วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
ย้อนรอยมหากาพย์‘บ้านคลิตี้’ วันนี้‘เศษซากมลพิษ’ยังคงอยู่

ย้อนรอยมหากาพย์‘บ้านคลิตี้’ วันนี้‘เศษซากมลพิษ’ยังคงอยู่

วันพุธ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.
Tag :
  •  

ตลอดครึ่งศตวรรษแห่งการเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทย จากสังคมเกษตรกรรมสู่สังคมอุตสาหกรรม โรงงานเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในทุกพื้นที่ มุมหนึ่งส่งผลดีต่อการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้ แต่อีกมุมหนึ่งก็สร้างผลกระทบด้านลบ โดยเฉพาะปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากความเห็นแก่ได้ของผู้ประกอบการบางราย

ที่ผ่านมา มีคดีความระหว่างนายทุนกับภาคประชาชน หรือภาครัฐกับภาคประชาชน ว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่คงไม่มีคดีใดที่อาจถูกเรียกได้ว่าเป็น “มหากาพย์” ที่มีการต่อสู้เรียกร้องยาวนานเท่าคดี “บ้านคลิตี้” เพราะกินระยะเวลานานกว่า 4 ทศวรรษ และบัดนี้เพิ่งจะอยู่ในขั้นตอนการเยียวยาและฟื้นฟูสภาพพื้นที่เท่านั้น


บ้านคลิตี้ อยู่ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “คี่ถี่” ในภาษากะเหรี่ยงที่แปลว่า “เสือโทน” หมายถึงเสือเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม จะแยกจากฝูงไปอยู่ลำพังเพียงตัวเดียว ชุมชนบ้านคลิตี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือคลิตี้บนกับคลิตี้ล่าง ทั้ง 2 ชุมชนมี “ห้วยคลิตี้” ลำน้ำที่เกิดจากห้วยดีกะและห้วยผึ้ง ไหลมาบรรจบกัน ณ ชุมชนคลิตี้บน จากนั้นไหลสู่ชุมชนคลิตี้ล่าง ไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ รวมระยะทาง 22 กิโลเมตร เป็นลำธารสายเลือดหลัก ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง ดำรงชีพด้วยการเกษตรและหาของป่าเป็นหลัก

ปี 2498 มีการขุดแร่ ณ บ่อคลิตี้ (หรือบ่องาม) จากนั้นในปี 2510 บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มกิจการโรงงานแต่งแร่ ณ บริเวณริมห้วยคลิตี้ เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ของลำห้วยดังกล่าว เริ่มจากเมื่อปี 2518 มีรายงานว่าชาวบ้านหลายรายพบเห็นการปล่อยน้ำเสียลงห้วย พร้อมๆ กับพบสัตว์น้ำตายเป็นจำนวนมาก และผู้ที่นำน้ำในลำห้วยไปดื่ม หลายรายมีอาการคันคอและวิงเวียนศีรษะ

ปี 2521 ชาวบ้าน 6 ราย เริ่มร้องเรียนกรณีเหมืองปล่อยน้ำเสีย ทว่าในปี 2523-2524 เมื่อบ่อเก็บน้ำแร่เต็ม โรงแต่งแร่กลับใช้วิธีปล่อยน้ำแร่ลงสู่ลำห้วย และปี 2531 บริษัท ได้เข้ามาขุดบ่อน้ำให้ชาวคลิตี้ล่าง ซึ่งหลังจากขุดบ่อดังกล่าว โรงแต่งแร่ยังคงปล่อยน้ำเสียลงสู่ห้วยคลิตี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ระหว่างปี 2532-2541 มีรายงานว่าพบชาวบ้านล้มป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรายมีอาการคล้ายกันคือท้องเสีย ปวดศีรษะ ชาตามกระดูกและข้อ บางรายตาบอดและเสียชีวิต นอกจากนี้เด็กที่เกิดใหม่หลายรายยังมีความผิดปกติทั้งด้านร่างกายและสติปัญญาด้วย

เมษายน 2541 ข่าวมลพิษในลำห้วยคลิตี้เริ่มปรากฏต่อสาธารณชน พร้อมกับชาวบ้านได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ขอให้ตรวจสอบสภาพน้ำ ขณะเดียวกันทางบริษัท กล่าวว่าที่น้ำเสียไหลลงสู่ห้วยคลิตี้ เนื่องจากบ่อบำบัดน้ำเสียได้รับความเสียหายจากลมพายุ

ในวันที่ 23 เมษายน 2541 กรมทรัพยากรธรณีมีคำสั่งในบริษัท ยุติกิจการแต่งแร่ ทำให้โรงแต่งแร่ปิดทำการ หลังจากนั้นในวันที่ 27 เมษายน 2541 กรมควบคุมมลพิษ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำ ดินตะกอนและซากสัตว์น้ำไปตรวจสอบเป็นครั้งแรก พบว่ามีการปนเปื้อนสารตะกั่วในปริมาณที่สูงมาก ในพื้นที่ด้านใต้ของโรงแต่งแร่และถัดลงไปอีกเกือบ 8 กิโลเมตร

19 มิถุนายน 2541 มีการประชุมร่วมกันของผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกรมทรัพยากรธรณี กรมป่าไม้ กรมอนามัย และบริษัท ผลการประชุมมีมติให้บริษัท ต้องขุดลอกดินตะกอนที่ปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้ไปกำจัด จากนั้นระหว่างปี 2541-2542 บริษัท ได้ดำเนินการขุดไปแล้วรวม 3,753 ตัน และเตรียมสร้างเขื่อนดักตะกอนกึ่งถาวร ขณะเดียวกัน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2542 ชาวบ้านได้รับการตรวจเลือดหาสารพิษเป็นครั้งแรก และพบว่าหลายรายมีปริมาณสารตะกั่วในเลือดในระดับที่สูงมาก

22 พฤษภาคม 2543 กรมควบคุมมลพิษ เข้าตรวจสอบกระบวนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ พบว่ายังคงมีสารตะกั่วปนเปื้อนในปริมาณที่สูง จากนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2545 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอนามัยเกริงกระเวีย เข้ามาปิดป้าย “งดบริโภคน้ำและปลาในลำห้วยชั่วคราว” เพื่อเตือนชาวบ้านมิให้เข้าไปใช้น้ำและจับสัตว์น้ำ

30 มกราคม 2546 ชาวบ้าน 8 คน ฟ้องคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี ให้บริษัท ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 119,036,400 บาท จากนั้นวันที่ 15 สิงหาคม 2549 ศาลพิพากษาให้บริษัท ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 4.26 ล้านบาท คู่ความจึงต้องสู้กันต่อในชั้นอุทธรณ์ และในวันที่ 18 ธันวาคม 2550 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 (แผนกคดีสิ่งแวดล้อม) พิพากษาให้บริษัท ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 29,551,000 
บาท

วันที่ 19 ตุลาคม 2550 ชาวบ้าน 151 คน ฟ้องคดีแพ่งต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี กรณีบริษัท ปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำห้วยคลิตี้ จากนั้น วันที่ 20 ธันวาคม 2553 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษาให้บริษัทและกรรมการบริษัทจ่ายเงิน 36,050,000 บาท ฐานเป็นผู้ก่อมลพิษ และให้ร่วมกันขจัดมลพิษให้หมดสิ้น หากไม่ดำเนินการให้ชาวบ้านมีอำนาจกระทำการแทน โดยบริษัทและกรรมการบริษัทออกค่าใช้จ่าย ภายใต้ พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535

แต่ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 (แผนกคดีสิ่งแวดล้อม) พิพากษาเพิ่มเติมโดยวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 ไม่ได้บัญญัติให้สิทธิชาวบ้านมีอำนาจขอบังคับให้บริษัทและกรรมการร่วมกันฟื้นฟูลำห้วย เพราะเป็นอำนาจของกรมควบคุมมลพิษ (ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น)

ก่อนหน้านี้ ในปี 2547 ตัวแทนชาวบ้าน 22 คน ฟ้องกรมควบคุมมลพิษต่อศาลปกครองกลาง ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าในการฟื้นฟูลำห้วย และในปี 2551 ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาว่ากรมควบคุมมลพิษล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ฟื้นฟูหรือระงับการปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วย และให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 743,226 บาท จากนั้นคดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2556 ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษากรณีนี้ ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 597/2551 ให้กรมควบคุมมลพิษชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 22 ราย รายละ 177,199.55 บาท และให้ติดตามตรวจคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลา 1 ปี และให้กรมควบคุมมลพิษ กำหนดแผนหรือแนวการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ จนกว่าค่าสารตะกั่วในน้ำ ดิน พืชผักและสัตว์น้ำ ในลำห้วยคลิตี้อยู่ในระดับไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี รวมถึงต้องแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบโดยวิธีการเปิดเผย

อีกด้านหนึ่ง กรมควบคุมมลพิษ ได้เริ่มแผนการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ โดยมีการจัดจ้างศูนย์วิจัยด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและสารอันตรายคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ดำเนินโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว (ระยะที่ 1) ซึ่งจะมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 นี้ ในภาคเช้า ณ ชุมชนคลิตี้ล่าง และภาคบ่าย ณ ชุมชนคลิตี้บน ตามลำดับ

นี่คือความทุกข์ยากอันแสนยาวนานของชาวบ้านที่กว่าคดีความจะถึงที่สุด แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ปัจจุบันลำห้วยคลิตี้ยังคงเป็นพื้นที่ปนเปื้อนมลพิษจากสารตะกั่ว ที่ยังไม่สามารถนำน้ำหรือสัตว์น้ำมาใช้อุปโภค-บริโภคได้ และยังไม่แน่ชัดว่าต้องใช้เวลาเท่าใด สภาพน้ำจึงจะกลับมาเป็นปกติ

บทเรียนนี้มีราคาแพง เพราะต้องจ่ายด้วยชีวิตของชาวบ้าน แต่ก็เป็นสิ่งสะท้อนให้สังคมเห็นว่า กว่าภาครัฐและเอกชนจะตื่นตัวกับเรื่องสำคัญนี้ ชาวบ้านก็ต้องเจ็บปวดและล้มตายไปเป็นจำนวนมิใช่น้อย

หมายเหตุ : กิจกรรมการเดินรณรงค์คัดค้านเขื่อนแม่วงก์ของเครือข่าย Green Move Thailand ที่ประกาศเลื่อนไปในครั้งก่อน (19 ต.ค. 2556) จะจัดขึ้นในวันที่ 2 พ.ย. 2556 นี้ เวลา 11.00 น. โดยจะเป็นการเดินจากหน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (การแต่งกาย ชุดขาว-ดำ เพื่อร่วมไว้ทุกข์แด่สมเด็จพระสังฆราชฯ)

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'เป้-บี'นำทีม 'เดอะ สโตน พระแท้ คนเก๊' มอบรายได้รอบพิเศษร่วมสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์

‘อังคณา’ชี้ ประชุม GBC เป็นโอกาสดีของไทยและกัมพูชาในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง

'ศรีสุวรรณ'จี้ป.ป.ช.เร่งส่งศาลรธน.ชี้ขาดคดีโยกงบลง'ดิจิทัลวอลเล็ต-กองทุนสส.-สว.'

'เชฟเฟิร์ส'เปิดตัวเมนูระดับแชมป์Mongni Go Cafe

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved