“ผู้ใหญ่บ้านเขาบอกว่าฝ่ายความมั่นคงจะมาสำรวจลาวอพยพ ใครไปก็ไปใครไม่ไปก็ไม่ไป ผมก็ไปที่อำเภอโพธิ์ไทร คือตอนนั้นมีการพูดกันว่าอย่าไป ถ้าไปจะโดนจับ แต่ผมกล้าไป เพราะผมไม่ได้ออกนอกพื้นที่ ก็ได้บัตรสีชมพูนี้มา ตอนนี้ผมมีความหวัง ผมได้บัตรนี้แล้ว ผมหวังว่าวันหนึ่งผมจะได้บัตรประชาชนไทย”
แปลง อินทรนงค์ หนุ่มใหญ่ชาวลาวอพยพที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ ณ ต.เหล่างาม อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี บอกเล่ากับ “สกู๊ปหน้า 5” เมื่อครั้งลงพื้นที่ร่วมกับ มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา 28-30 พ.ย. 2558 ถึงความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่ดีขึ้นหลังจากได้ “บัตรประจำตัวเลข 6” ซึ่งหมายถึง คนต่างด้าวผู้เข้าเมืองไทยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือชอบด้วยกฎหมายแต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว ได้แก่ชนกลุ่มน้อยที่อพยพหนีภัยจากประเทศต้นทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตามแนวชายแดน หรือชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้สัญชาติไทย แต่เข้ามาแต่งงานกับคนไทย
ลุงแปลงเล่าว่า ในปี 2518 สงครามกลางเมืองในลาวระหว่างฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตยกับฝ่ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง ครั้งนั้นฝ่ายสังคมนิยมเป็นผู้ชนะและสามารถสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ชาวลาวฝ่ายเสรีนิยมจำนวนมากรวมถึงตัวลุงแปลง ต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดเข้ามาพักพิงยังศูนย์อพยพในประเทศไทย ทั้งที่ จ.อุบลราชธานี และที่ จ.นครพนม
กระทั่งในยุครัฐบาลของ “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ช่วงปี 2531-2534 มีการทยอยปิดศูนย์อพยพ ชาวลาวอพยพบางส่วนได้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3 เช่น สหรัฐอเมริกา ขณะที่บางส่วนกลับไปอยู่ที่ สปป.ลาว ทว่าก็มีบางส่วนไม่สามารถไปได้ทั้ง 2 ทาง ทำให้ต้องอยู่ในประเทศไทยต่อไป ซึ่งในเวลานั้นรวมถึงยุคต่อๆ มา รัฐบาลไทยได้เปิดให้คนลาวอพยพลงทะเบียนเพื่อขอมีบัตรประจำตัวเลข 6 และลุงแปลงก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้บัตรดังกล่าว
หนุ่มใหญ่รายนี้จึงมีความหวังว่า สักวันหนึ่งจะได้รับสัญชาติไทยด้วยกระบวนการแปลงสัญชาติ ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 10 ซึ่งระบุหลักเกณฑ์สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการสัญชาติไทยดังนี้ 1.บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ 2.มีความประพฤติดี 3.มีอาชีพเป็นหลักฐาน 4.มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี และ 5.มีความรู้ภาษาไทยตามที่กำหนดในกระทรวง
ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีแบบลุงแปลง เช่นที่ บ้านบะไห ต.ห้วยยาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่นี่ สมศักดิ์ อินทะโสม หนุ่มใหญ่ชาวลาวอพยพอีกราย ทั้งที่มีหลักฐานเป็นบัตรประจำตัวผู้อพยพชัดเจน แต่กลับเป็น “บุคคลตกสำรวจ” ไม่ได้รับบัตรเลข 6 เพราะช่วงที่เปิดให้ลงทะเบียนนั้นทำกันเพียงครึ่งวัน ทำให้หลายคนไปลงทะเบียนไม่ทัน
กระทั่งในปี 2549 มีการสำรวจสถานะบุคคลอีกครั้ง ชาวลาวอพยพตกสำรวจเหล่านี้ได้เพียง “บัตรประจำตัวเลข 0” ซึ่งหมายถึง บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ไม่มีสัญชาติระบุ ที่สิทธิ์ต่างๆ จะต่ำกว่าบัตรเลข 6 เช่น การเดินทางไปทำงานหรือเรียนต่อนอกอำเภอต้องได้รับหนังสือรับรองจากนายอำเภอทุกครั้ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐยังปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ราวกับเป็นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้อพยพอยู่อาศัยมานาน
โดยเฉพาะเรื่องของ “การศึกษา” ลุงสมศักดิ์ มีบุตร 3 คน ที่เกิดบนแผ่นดินไทย ซึ่ง ภาคินัย อินทะโสม บุตรชายคนโตของสมศักดิ์นั้นได้สัญชาติไทยเรียบร้อยแล้ว ตาม หนังสือสั่งการเลขที่ มท 0309.1/ว 1587 เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2551 เรื่อง “การขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551” ที่ระบุว่า บุคคลที่เกิดในไทยก่อนวันที่ 26 ก.พ. 2535 แม้บิดามารดาจะเป็นชาวต่างชาติไม่ว่าสถานะใดก็ตามก็สามารถขอสัญชาติไทยได้ แต่บุตรอีก 2 คน ปัจจุบันยังไม่สามารถขอสัญชาติไทยเนื่องจากเกิดหลังกำหนดดังกล่าว
แม้ต่อมาจะมีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง “การสั่งให้บุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไป และการให้สัญชาติไทยเป็นการเฉพาะราย” เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2555 ให้สิทธิ์บุตรของบิดามารดาที่มิใช่คนไทยในหลายกลุ่มสามารถขอสัญชาติไทยได้ รวมถึงกลุ่มลาวอพยพด้วย แต่เพราะสมศักดิ์เป็นผู้ตกสำรวจ ได้เพียงบัตรเลข 0 ที่หมายถึงบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน
ซึ่งประกาศฉบับนี้ไม่ได้ให้สิทธิ์กับกลุ่มคนดังกล่าวด้วย แทนที่จะเป็นบัตรเลข 6 ที่ยืนยันสถานะลาวอพยพของเขา ทำให้ไม่สามารถยื่นขอสัญชาติไทยให้บุตรทั้ง 2 ตาม พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 มาตรา 7 ทวิ ได้ ส่งผลให้การขอทุนการศึกษา หรือกู้เงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ของบุตรทั้ง 2 ก็ไม่สามารถทำได้ด้วย
“เราอยากให้เปลี่ยนสถานะของคุณพ่อ คือทั้งคุณพ่อแกก็มาจากศูนย์อพยพ เอกสารในศูนย์อพยพแกก็มี น่าจะเปลี่ยนจาก 0 ให้เป็น 6 คือเหมือนคุณพ่อตกสำรวจทั้งที่ออกมาจากศูนย์อพยพ มีบัตรมีเอกสารยืนยันตัวเองเลยว่าออกมาจากศูนย์ คือถ้าคุณพ่อได้บัตรเลข 6 น้องทั้ง 2 คน ได้สัญชาติไทยแน่นอน” ภาคินัย ระบุ
ในตอนแรก เราสะท้อนปัญหาคนต่างด้าวที่อยู่เมืองไทยมานานในฐานะผู้อพยพ แต่ตกสำรวจเข้าไม่ถึงสิทธิ์ทางกฎหมายที่พึงมีพึงได้ไปแล้ว ในตอนหน้า จะเป็นมุมมองของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนักกฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร และหลังจากนี้ควรจะมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี