียน 3.แพทย์ หรือผู้ให้บริการของคลินิก หรือสถานเสริมความงามต่างๆ มีชื่อที่ชัดเจน มีเลขทะเบียนอนุญาตหรือไม่ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบ ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความปลอดภัย ไม่ติดกับดักหมอกระเป๋าได้” รองอธิบดี สบส.กล่าวทิ้งท้าย
นี่คือ “ข้อเตือนภัย” ถึงใครก็ตามที่คิดจะขึ้นเขียงพึ่ง “มีดหมอ” หรือรอฉีด “สารแปลกปลอม” เข้าร่างกาย ซึ่งล้วนมีความ “เสี่ยง” จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่หลงเชื่อคำโฆษณา “โอ้อวด” หรือโดดเข้าคิวใช้บริการเพราะ “ราคาถูก”
ที่สำคัญควรพึงระลึกเสมอว่าการศัลยกรรม และการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายล้วนมีความเสี่ยงในตัวของมันเอง วันนี้ “ผ่า-ฉีด” แล้วดูดี แต่ผ่านไปไม่กี่เดือน หรือ 2-3 ปี อาจเกิดการ “เปลี่ยนแปลง” แม้สถานเสริมความงามเหล่านั้นจะมี “ใบรับรอง” การันตี ก็ไม่อาจ “เบาใจ” ได้
เพราะฉะนั้นก่อนคิดจะ “สวย-หล่อ...ทางลัด”ต้องชั่งใจและคิดให้หนัก…
ยิ่งเป็น “หมอกระเป๋า-หมอเถื่อน” ยิ่งเสี่ยง!!!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี