วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สถานการณ์ “ก่อเหตุร้าย” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ห้วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุร้ายเกิดขึ้นน้อยลง สร้างความ “อุ่นใจ”ให้กับคนในพื้นที่ได้ระดับหนึ่ง แม้จะยัง “วางใจ” ไม่ได้ว่าสถานการณ์รุนแรงจะกลับมาอีกเมื่อไร แต่การที่เสียง “ระเบิด” และเสียงปืน สร่างซาลงไปบ้างอาจทำให้คนในพื้นที่มีโอกาสคิดถึงความ “รื่นรมย์” ของเทศกาล “ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่” เช่นเดียวกับคนในพื้นที่อื่น หลังจากต้อง “หวาดผวา” กับเทศกาลปีใหม่มายาวนาน
“ถอดสลัก...บึ้มป่วนใต้” ในห้วงที่ผ่านๆ มา พบว่า “ปีใหม่”ของคนใน 4 จังหวัดภาคใต้ ถือเป็นช่วงที่ต้อง “เฝ้าระวัง” อย่างยิ่ง เพราะ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” มักจะยึดช่วงเวลานี้ในการก่อเหตุ เพื่อหวังทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว การลงทุนของจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ดังนั้น เสียงระเบิด และเสียงปืนที่สงบลงในช่วงนี้ อาจเป็นการสงบเพื่อรอเคลื่อนไหว เป็นดั่ง“สัญญาณเตือน” ไปถึงเจ้าหน้าที่ว่าไม่อาจ “ชะล่าใจ” ได้
ที่สำคัญ...อาจเป็นการเตือนถึงเจ้าหน้าที่ว่าอย่าเพิ่งคิดเข้าข้างตัวเองว่าขณะนี้สามารถ “ควบคุม” สถานการณ์ไว้ได้แล้ว และการ “พูดคุย” กับกลุ่มผู้เห็นต่างช่วยให้เหตุร้ายลดจำนวนลง เพราะ “แนวร่วม” หรือสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ยังคงมีความเคลื่อนไหว ทั้งใน ปัตตานี, ยะลา และ นราธิวาส รวมทั้งในพื้นที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็น “ฐานที่มั่น” ของ บีอาร์เอ็น
.jpg)
การ “หยุดนิ่ง” ของสถานการณ์ร้ายในพื้นที่ จึงอาจเป็นเพียง “กลลวง” ของ บีอาร์เอ็น เพื่อให้กำลังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ “ผ่อนคลาย” การปฏิบัติการ หรือเพื่อรอโอกาสที่กำลังของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อ่อนล้า และ “เปิดช่องว่าง” เพื่อให้แนวร่วมฉวยโอกาสเข้า “โจมตี” รวมทั้งมีโอกาสเป็นไปได้ที่ บีอาร์เอ็น แสร้งทำเป็น “หลบซ่อน” แต่ได้เตรียมแผนสร้างความเสียหายกับ “หัวเมืองเศรษฐกิจ” ช่วงส่งท้ายปีเหมือนทุกๆ ครั้ง
สิ่งที่หน่วยงานต้องทำ คือ การท่องคำว่า “ไม่ประมาท”ไม่เปิดช่องว่างให้กับแนวร่วมในพื้นที่ รวมทั้งอย่าเพิ่ง“เชื่อมั่น” ว่าการพูดคุยสันติภาพกับแกนนำในพื้นที่ประสบความสำเร็จ และเรา “เอาอยู่” จนทำให้เหตุก่อการร้ายน้อยลง เพราะการพูดคุยสันติภาพหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ยังมองไม่เห็นถึง “พัฒนาการ”
ถ้ามองถึงพัฒนาการของการพูดคุยภายนอกประเทศ ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดนทั้ง 6 กลุ่ม กับคณะพูดคุยของรัฐบาลไทยที่มี “พล.อ.อักษรา เกิดผล” เป็นหัวหน้าคณะ พบว่า หลังมีการพบปะอย่างเป็นทางการ เมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ก็ยังไม่สามารถที่จะกำหนดเวลาในการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ได้ มีเพียงการพูดคุย “กลุ่มย่อย” เพื่อหาข้อยุติในการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 นั่นเอง ซึ่งสายข่าวด้านความมั่นคง เชื่อว่าการพูดคุยครั้งที่ 2 ที่เลื่อนจากเดือนพฤศจิกายน ไปเป็นเดือนมกราคม 2559 อาจถูกเลื่อนออกไปอีก เนื่องจากการเจรจาของคณะพูดคุยทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ “ตกผลึก”
การลาออกมาของ “อาวัง ยะบะห์” ประธานกลุ่ม“มารา ปาตานี” และให้ “มะสุกรี ฮาชิม” ทำหน้าที่แทนย่อมมี “นัย” แอบแฝง ซึ่งอาจสะท้อนถึงการ “ขบเกลียว” ของบุคคลในกลุ่มมารา ปาตานี ที่มีความเห็นไม่ลงรอยกันมาหลายเรื่อง...การเคลื่อนไหวของ “ซำซูดิง คาน” หัวหน้ากลุ่มพูโลอีกกลุ่มหนึ่งที่ “ตกขบวน” การพูดคุย ก็ยังเป็นประเด็นปัญหาที่กลุ่มมารา ปาตานี ต้องมีการทบทวน เพื่อนำ“ซำซูดิง คาน” เข้าร่วมในกลุ่ม ซึ่งจะกลายเป็น 7 กลุ่ม และอาจไม่เป็นผลดีกับ บีอาร์เอ็น ในอนาคต
รวมทั้งการที่แกนนำ “ฝ่ายติดอาวุธ” ของ บีอาร์เอ็น อย่าง “อับดุลเลาะห์ แวมะนอร์ และ “เด็ง วาจาจิ” ที่ยัง “แข็งกร้าว” ไม่เห็นด้วย และไม่สนใจที่จะเข้าสู่โต๊ะเจรจา เพื่อพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาลไทย และยังพบว่านอกจากปฏิเสธการพูดคุยเพื่อสันติสุขแล้ว “อับดุลเลาะห์ แวมะนอร์” ยังสั่งการให้กองกำลังติดอาวุธปฏิบัติการรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ 3 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง
กรณีข้างต้นจะเป็น “ยุทธการ...แยกกันเดิน แยกกันตี”ของ บีอาร์เอ็น หรือเป็นการ “แตกแยก” กันจริงของบีอาร์เอ็น ก็ล้วนแต่เป็นปัญหาและอุปสรรคของการพูดคุย เพื่อเดินไปสู่ “สันติภาพ” ทั้งสิ้น
แม้แต่ “ข้อเสนอ” ของฝ่ายไทยที่เลือก “นราธิวาส” เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือ “เซฟตี้ โซน” โดยให้ฝ่ายมาราปัตตานี สั่งการให้กองกำลังติดอาวุธ “หยุด” ปฏิบัติการในพื้นที่ จ.นราธิวาส ทั้งหมด เพื่อแสดงให้เห็นว่ามารา ปาตานี มี “ศักยภาพ” ในการสั่งการกับแนวร่วมได้ ก็ยังไม่ได้รับการตอบสนอง...
“เสียงปืน” ยังกึกก้อง...
“ควันระเบิด” ยังคงปกคลุมนราธิวาส!!!
ขณะที่กลุ่มมารา ปาตานี ยังยื่น 3 ข้อเสนอให้ฝ่ายไทยยอมรับ คือ 1.ให้การพูดคุยเป็น “วาระแห่งชาติ” 2.ให้ยอมรับว่ากลุ่มมารา ปาตานี เป็นองค์กรที่เป็นตัวแทนของการพูดคุยถูกต้องตามกฎหมาย และ 3.ให้ตัวแทนของมารา ปาตานีที่มี “ชนักติดหลัง” มีคดีติดตัวพ้นจากความผิด เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศ เพื่อประสานงานการพูดคุยได้ โดยไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย จะถูกนำขึ้นโต๊ะเจรจาครั้งที่ 2 ที่จะมีขึ้นต้นปี 2559 ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่าการเจรจาจะ “รอด” หรือ “ล่ม”.???
เพราะกว่าจะถึงเวลาของการพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 อาจมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็น “ตัวแปร” ที่กลายเป็นอุปสรรคของการพูดคุยก็เป็นได้ แต่สำหรับคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ “เห็นด้วย” กับการยุติปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน “ด้ามขวาน” ด้วยการสนับสนุนให้มีการพูดคุย เนื่องจากคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ “แบกรับ”ผลกระทบโดยตรง “เบื่อหน่าย” และ “หวาดหวั่น” กับเหตุ “ฆ่ารายวัน” และไม่เห็นความหวังของการใช้กำลังทหาร และอาวุธ ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างยาวนาน
การพูดคุยจึงเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียว เป็นดั่ง “แสงสว่างที่ปลายสมรภูมิ” ของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้...
ถ้ากองทัพ , รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ “คสช.” ยัง “ยื้อเวลา” การพูดคุยกับกลุ่มมารา ปาตานี ออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีกำหนด ด้วยการยกสารพัดปัญหามาเป็น “ข้ออ้าง” อาจทำให้ถูกคนในพื้นที่ผู้แบกรับเคราะห์กรรมของการก่อเหตุร้าย มองว่ารัฐ “ลับ ลวง พราง” ไม่จริงใจ “ดับ...ไฟใต้”
ถ้าเข้าสู่ “จุดอับ” ข้างต้น สถานการณ์ย่อม“พลิกผัน”...
“ผู้ร้าย” ในสายตาชาวบ้าน อาจไม่ใช่โจรใต้.???
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี