“ฝุ่น” ที่สาดใส่...
“สี” ที่ถูกแต่งแต้ม...
ล้วนทำให้เด็กหรือเยาวชนที่เปรียบเสมือน “ผ้าขาว” เปรอะเปื้อน หมองหม่น ไม่ใสสะอาดอีกต่อไป รอยแล้วรอยเล่า“สะสม-ฝังลึก” กลายเป็น “รอยด่าง” ภายในจิตใจ ก่อเกิดเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับเยาวชนในหลากหลายรูปแบบบางคน “ก้าวร้าว” ชอบใช้กำลัง บางคนภายนอกเงียบขรึม แต่ลึกๆ กลับ “ดื้อตาใส” และแสดงออกในลักษณะ “เอาแต่ใจตัวเอง” หรือ “อยากลอง” ดังจะเห็นได้จากปัญหาต่างๆ ของวัยรุ่นในสังคมยุคปัจจุบัน เช่น การใช้ยาเสพติด ยกพวกตีกัน กระทั่งรุนแรงหนักๆ ถึงขั้น “ฆ่า” หรือ “ข่มขืน” เป็นต้น
บรรดา “นักจิตวิทยา” ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเด็กหรือเยาวชนโดยเฉพาะช่วง “วัยรุ่น” ถือเป็น“วัยแสบ” ที่มีปัญหา “สุขภาพจิต” มากที่สุด อาจเพราะยังมี“วุฒิภาวะต่ำ” ทำให้เกิดความคึกคะนอง ไม่ยั้งคิดขาดการ “ไตร่ตรอง” ถ้ามองปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นให้ลึกลงไปถึง “ราก” หนทาง “เยียวยา-แก้ไข” ให้วัยรุ่นห่างไกลจากสารพัดปัญหา อาจเป็นดั่งแค่...
“เส้นผมบังภูเขา”!!!
“นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ผู้อำนวยการสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในกลุ่มเด็กหรือวัยรุ่นนั้น มาจากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งถือเป็น “รักแรก” ของลูกๆ โดยกลุ่มวัยรุ่นนั้นพบปัญหาที่แก้ไขปัญหาได้ยากที่สุด คือ เรื่องการใช้ “ความรุนแรง” และอาการ “ซึมเศร้า” ซึ่งตรงนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูของ “ครอบครัว”
“นพ.ทวีศิลป์” ระบุว่า อาการ หรือ “โรคซึมเศร้า” เป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง เป็นโรคที่ป่วยทางอารมณ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็น “บ้า” โดยจะทำให้ป่วยทางกาย จิตใจ และความคิด วัยรุ่นหรือใครก็ตามที่ป่วยเป็นโรคนี้จะรู้สึก “ท้อแท้” เหมือนคนไร้ค่า ถ้าอาการป่วยรุนแรงอาจทำให้ถึงขั้น “คิดสั้น” ฆ่าตัวตายได้ จากสถิติพบว่า ผู้ป่วยด้วยโรคนี้จบชีวิตด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” สำเร็จมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า
“วัยรุ่นเริ่มกล้าคิด กล้าโต้แย้ง และกล้าทำ จากเด็กว่านอนสอนง่าย อาจดูดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจจะคิดว่าลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าเขาเพียงต้องการให้ฟังความคิดบ้าง จึงแสดงพฤติกรรมออกมาทางการกระทำและวาจา หรือเลยเถิดไปถึงขั้นทำร้ายตัวเอง หรือสิ่งของ เป็นต้น เพื่อเรียกร้องความสนใจ ดังนั้นพ่อแม่ต้องหัดฟัง หรือยอมรับเหตุผลของลูกบ้าง”
ขณะที่บางครอบครัวเลี้ยงลูกแบบ “ปล่อยปละละเลย” หรือให้ “อิสระ” มากเกินไปก็มีปัญหา เพราะจะเกิด “ช่องว่าง”ระหว่างพ่อแม่กับลูก วัยรุ่นก็จะแสดงออกแบบผิดๆ ทุกครอบครัวต้องอย่าลืมว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากที่สุด
อีกหนึ่งปัญหาที่น่าห่วง คือ วัยรุ่นติด “โซเชียล” งอมแงม ซึ่งไม่อาจสามารถปฏิเสธได้ว่าสังคมโลกยุคปัจจุบัน คือ “สังคมก้มหน้า” และโซเชียลได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือเด็ก โดยเฉพาะเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ ที่วัยรุ่นให้ความสนใจมากกว่าเรียนเสียอีก...
“โลกโซเชียล” ทำให้เด็กห่างไกลจากครอบครัวออกไปทุกที
“นพ.ทวีศิลป์” กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งปัญหา คือ “ละคร” ที่กระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดการแสดงพฤติกรรม “เลียนแบบ” เช่น ฉาก “เลิฟซีน” กลางสวนสาธารณะ วัยรุ่นอาจเลียนแบบได้ ดั่งจะเห็นว่ายุคนี้วัยรุ่นมีการแสดงออกทางเพศ “โจ่งแจ้ง” มากขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันสื่อต่างๆเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะสื่อ “ลามกอนาจาร” จึงเป็นการกระตุ้นความต้องการให้วัยรุ่นอยากรู้ อยากลองมี “เพศสัมพันธ์”
ปัญหาที่ตามมา คือ...
ชิงสุกก่อนห่าม...
ท้องก่อนวัยอันควร...
สุดท้าย...“ทำแท้ง”!!!
“ปัจจุบันวัยรุ่นเรียนรู้ที่จะมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย จนพลาดเกิดการตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่พร้อม สุดท้ายทางออกผิดๆ คือ ทำแท้ง ซึ่งการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นปัจจุบันต่างจากในอดีตมาก เพราะวัยรุ่นเดี๋ยวนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติ ประกอบกับพ่อแม่ หรือผู้ปกครองยังมีความคิดคร่ำครึ มองว่าเร็วเกินไปที่จะคุยเรื่องเพศศึกษากับวัยรุ่น นั่นแหละคือความเสี่ยงที่วัยรุ่นจะท้องก่อนวัยอันควร”
“ละครสะท้อนชีวิตจริง”...
ก่อนหน้านี้ปัญหาวัยรุ่นถูกหยิบยกมาทำเป็นละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด” ที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นในหลากหลายรูปแบบ ละครเรื่องนี้ถือเป็น “ละครน้ำดี” ที่ขนาด “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยังหยิบยกมากล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อเชิญชวนให้ทุกครอบครัวรับชม
และแม้จะ “อวสาน” ไปแล้ว แต่ยังคงถูกพูดถึงในหมู่มาก
ในมุมของ “นพ.ทวีศิลป์” มองว่า ละครเรื่องดังกล่าวสะท้อนถึงปัญหาต่างๆ ในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งนำมาจาก “ชีวิตจริง” เมื่อนำมาทำเป็นละคร ทำให้ผู้ชมมองเห็นภาพ รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ ได้ ยิ่งถ้าคนดูเป็นผู้ปกครองด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้ได้เรียนรู้ และมีตัวอย่างแผนสำหรับรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับลูกๆ ของตนเองได้เร็วขึ้น ซึ่งต้องขอบคุณผู้ผลิตละครดังกล่าวที่ถึงแม้ละครจะจบลงไปแล้ว แต่ยังสะท้อนภาพของสังคมได้ดี โดยที่ไม่ต้องมีฉากเลิฟซีนมาเรียก “เรตติ้ง”
“นพ.ทวีศิลป์” กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับปัญหาในกลุ่มวัยรุ่นนั้น การ “ป้องกัน-เยียวยา” ที่ดีที่สุด คือ“ครอบครัว” ควรให้ความอบอุ่น ดูแลเอาใจใส่ลูกๆ ในวัยนี้ให้มากๆ ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พ่อแม่ควรมีความไวเพียงพอที่จะรับรู้การเปลี่ยนแปลงอารมณ์และจิตใจของลูก เพื่อแก้ไขและจัดการปัญหาได้ทันเวลา นอกจากนี้เห็นด้วยกับ “สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน” ที่เสนอให้มี “นักจิตวิทยา”ประจำในโรงเรียน เพราะการที่จะดูแลเด็กที่มีปัญหาได้นั้น ต้องใช้เวลาและสร้างความ “ไว้วางใจ” ให้กับเด็ก ถ้ามีนักจิตวิทยาเข้ามาช่วย “ครูแนะแนว” อีกแรง เชื่อว่าจะสามารถช่วยในการวิเคราะห์ปัญหาให้ตรงจุดได้มากขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ “วัยรุ่น” ล้วนมาจากครอบครัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน สิ่งสำคัญที่สุด คือ “ความรัก” และ “การดูแลเอาใจใส่” ภายในครอบครัวที่จะช่วย “ยับยั้ง” ปัญหา “วัยแสบสาแหรกขาด” ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี