วันจันทร์ ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
กรุงเทพฯ กับนิยาม‘ความโปร่งใส’ ความคาดหวังต่อ‘ผู้ว่าฯ เมืองหลวง’

กรุงเทพฯ กับนิยาม‘ความโปร่งใส’ ความคาดหวังต่อ‘ผู้ว่าฯ เมืองหลวง’

วันพุธ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556, 06.00 น.
Tag :
  •  

 

เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับการหาเสียงในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะวันที่ 3 มีนาคม 2556 หรือก็คือวันอาทิตย์ ที่จะถึงนี้ ชาว กทม. และคนไทยทั้งประเทศ จะได้รู้กันเสียทีว่าใครจะได้มาเป็น “พ่อเมือง” คนใหม่ หลังจากที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ ผู้สมัครที่เป็น “ตัวเต็ง” ทั้งที่สังกัดพรรคและสมัครในนามอิสระ ต่างได้ประชันมุมมอง-วิสัยทัศน์กันมาแล้วแทบทุกด้านในหลายเวที ทั้งความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ด้านเศรษฐกิจ หรือด้านการศึกษา เยาวชนและสังคม


ขณะที่ประเด็นความโปร่งใสในการบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐทุกแห่งกำลังอยู่ในขั้น “วิกฤติศรัทธา” อย่างหนัก เห็นได้จากทุกวันนี้ ประชาชนผู้มีเรื่องทุกข์ร้อน กลับนิยมไปแจ้งองค์กรพัฒนาเอกชน(NGO) หรือสื่อมวลชน แทนที่จะร้องเรียนหน่วยงานรัฐตามขั้นตอน เพราะมองว่าระบบราชการเต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้นจึงเกิดเป็นคำถามและความคาดหวัง ว่าเมืองหลวงอันดับที่ 15ของโลก แห่งนี้ จะสามารถเป็นแบบอย่างแก่ส่วนราชการอื่นๆในทางที่ดีขึ้นได้หรือไม่? และอย่างไร?

เสียงสะท้อนจากภาคเอกชน

“ภาคเอกชนเรา คงไม่มีใครคิดจะไปคอร์รัปชั่นหรอกครับ ถ้าไม่มีการเรียกร้อง หรือว่าไม่จ่ายแล้วทำธุรกิจไม่ได้..มันเป็นมานานแล้ว”

เป็นเสียงสะท้อนจาก ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ (หมายเลข 4) ถึงปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่รัฐจากภาคเอกชน ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน โดยคุณโสภณกล่าวว่า ตนได้ยินเรื่องการรณรงค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นตั้งแต่เด็กๆ แต่จนวันนี้ก็ยังรณรงค์อยู่เช่นเดิม โดยที่ปัญหาแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแต่อย่างใด

“ตั้งแต่เด็กๆ เราเคยได้ยินนะครับ ว่าช่วยกันกำจัดคอร์รัปชั่นให้สิ้น เพื่อให้แผ่นดินไทยอยู่รอด นี่ผมได้ยินมาตั้งแต่ พ.ศ.2520 ผ่านมา 36 ปีแล้ว ประเทศไทยยังอยู่รอด แต่เอาจริงๆ ก็แย่ลงทุกวัน..ทุกวันนี้จะเจริญก้าวหน้าได้ในวงราชการ อยู่ที่ ด.ว.ง.
ครับ ด. คือเด็กของใคร ว. วิ่ง (วิ่งเต้น) หรือเปล่า และ ง. เงินถึงหรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้แย่นะครับ ทำให้ข้าราชการทั้งหลายที่ทำงานอยู่ไม่สามารถทำงานได้ เพราะไม่มีสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ก้าวหน้า ก็หมดกำลังใจทำงาน ทำงานแบบไปวันๆ ก็แย่นะครับ” ดร.โสภณ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ให้ความเห็น

ขณะที่ นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ (หมายเลข 10) อีก 1 ผู้สมัครที่มีชื่อเสียงมาจากภาคธุรกิจเอกชน (ด้านสื่อสารมวลชน) ตั้งข้อสังเกตถึงรายได้ของเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารภาครัฐ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ว่าอาจจะน้อยเกินไปหรือไม่ เมื่อเทียบกับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

“นายกรัฐมนตรีเงินเดือนไม่ถึง 2 แสน เริ่มต้นก็ผิดแล้ว เงินเดือนข้าราชการกับเงินเดือนนักการเมือง ไม่สะท้อนความเป็นจริงของสังคม ต่อบทบาทหน้าที่ นายกรัฐมนตรีไทยรับผิดชอบงบประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท เงินเดือนไม่ถึง 2 แสน ลูกน้องผมยังเงินเดือนมากกว่าเลย ผู้ว่าฯ กทม. เงินเดือน 110,000 บาท ล่าสุดเพิ่งขึ้นมาอีก 3,600 บาท จะขึ้นทำไม? งานศพงานแต่งก็หมดแล้ว”

ผู้สมัครเจ้าของนโยบาย “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” รายนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของข้าราชการการเมือง ที่นอกจากจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมหาศาลแล้ว รายได้ส่วนหนึ่งก็ต้องนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่เรียกว่า “ภาษีสังคม” ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่งงาน หรืองานศพของประชาชนในพื้นที่ ขณะที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ (ข้าราชการประจำ) เงินเดือนก็ยิ่งน้อยลงไปตามลำดับ

กทม.ต้องเป็นแบบอย่าง

เนื่องจาก กทม. มีความสำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย เป็นที่ที่การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เป็นที่ที่การประกอบธุรกิจต่างๆ ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องๆ รวมทั้งเป็นจังหวัดเดียวที่ประชาชนสามารถเลือกผู้ปกครองได้เอง และมีอำนาจค่อนข้างจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกว่าผู้ปกครองในพื้นที่อื่นๆ ทำให้ถูกคาดหวังอย่างมาก ว่าจะเป็นต้นแบบการบริหารอย่างโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลได้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (หมายเลข 16) ในฐานะที่เพิ่งจะลงจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. สมัยล่าสุดมาหมาดๆ ชี้แจงว่า อันที่จริงแล้ว กทม. เป็นหน่วยงานราชการที่ถูกตรวจสอบมากที่สุด ซึ่งนอกจากการตรวจสอบโดยหน่วยงานของรัฐบาลกลาง กับองค์กรอิสระแล้ว ในส่วนของ กทม. เอง ก็มีสภา กทม. และมีสมาชิกเป็นกรรมการตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลกลางไม่มีกลไกดังกล่าว

“สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ คือ กทม. เป็นหน่วยงานที่ถูกตรวจสอบมากที่สุด หน่วยงานของรัฐบาลกลางถูกตรวจสอบโดย สตง. , ป.ป.ช. แล้วก็เพื่อนรักของผมอย่าง DSI เป็นต้น แล้วก็ยังมีคณะกรรมาธิการสามัญสภาผู้แทนราษฎรอีก 35 คณะ คณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภาอีก 24 คณะ ติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณรัฐ และอื่นๆ กทม. ถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานเหล่านี้ ทุกหน่วยงานครับ ขอบข่ายงาน กทม. นี่เกือบจะเท่ากับรัฐบาลกลาง ดังนั้นจึงถูกตรวจสอบเหมือนกัน แต่ กทม. มีของแถม คือคณะกรรมการสามัญ ของสภากรุงเทพมหานครอีก 11 คณะ ดังนั้นถูกตรวจสอบตลอดเวลา มากกว่าหน่วยงานอื่นของรัฐ” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

นอกจากนี้ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวเสริมว่า สิ่งที่อยากเห็นในอนาคต คือเมื่อครบ 15 วัน หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. อย่างเป็นทางการแล้ว จะต้องแถลงนโยบายต่อสภากรุงเทพมหานคร และถ้าทำไม่ได้ตามนั้น สภา กทม. มีสิทธิ์ขอยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เช่นเดียวกับการเมืองภาคใหญ่

ขณะที่คุณโฆสิต เสนอให้ กทม. เป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารแบบเอกชน เช่น ต้องรายงานความคืบหน้าของโครงการต่างๆ เป็นระยะๆ หรือต้องมีการเสนอนโยบายตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง เพราะหากเปรียบเทียบ กทม. เป็นบริษัท ประชาชนชาว กทม. ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้น ที่จ่ายภาษี นำมาลงทุนจ้างคนมาบริหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“การบริหารเอกชนทำยังไง ต้องรายงานผลการดำเนินงาน ก่อนทำอะไรต้องเสนอแผนงาน เพราะชาว กทม. เป็นนายจ้างผม ว่า 4 ปี ผมมีโครงการอะไรบ้าง เสร็จแล้วทุกเดือน ผมก็มารายงานผลการดำเนินงาน เข้าเป้าไม่เข้าเป้าอย่างไร มีปัญหาอะไร ส่วนหนึ่ง
รายงานสภา ส่วนหนึ่งรายงานประชาชน 1 ปี ถ้าไม่เข้าเป้าไม่ต้องรอ ผมลาออกเอง เอกชนเขาทำกันแบบนี้” ผู้สมัครเจ้าของนโยบาย “กรุงเทพฯ 24 ชั่วโมง” กล่าว

ฝากความหวังไว้ที่ ‘เยาวชน’

มีคำกล่าวว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก” ซึ่งก็มักจะเป็นเช่นนั้น เพราะมนุษย์ที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมแบบหนึ่ง ก็จะถูกหล่อหลอมให้มีบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง และที่ผ่านมา เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า วันนี้การคอร์รัปชั่นกลายเป็นสิ่งที่ชินตาในสังคมไทย ถึงขนาดที่ใครมีช่องทางแต่ปฏิเสธที่จะทำ มักจะถูกเหยียดหยามว่าโง่ ไม่รู้จักคว้าโอกาส ปัญหาคือ..แล้วเราจะปล่อยให้เด็กที่เกิดมาใหม่ พบเห็นการคอร์รัปชั่น จนกลายเป็นเรื่องปกติต่อไปหรือไม่?

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า สำหรับผลงานที่ภูมิใจมากอย่างหนึ่งเมื่อครั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. คือโครงการ “โตไปไม่โกง” ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง กทม. กับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ในการร่างหลักสูตรสำหรับสอนเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภายในโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อปลูกฝังให้เด็กมีคุณธรรม-จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้ ที่ผ่านมา นอกจากใน กทม. แล้ว หลักสูตรดังกล่าวยังถูกนำไปสอนในโรงเรียนอื่นๆ ทั้งของเอกชน หรือโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อีกด้วย

“ผมจำได้ว่า สมัยรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ใหม่ๆ ผู้ที่เป็นสื่อที่ดีที่สุด ที่ให้ผู้ใหญ่เลิกสูบบุหรี่ก็คือเด็ก เด็กถูกสอนมาในโรงเรียนว่า สูบบุหรี่มันไม่ดี กลับไปบ้านทำอะไรครับ?..ไปสอนพ่อแม่เอ้าพ่อ! ทำไมยังสูบบุหรี่อยู่ เขาเลิกกันแล้ว ตอนแรกก็ไม่สนใจ แต่ฟังนานๆ เข้า เลิกครับ เยอะมากเลย เด็กนี่เป็นสื่อที่ดีที่สุดถ้าหลักสูตรโตไปไม่โกง มีการนำไปใช้ทั่ว กทม. ไม่ใช่แค่โรงเรียนสังกัด กทม. เท่านั้น ก็จะเปลี่ยนค่านิยม วัฒนธรรมในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นได้

แต่อย่างว่าละครับ ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา ถ้าจะทุบโต๊ะแบบเผด็จการ ปราบคอร์รัปชั่นทันที เอาคนที่คอร์รัปชั่นไปประหารชีวิต ถ้าเราอยากจะปราบคอร์รัปชั่น ด้วยการกลับไปเป็นเผด็จการนั่นก็อีกเรื่องนึง แต่ว่าในประวัติศาสตร์แล้ว ระบอบที่ทุจริตคอร์รัปชั่นมากที่สุดโดยทั่วไป ก็คือระบอบเผด็จการ” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวทิ้งท้าย

คงต้องย้ำกันอีกครั้ง วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2556 ระหว่างเวลา 8.00-15.00 น. ขอเชิญชวนชาว กทม. ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ทุกคน ไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยพร้อมเพรียงกัน และเราหวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ กลุ่มที่ถูกเรียกว่า “พลังเงียบ” ที่คาดว่าน่าจะมีจำนวนถึง 2 ล้านเสียง จะเลิกเงียบแล้วออกมาใช้สิทธิของท่าน ให้ปรากฏการณ์ “ชาว กทม. ใช้สิทธิ์ 100%” เกิดขึ้นจริงๆ ตามที่ทาง กทม. ได้รณรงค์กันมาอย่างต่อเนื่อง

เพราะจะมีประโยชน์อะไร? หากชอบ หากรัก..แต่ไม่ยอมไปเลือก
SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

อิรัก 2 แดง! ช้างศึกพ่ายหวิวชวดแชมป์คิงส์คัพ

เอาไงล่ะทีนี้! GPS นำทางกระบะ ติดบนสะพานคนเดิน-จยย.

(คลิป) เปิดคลิปต้นเรื่อง!! ‘คำผกา’บูลลี่‘หมิว สิริลภัส’

เปิดใจครั้งแรก! 'เพลง ชนม์ทิดา'เผยเหตุเก็บร่าง'เอ๋ ชนม์สวัสดิ์'ไว้ที่บ้านนานกว่า 2 ปี

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved