เพราะ “รถยนต์” ได้กลายเป็น “ปัจจัยที่ 5” ในชีวิตมนุษย์ ยิ่งประเทศไทยที่อากาศแสนจะร้อนอบอ้าว อีกทั้งในต่างจังหวัดที่ระบบขนส่งมวลชนยังไม่ทั่วถึง ความต้องการรถยนต์ก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย เห็นได้จากยอดการจดทะเบียนรถยนต์สะสมโดยกรมการขนส่งทางบก ณ สิ้นปี 2557 พบว่ามีรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง-รถกระบะมีแค็บ) ทั่วประเทศมีรถยนต์ประเภทนี้จดทะเบียนไปแล้ว 7,284,259 คัน และหากนับรถที่ใช้เพื่อการอื่นๆ เช่น รถตู้ รถกระบะ รถบรรทุก รถบัส ฯลฯ ก็จะมีมากกว่านี้
แต่รถยนต์ก็เหมือนเครื่องจักรกลอื่นๆ ที่ต้องใช้พลังงาน ผู้ใช้รถจึงมักเลือก “ประหยัดไว้ก่อน” นำมาซึ่งการนำรถของตนไป “ติดแก๊ส” ไม่ว่า LPG หรือ NGV ก็ตาม เพราะราคาแก๊สถูกกว่าน้ำมันพอสมควร ทว่าหลายครั้งตามหน้าสื่อต่างๆ ปรากฏข่าวรถยนต์ติดแก๊สวิ่งไปอยู่ดีๆ ไฟก็ลุกท่วมบ้าง หรือเกิดระเบิดบ้าง ทั้งที่เป็นรถส่วนบุคคลและรถโดยสารสาธารณะ จนมีคนเปรียบเปรยว่า “ขับรถติดแก๊สก็เหมือนขับรถบรรทุกระเบิด” มาแล้ว
“สกู๊ปหน้า 5” สอบถามไปยัง นายบุญพงษ์ กิจวัฒนาชัย ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เกี่ยวกับเหตุร้ายที่มักเกิดขึ้นกับรถยนต์ติดแก๊ส ประเด็นนี้เขาอธิบายว่า ส่วนใหญ่แล้วมาจากการติดตั้งที่ไม่ได้มาตรฐาน
ดังที่พบบ่อยๆ เช่น การใช้ถังแก๊สผิดประเภท นำถังแก๊ส LPG ไปบรรจุแก๊ส NGV เพราะแก๊ส NGV มีแรงดันสูงกว่า LPG นับสิบเท่า ดังนั้นถังที่ใช้บรรจุแก๊ส NGV จึงต้องหนากว่าและแข็งแรงกว่าถังแก๊ส LPG การนำถังแก๊ส LPG ไปเติมแก๊ส NGV ถังย่อมรับแรงดันไม่ไหวและเกิดระเบิดในที่สุด หรือ การติดตั้งไม่ถูกจุด เช่น การวางท่อหรือถังแก๊สใกล้จุดที่มีความร้อนสูง
เช่น ท่อไอเสีย ทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ ดังที่เกิดบ่อยๆ กับรถติดแก๊ส LPG เพราะแก๊ส LPG จะติดไฟได้ง่ายกว่าแก๊ส NGV เป็นต้น
“อย่างแก๊สธรรมชาติหรือ NGV อันนี้ความดันมัน 100-200 เท่าของบรรยากาศ ความดันระดับนี้มันห่างจากถังแก๊สที่ใช้ตามบ้านที่เรียกว่า LPG อยู่ประมาณ 10 เท่าได้ อีกเรื่องคือการติดตั้งท่อ อาจจะไปอยู่ใกล้จุดที่ให้ความร้อนสูง เช่นท่อไอเสีย พวกนี้มีระยะห่างครับว่าเท่าไร แล้วก็ต้องมีการทดสอบรอยรั่ว ต้องไม่ให้เกิดการรั่วซึมขึ้นในแนวที่ท่อเดินผ่าน ส่วนที่ LPG เกิดเหตุบ่อยๆ เพราะการดัดแปลงทำได้ง่ายกว่า แต่ NGV มันติดตั้งยากกว่า ต้องมีความปลอดภัยสูง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาคุมค่อนข้างดี NGV จึงมีปัญหาให้เราเห็นน้อยกว่า LPG” นายบุญพงษ์ กล่าว
ประเด็นต่อมา..นอกจากรถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ยังมี “รถโดยสาร” ทั้งรถเมล์ รถสองแถว แท็กซี่ รถตู้ ฯลฯ ที่หันมานิยมติดแก๊สมากขึ้นเพราะลดต้นทุนได้มาก และบ่อยครั้งรถเหล่านี้มีการ “แวะเติมแก๊สระหว่างทาง” โดยคนขับจะขอให้ผู้โดยสารลงจากรถ ซึ่งก็มีผู้โดยสารบางรายไม่เข้าใจ หรือแม้แต่ไม่พอใจว่าเหตุใดกำลังนั่งสบายๆ แล้วต้องให้ลงจากรถด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องกล วสท. อธิบายว่า ที่ต้องให้ลงจากรถนั้นถือเป็น “กฎความปลอดภัย” ที่จะต้อง “ดับเครื่อง-ลงจากรถ-ไม่จุดไฟหรือก่อความร้อน-งดใช้อุปกรณ์สื่อสาร” อันเป็นหลักสากล
“นี่เป็นกฎความปลอดภัยครับ เวลาเราเข้าไปสถานบริการเชื้อเพลิง ต้องปิดมือถือ ออกจากรถ ถ้าเป็นบางประเทศที่เจริญแล้วนี่เขาไม่ให้อยู่ในรถเลย ทั้งรถโดยสารและรถยนต์ส่วนบุคคล ถ้าเราเข้าไปสถานบริการเชื้อเพลิง ต้องดับเครื่องแล้วออกจากรถ เพื่อความปลอดภัย ผู้โดยสารก็ต้องลงจากรถด้วยครับ” นายบุญพงษ์ ระบุ
จากทั้งหมดนี้ นายบุญพงษ์ ย้ำว่า สำหรับรถที่ไม่ได้ติดระบบแก๊สมาจากโรงงาน แต่ผู้ใช้รถต้องการนำไปติดตั้งเองไม่ว่า
LPG หรือ NGV ให้เลือกติดตั้งในสถานบริการติดตั้งที่ได้มาตรฐานซึ่งได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก รวมถึงทำการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ตามวงรอบที่คู่มือกำหนด ก็จะใช้รถยนต์ติดแก๊สได้อย่างปลอดภัย
“แนะนำนะครับ ตรวจสภาพรถประจำปี เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ผู้ผลิตได้แนะนำตามอายุที่ใช้งาน เช่น 1,000 ชั่วโมง ทดสอบรอยรั่ว ล้างไส้กรองอากาศ ล้างไส้กรองเชื้อเพลิง แล้วสถานบริการที่ติดตั้ง ติดตั้งแล้วเขาต้องออกใบรับรองโดยผู้ติดตั้งนะครับ
แล้วผู้ติดตั้งนี่เขาต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการ ก็คือต้องไปอบรม
ซึ่งการติดตั้งอุปกรณ์หรือชนิดของแก๊ส ก็จะมีกฎหมายควบคุม แล้วก็จะมีผู้ตรวจสอบมีดูอีกว่าติดตั้งได้ถูกต้อง ก็จะมีคน
ออกใบรับรอง 2 คน คือคนติดตั้งกับคนตรวจสอบ ทำแบบนี้ก็ปลอดภัยครับ” ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วสท. ฝากทิ้งท้าย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี