วันพุธ ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“หมูกระทะ-ทะเลเผา”...ฯลฯ
เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแนว “บุฟเฟต์” ที่ผู้คนยุคนี้นิยม เนื่องจากทั้ง “อิ่มพุง-ตุงกระเป๋า” ตักเท่าไรก็ได้ “ไม่อั้น” ในวงเงินที่ไม่มีทางบานปลาย เพราะทางร้านกำหนดราคาต่อหัวไว้แล้ว ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่าไหนๆเสียเงินแล้วต้องทานให้คุ้มเลยช่วยกัน “จ้วง” ช่วยกัน “ตัก” อาหารที่ทางร้านจัดบริการไว้แบบ “เต็มข้อ” สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ“ทานไม่หมด” คราวนี้ปัญหาเกิดขึ้นเพราะร้านอาหารแนวนี้ส่วนใหญ่มี “กฎเหล็ก” ยอดฮิตติดเตือนไว้ คือ “ทานได้ไม่อั้น แต่ถ้าทานเหลือ...”
โดนปรับ!!!
ที่ทำให้กลายเป็น “ดราม่า” ระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าอยู่ให้เป็นระยะๆ ส่วนใหญ่ลูกค้าไม่พอใจ เพราะโดนปรับ ซึ่งหลายกรณีก็มาก “เกินไป” จริงๆ แต่ในอีกมุมหนึ่งมีเจ้าของร้านที่ตกเป็นฝ่าย “ถูกกระทำ” จากลูกค้าเช่นกัน แต่สังคมมัก “ปิดตา” มองผ่าน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงพฤติกรรม
แสบๆของลูกค้าบุฟเฟ่ต์ “ปิ้ง-ย่าง-หมูกระทะ-ทะเลเผา” จำนวนไม่น้อยก็เข้าขั้น “ไม่ธรรมดา”
“บี” ผู้จัดการร้านหมูกระทะแห่งหนึ่ง ย่านดอนเมือง บอกว่า ร้านอาหารแนวบุฟเฟ่ต์ถือเป็นการ “วัดใจ” ระหว่างเจ้าของร้านกับลูกค้าในเรื่อง “ความซื่อสัตย์” เพราะถ้าทานไม่หมดลูกค้าจะโดนปรับตามที่ทางร้านกำหนด ส่วนใหญ่ที่พบลูกค้ามัก “ตุกติก” ด้วยการซุกซ่อนอาหารเพื่อไม่ให้ถูกปรับ นั่นบ่งบอกถึงความซื่อสัตย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าจะ “แตกต่าง” ไปตามลำดับวัย ดังนี้...
“วัยเด็ก”…ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ตอนปลาย มักมาสังสรรค์เป็นกลุ่มใหญ่ดูแลยากเพราะวัยนี้ซุกซน “ลื่น” จนทางร้านตามไม่ทัน จึงต้องส่งพนักงานวัยไล่เลี่ยกันไปดูแล วัยนี้จะมีพฤติกรรม “เลี่ยงบาลี” ไม่ให้โดนปรับที่นิยม คือ จะนำอาหารที่ทานเหลือ “ซุก” ไว้ใต้โต๊ะ ถ้วย จาน หรือกระทะ แล้วนำ“กระดาษทิสชู” ที่ใช้แล้วมาปิดทับไว้ แสร้งทำเป็นว่าช่วยทางร้านทำความสะอาดโต๊ะ บางกลุ่มใช้วิธี “เผา” ยัดเข้าช่องเตาปิ้ง-ย่าง เพื่อหวังทำลายหลักฐานแบบ “ไม่เหลือซาก” แต่วิธีนี้ไฟจะลุกโชนทำให้ส่วนใหญ่ “หนีไม่รอด”
“วัยรุ่น”…ตั้งแต่ระดับนักศึกษามหาวิทยาลัย จนถึงวัยทำงานอายุไม่เกิน 30 ปี กลุ่มนี้มีพฤติกรรมแตกต่างจากกลุ่มแรกไม่มากนัก แต่วิธีที่กำลังเป็นนิยม คล้ายถูก “ถ่ายทอด” จากรุ่นสู่รุ่น คือ นำอาหารที่ทานเหลือห่อใส่กระดาษทิสชูหนาๆ แล้วซ่อนในกระเป๋า ทำทีเป็นคุยโทรศัพท์เดินออกจากร้าน เพื่อนำไปทิ้งถังขยะที่ทางร้านจัดไว้ให้ บ้างก็เอาไปทิ้งในห้องน้ำ...นี่เป็นวิธีที่ทางร้านไม่คิดว่าคนวัยนี้จะกล้าทำ เป็นวิธีที่ “เด็ด” ยิ่งกว่าน้ำจิ้มซีฟู้ดส์!!!
“วัยทำงาน”...อายุเกิน 30 ปีไม่มากนัก ถือเป็นกลุ่มที่ทางร้านยกให้เป็น “เซียน-มือโปร” เพราะฝีมือหลบเลี่ยงค่าปรับแยบยล คือ นอกจากจะมีหมดทุกพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น กลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรม “แสบทรวง” อีกแบบ คือ “แอบห่อกลับบ้าน” ขึ้นอยู่ที่ว่ามากับใคร ถ้ามากับเพื่อนฝูงเพื่อสังสรรค์จะทำทุกข้อที่กล่าวมา แต่ถ้ามากับครอบครัวทางร้านเคยพบบางกลุ่มนำ “ถุง” มาใส่อาหารที่ทานเหลือ รวมถึงอาหารที่ยังไม่ได้ทาน จัดวางอยู่ในชั้นอาหาร นำกลับไปบ้าน
เจ้าของร้านรายนี้ บอกอีกว่า แม้ทางร้านจะไม่พอใจพฤติกรรมของลูกค้าดังที่กล่าวมา แต่ถ้าไม่ทำเกินไปจริงๆ ทางร้านจะพยายามไม่ปรับ เพราะไม่อยากมีปัญหา ที่สำคัญแม้จะเจอพฤติกรรมเหล่านี้ แต่ทางร้านยังพอมี “กำไร” เพราะมีลูกค้ามาใช้บริการเป็นระยะๆ ที่สำคัญลูกค้าไม่ได้เป็นแบบนี้หมดทุกคน ส่วนที่อยากฝากถึงลูกค้า คือ การโดนปรับ 50-80 บาท ไม่ถือว่ามากอะไร บางร้านไม่ปรับด้วย ถ้าไม่ทำกันจนเกินเลย เพราะถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เจ้าของร้านแนวนี้ “รับสภาพ” ว่าต้องเจออยู่แล้ว
.jpg)
“ที่สำคัญกว่าเรื่องการปรับ คือ อาหารที่เหลือ แล้วนำไปทิ้งนั้น ความจริงนำไปทำทานให้แก่คนเร่ร่อน และให้สัตว์เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดไปได้อีกวัน ดังนั้นหากทานเหลือ เสียดายของ อย่าทำพฤติกรรมซุกซ่อน” เจ้าของร้านรายนี้ กล่าว
ขยับมาที่แถว “ภูธร” กันบ้าง โดย “จ่าเมฆ” เจ้าของร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี บอกว่า พฤติกรรมของลูกค้าที่ทานเหลือส่วนใหญ่มักชอบ“หมก”อาหารเหลือไว้ในถ้วย จาน บางโต๊ะเมื่อทานอิ่มแล้วจะทำทีเป็นคีบอาหารที่ทานเหลือหล่นบนโต๊ะ หรือพื้นบ้าง แล้วจะหยิบมาใส่จาน พร้อมโชว์ “กลเม็ด” สุดเด็ดดวง ด้วยการพูดว่า...
“อื้อหือ!!! เสียดายจัง...
“ตะเกียบ” เริ่มอ้าแล้วคงต้องขอพนักงานใหม่”…
แน่นอนว่าทางร้านต้องเปลี่ยนตะเกียบใหม่ให้ ซึ่งทันทีที่พนักงาน “เผลอ” ลูกค้าจะนำเศษอาหารที่ทานเหลือห่อใส่กระดาษทิสชูที่วางไว้บนโต๊ะ ซึ่งบางโต๊ะใช้ทิสชู “เปลือง” กว่าเติมถ่านเสียอีก ส่วนลูกค้าบางรายที่เลือกโต๊ะติดริมทางนอกร้าน หากทานอิ่มแล้วจะนำอาหารที่เหลือ “โยนทิ้ง” นอกร้าน ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นสกปรก ทางร้านก็ต้องรับผิดชอบทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
“คุณจะมาทานอาหารทางร้านยินดีต้อนรับ แต่อยากให้ลูกค้าคิดด้วยว่าการกินบุฟเฟ่ต์เกินความจำเป็น หรือกินมากไป ทำให้เสียของไปโดยเปล่าประโยชน์ อาหารหนึ่งจานอย่ามองเป็นแค่เศษอาหาร เพราะมันคือสิ่งที่เราต้องทานทุกวัน ดังนั้นทานแต่พอดี อย่ายัดเต็มที่ เพียงแค่ให้รู้สึกว่าตัวเองทานคุ้ม” จ่าเมฆ กล่าว
นี่คืออีกหนึ่งข้อมูลที่บ่งบอกว่าใช่ว่าจะมีแต่เจ้าของร้านที่ถูกปรับมาก “เกินไป” แต่ลูกค้าก็มีพฤติกรรมที่มาก“เกินพอดี” เช่นกัน และบางครั้งลูกค้าที่เปรียบดัง “พระเจ้า” อาจมีพฤติกรรมที่ทำให้เราต้องร้องอุทานว่า “พระเจ้า”ขึ้นมาก็ได้
เหนือสิ่งอื่นใด...เพื่อไม่ให้เกิด “วิวาทะ” เรื่องค่าปรับอาหารเหลือ หรือถ้าไม่อยาก “โดนปรับ” ลูกค้าก็ต้อง“ปรับพฤติกรรม” การกินของตัวเอง และควรพึงระลึกว่า “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า...”
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี