วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / สกู๊ปพิเศษ
ปัญหา‘คอร์รัปชั่น’ หรือต้องแก้‘นิสัยประชาชน’

ปัญหา‘คอร์รัปชั่น’ หรือต้องแก้‘นิสัยประชาชน’

วันพุธ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556, 02.00 น.
Tag :
  •  

มีผู้กล่าวถึงวงจรการเมืองของไทยไว้ว่า..เมื่อมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ก็พบว่าผู้แทนปวงชนเหล่านี้ล้วนใช้อำนาจไปในทางทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าสู่ตนเองและพวกพ้องเสมอ จากนั้นก็เกิดการชุมนุมประท้วงของฝ่ายที่ไม่พอใจรัฐบาล แล้วทหารก็ถือโอกาสทำรัฐประหาร แต่รัฐบาลทหารก็ไม่อาจอยู่ได้นานเพราะประชาชนต้องการระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นจึงต้องรีบคืนอำนาจให้ประชาชน แต่เมื่อเลือกตั้งแล้วก็ได้รัฐบาลที่มาทุจริตอีก วนไปมาแบบนี้ไม่จบสิ้น เช่นเดียวกัน รัฐบาลที่มาโดยวิธีอื่นๆ ก็พบการทุจริตได้ไม่ต่างกับรัฐบาลเลือกตั้งแต่อย่างใด

ด้วยเหตุนี้ เราจึงพบว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่รู้สึกเบื่อหน่ายการเมือง เพราะมองว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคใด หรือเข้ามาเป็นรัฐบาลด้วยวิธีใด ต่างก็มีข่าวฉาวเรื่องคอร์รัปชั่นทั้งสิ้น ล่าสุด สถิติของ องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ระบุว่าอันดับความโปร่งใสของไทย ปี 2556 อยู่อันดับ 102 จาก 177 ประเทศ จากปี 2555 ที่อยู่อันดับ 88 เรียกว่าร่วงหนักกว่าทุกครั้งนับตั้งแต่มีการจัดอันดับมา


อีกด้านหนึ่ง ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า บางทีการคอร์รัปชั่น อาจจะเป็นนิสัยดั้งเดิมของคนไทยก็ได้ ดังที่มีผู้วิจารณ์ด้วยสำนวนว่า “ทำอะไรตามใจคือไทยแท้” หมายถึงคนไทยไม่ชอบอะไรที่เป็นกฎระเบียบ แต่ชอบใช้วิธีลัดอยู่เสมอแม้หลายครั้งจะดูไม่ถูกไม่ควรเลยก็ตาม

ไม่นานมานี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA Poll) เปิดเผยผลสำรวจในหัวข้อ “พฤติกรรมและปัจจัยการทุจริตคอร์รัปชั่น” ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20–27 พ.ย. 2556 จากประชาชนทั่วทุกภูมิภาค รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,810 คน กระจายทุกระดับการศึกษาและอาชีพ เกี่ยวกับพฤติกรรมการยอมรับการทุจริตคอร์รัปชั่น และปัจจัยที่มีผลต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น

พบว่า “กฎจราจร” เป็นสิ่งที่ถูกละเมิดมากที่สุด โดยร้อยละ 54.70 ระบุว่าเคยขับรถผิดกฎจราจร เช่น ฝ่าไฟแดง ขับรถสวนทาง เป็นต้น และในจำนวนนี้ ร้อยละ 17.69 ระบุว่าอาจจะทำพฤติกรรมดังกล่าวในอนาคต นอกจากนี้ยังพบว่า ร้อยละ 22.60 ยอมรับได้ต่อการขับรถผิดกฎจราจรอีกด้วย

ขณะที่พฤติกรรมทุจริตที่เกี่ยวเนื่องกัน คือการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 31.39 ระบุว่า เคยยอมถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในข้อนี้ร้อยละ 11.46 ระบุว่าอาจจะทำอีกในอนาคต หรือร้อยละ 13.81 ระบุว่าเคยให้ของขวัญหรือติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งก็มีผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 7.01 ระบุว่าอาจจะทำในอนาคต

สอดคล้องกับผลสำรวจของ สำนักวิจัยมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC Poll) หัวข้อ “สถานการณ์ทัศนคติอันตรายของสาธารณชนคนไทยว่าด้วยการยอมรับรัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น ถ้าตนเองได้ประโยชน์ด้วย” ที่ทำการสำรวจประชาชน 17 จังหวัด รวม 2,107 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-5 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมา ระบุว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 65 ตอบว่ายอมรับได้หากรัฐบาลมีพฤติกรรมทุจริตแต่ตนเองนั้นได้ประโยชน์ด้วย

ในจำนวนนี้หากแยกตามกลุ่มอาชีพ พบว่าประชากรระดับรากหญ้า (เช่น เกษตรกรหรืองานรับจ้าง) มีสัดส่วนมากที่สุดคือร้อยละ 78.9 รองลงมาคือนักเรียน-นักศึกษา ทั้งที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่และเป็นอนาคตของชาติ แต่กลับพบว่ามีถึงร้อยละ 73.3 ระบุว่ายอมรับได้กับพฤติกรรมดังกล่าว

เมื่อถามถึงแรงจูงใจที่ทำให้คนกล้าฝ่าฝืนกฎหมาย และเป็นสาเหตุของคอร์รัปชั่น กลุ่มตัวอย่างของ NIDA Poll ร้อยละ 45.88 ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่จริงจัง ไม่เด็ดขาดและล่าช้า ร้อยละ 39.69 ระบุว่าเป็นช่องโหว่ของกฎหมาย และร้อยละ 33.67 ระบุว่า เป็นการได้รับผลประโยชน์มีความคุ้มค่ามากกว่าบทลงโทษทางด้านกฎหมาย สรุปง่ายๆ ก็คือ..เหตุที่คนกล้าทำผิดกฎหมาย เพราะขั้นตอนการพิจารณาคดีมักเป็นไปด้วยความล่าช้า และบทลงโทษที่ค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับหากเลี่ยงกฎหมายได้สำเร็จ จึงมองว่าเป็นความเสี่ยงที่คุ้มค่า

นอกจากเงื่อนไขของกระบวนการตามกฎหมายแล้ว อีกสาเหตุที่อาจจะทำให้เชื่อได้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ชินชากับการคอร์รัปชั่น กลุ่มตัวอย่างของ NIDA Poll ร้อยละ 37.89 ระบุว่าเป็นเพราะสังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ ระบบเครือญาติ-พรรคพวก ซึ่งเอื้อต่อการทุจริตและร้อยละ 29.37 ระบุว่า เป็นการได้รับประโยชน์ (Win-Win) ทั้งสองฝ่าย จึงไม่มีการแจ้งความเอาผิด

ขณะที่ผลการสำรวจของ ABAC Poll หัวข้อ “จุดวิกฤติของปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในหมู่คนไทย จุดวิกฤติของประเทศและผลประโยชน์ของทุกคน” ที่สำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,561 คน ใน กทม. ระหว่างวันที่ 12-16 มี.ค. 2556 ระบุว่าร้อยละ 87.5 มองว่าการเลี้ยงดูปูเสื่อรับรองคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการทำธุรกิจ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัทเอกชนมักกันเงินส่วนหนึ่งเรียกว่า “งบเอนเตอร์เทน” ไว้ใช้ในการดังกล่าวเสมอ

อีกผลการสำรวจที่ย้ำถึงวัฒนธรรมและค่านิยมอันไม่พึงประสงค์นี้ของสังคมไทย คือการสำรวจในโครงการ “คนไทยมอนิเตอร์” ที่ทำการสอบถามความคิดเห็นจากคนไทย 100,000 คนทั่วประเทศในปี 2555 ที่ผ่านมา เช่น เมื่อถามว่าคนไทยมีข้อเสียอย่างไรบ้าง ร้อยละ 44 ซึ่งเป็นความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่มตัวอย่าง ตอบว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ขณะที่ร้อยละ 33 ตอบว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต และร้อยละ 26 ตอบว่าไร้ระเบียบวินัย

เมื่อถามต่อไปว่านิสัยแบบใดที่ควรส่งเสริม มีเพียงร้อยละ 20 ที่ตอบว่าความซื่อสัตย์สุจริต และร้อยละ 15 เท่านั้นที่ตอบว่าความมีระเบียบวินัย และสุดท้าย คนไทยควรปลูกฝังค่านิยมใดให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มากที่สุด มีเพียงร้อยละ 18 ที่ระบุว่าความซื่อสัตย์สุจริต และผู้ที่ตอบว่าความมีวินัยก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะมีเพียงร้อยละ 13 เท่านั้น

จากทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดว่าปัญหาคอร์รัปชั่น อาจไม่ได้เกิดขึ้นจากนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น แต่เกิดขึ้นเพราะประชาชนคนส่วนใหญ่ของสังคมไทยเห็นดีเห็นงามไปด้วย ดังที่ปรากฏจากผลสำรวจแล้วว่าคนไทยจำนวนมากมีค่านิยมรับได้กับพฤติกรรมเหล่านี้หากตนเองได้รับประโยชน์

เมื่อรวมกับกระแสแห่งระบบทุนนิยม ที่วัดคุณค่าของคนด้วยทรัพย์สินเงินทอง ทำนอง “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่” โดยไม่สนว่าทรัพย์สินนั้นมีที่มาอย่างไร ทำให้มีคนไม่น้อย พร้อมที่จะเสี่ยงทำสิ่งผิดๆ เพื่อให้มีความมั่งคั่งในกระเป๋าตนเองและพวกพ้องอยู่เสมอ อีกทั้งด้วยกระบวนการยุติธรรมของไทยที่ยังมีข้อบกพร่องมากมาย ยิ่งเกื้อหนุนให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

คำถามที่ต้องหาคำตอบ..คือเราจะหยุดค่านิยมที่นำไปสู่วงจรวิกฤติของประเทศนี้ได้อย่างไร?

SCOOP@NAEWNA.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

‘ธีรศักดิ์’แฮตทริค!ไทยยิงไม่เลี้ยงถล่มไต้หวัน6-1ทะยานฝูง

รฟท. ยื่นฟ้องศาล เพิกถอนโฉนด รุกเขากระโดง มีชื่อ ‘กรุณา ชิดชอบ-บ.ศิลาชัย’ ครอบครอง

'หมอ'เตือนหมึกพิมพ์จากภาชนะบรรจุอาหาร อาจมีสารรบกวนฮอร์โมน เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม

‘กรมชลประทาน’บูรณาการทุกหน่วยบริหารจัดการน้ำช่วงท้ายฤดูฝน ปรับแผนระบายน้ำ 2 เขื่อนใหญ่

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved