“อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐอย่างแท้จริง
คุณทราบหรือไม่ว่า?
ประเทศไทย มีระบบประกันสุขภาพ ครอบคลุมสำหรับคนไทยทุกคน โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ 3 กองทุนหลัก ประกอบด้วย กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กองทุนประกันสังคม และ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
“กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ” เป็นกองทุนที่รัฐ จัดให้สำหรับสำหรับข้าราชการและครอบครัว ตั้งแต่ปี 2506 โดยครอบคลุมข้าราชการ ลูกจ้างประจำ บิดา มารดา และบุตร เป็นระบบภาษี (tax-based insurance) ครอบคลุมผู้มีสิทธิประมาณ 4.97 ล้านคน (ร้อยละ 7.6) งบประมาณได้มาจากระบบภาษี โดยพบว่า ปี 2556 ได้รับอนุมัติงบประมาณ 60,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 12,000 บาทต่อคนต่อปี บริหารโดยกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง โดยที่ข้าราชการไม่ต้องจ่ายสมทบเพิ่มอีก มีสิทธิประโยชน์โดยรวมดีกว่าระบบอื่น ครอบคลุมห้องพิเศษ และยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ
“กองทุนประกันสังคม” เป็นระบบสวัสดิการสังคม (social health insurance) ที่ครอบคลุมผู้ประกันตนในระบบ (formal sector) ประมาณ 10.2 ล้านคน (ร้อยละ 15.1)ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2533 งบประมาณที่ใช้มาจากการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล โดยในปี 2556 มีวงเงินรักษาพยาบาล 27,500 ล้านบาท หรือ 2,500 บาทต่อคนต่อปี นอกจากด้านการรักษาพยาบาลแล้วยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีก 6 อย่าง ได้แก่ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และว่างงานบริหารโดยสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน
“กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “บัตรทอง” หรือ “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” เริ่มต้นเมื่อปี 2545 โดยการขยายหลักประกันสุขภาพครอบคลุมคนไทยทุกคน ที่ยังไม่มีหลักประกันสุขภาพ ปัจจุบันครอบคลุมประชาชน 47.7 ล้านคนทั่วประเทศ (ร้อยละ 74.2) งบประมาณที่ได้รับมาจากระบบภาษี (tax-based insurance) โดยพบว่าปี 2556บัตรทองได้รับอนุมัติงบประมาณ 109,718,581,300 บาท หรือ 2,755.60 ต่อคนต่อปี บริหารจัดการโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นองค์กรมหาชนในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข
ประกันสังคม VS บัตรทอง
แม้กองทุนทั้ง 3 จะมีจุดร่วมคือ “บำบัดโรคภัยไข้เจ็บ” ทว่าแต่ละกองทุนก็มีความเหลื่อมล้ำแตกต่างกันเนื่องด้วยทั้ง 3 กองทุนอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของหน่วยงานที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลถึงสิทธิประโยชน์ในการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยภายใต้แต่ละกองทุนแตกต่างกันโดยเฉพาะ 2 กองทุนใหญ่ คือ “ประกันสังคม” และ “หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
จากการเปรียบเทียบ “วิธีการบริหารจัดการโรคเฉพาะ” ระหว่างระบบประกันสังคม และระบบบัตรทอง พบว่า วิธีการเหมาจ่ายรายหัวให้กับโรงพยาบาลนั้น มีการบริหารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โดยบัตรทองจะมีการบริหารจัดการรายโรคเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น และโรงพยาบาลมีความสะดวกในการให้บริการ จึงมีการแยกเป็นงบฯ ผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน โรคค่าใช้จ่ายสูง และโรคเฉพาะอื่นๆ
ขณะที่ประกันสังคมใช้วิธีเหมาจ่ายงบรายหัวทั้งก้อนให้กับโรงพยาบาล และให้โรงพยาบาลไปบริหารจัดการเอาเอง ดังนั้น เมื่อผู้ประกันตนเจ็บป่วยด้วยโรคค่าใช้จ่ายสูงจึงทำให้โรงพยาบาลบ่ายเบี่ยงที่จะรักษา เพราะไม่อยากควักเนื้อต้นทุนค่ารักษา จึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “พารารักษาทุกโรค” คือ ป่วยด้วยอาการอะไรก็ได้ยาพารามาไว้ก่อน แล้วให้ผู้ประกันตนดิ้นรนไปตรวจที่อื่นเอาเอง
สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ
จากการเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ระหว่างระบบบัตรทอง กับระบบประกันสังคม ที่ผู้มีสิทธิและผู้ประกันตนได้รับ พบว่ามีความแตกต่างกันอยู่หลายประเด็น เช่น...
1.ยาและเวชภัณฑ์ ประกันสังคมสามารถใช้ได้ทั้งยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติตามข้อบ่งชี้ ส่วนบัตรทอง สามารถใช้ได้ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ และใช้ในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น(บัญชียาหลักแห่งชาติประกอบด้วยรายการยา 17 กลุ่มมียาทั้งสิ้น 629 รายการ)
2.ทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ส่วนบัตรทอง คุ้มครอง
3.การปลูกถ่ายไขกระดูก กรณีเป็นมะเร็งมาก่อน ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ส่วนบัตรทอง คุ้มครอง
4.การบริการรักษาตัวแบบพักฟื้นและบริการหลังผู้ป่วยกลับบ้าน ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ส่วนบัตรทองคุ้มครอง
5.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านการแพทย์หลังสิ้นสุดการรักษา ประกันสังคม ฟื้นฟูเฉพาะในโรงพยาบาล ส่วนบัตรทอง ให้การฟื้นฟู ทั้งในและนอกโรงพยาบาล
6.การส่งต่อผู้ป่วยทางอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ส่วนบัตรทองคุ้มครอง
7.ยาต้านไวรัสโรคเอดส์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังสัมผัส เช่น ถูกข่มขืน ประกันสังคมไม่คุ้มครอง ขณะที่บัตรทอง คุ้มครอง
9.ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน ประกันสังคมไม่เกิน 300 บาท/ครั้ง (600 บาท/ปี) ส่วนบัตรทองไม่จำกัดจำนวนครั้ง
10.รากฟันเทียม ประกันสังคมคุ้มครอง ขณะที่บัตรทอง ไม่คุ้มครอง
11.อุปกรณ์และอวัยวะเทียม ประกันสังคมมี 81 รายการ ส่วนบัตรทองมี 270 รายการ
(สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ www.nhso.go.th )
แม้ว่าระบบหลักประกันสุขภาพไทยจะมีความก้าวหน้า แต่ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ต้องเร่งแก้ไข
ในตอนต่อไป “สกู๊ปแนวหน้า” จะพาท่านผู้อ่านไปฟังเสียงของผู้ใช้บริการของระบบประกันสังคม และบัตรทอง ว่าพวกเขามีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร?
เพื่อเป็นแนวในการช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม และไม่มีประสิทธิภาพ ของระบบหลักประกันสุขภาพไทย !!
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี