อย่างที่ทราบกันดีว่า..ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 3 ของประเทศที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุดในโลก และมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง “7 วันอันตราย” ทั้งปีใหม่และสงกรานต์ อย่างปีใหม่ 2557 ที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ สถิติแทบจะไม่ต่างกับเมื่อปีใหม่ 2556 แต่อย่างใด แม้ว่าจะรณรงค์กันมาทุกปีก็ตาม
สถิติของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ระบุว่า ระหว่างวันที่ 27 ธ.ค. 2556-2 ม.ค. 2557 เกิดอุบัติเหตุ 3,174 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 366 ศพ และบาดเจ็บ 3,345 คน และสาเหตุก็ยังคงเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ยานพาหนะเร็วกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือดื่มเครื่องดึ่มมึนเมาแล้วขับรถ นอกจากนี้ แม้กระทั่งในวันทั่วๆ ไป ผู้ใช้รถมักฝ่าฝืนสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจร ขับตามในระยะกระชั้นชิด แซงในที่ขับขัน คุยโทรศัพท์ขณะขับรถโดยไม่ใช่อุปกรณ์เสริม (Handfree)
ที่สำคัญ..มีไม่น้อยที่เป็นเยาวชน เหตุเพราะรถยนต์ก็ดี ใบอนุญาตขับขี่ก็ดี ได้มาง่ายเกินไปหรือไม่?
บทความเรื่อง “นักศึกษากับการขับรถยนต์..เหยื่อ อุบัติเหตุทางถนนที่ทุกคนมองข้าม” ในเว็บไซต์ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดวัยรุ่นไทยจึงสามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลออกมาขับได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเอกชนอันเป็นแหล่งรวมของนักศึกษาจากครอบครัวฐานะดีทั้งหลาย อย่างที่ทราบกันดีว่าใครเรียนในสถาบันเหล่านั้นแล้วไม่มีรถขับถือเป็นเรื่องแปลก
“มีคำถามตามมามากมายว่า..ทำไมนิสิต-นักศึกษา ที่กำลังก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย และเพิ่งครบวัยทำใบอนุญาตขับรถยนต์ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) ถึงต้องรีบร้อนใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งสถานศึกษาบางแห่งโดยเฉพาะของเอกชน ผู้นำรถยนต์มาใช้เกือบจะมากกว่าผู้ที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ และถือเป็นแหล่งรวมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ”
บทความดังกล่าว ชี้ให้เห็นค่านิยมบางอย่างของวัยรุ่นไทย และกล่าวต่อไปว่า ยิ่งยุคสมัยใหม่ กลายเป็นยุคที่ชี้วัดกันด้วย “ความเร็ว” จากความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารหรือการเดินทางล้วนรวดเร็วทั้งหมด ทำให้เด็กรุ่นใหม่ๆ นั้นอาจติดนิสัย “ช้าไม่ได้-รอไม่เป็น” เรียกว่าวัฒนธรรมของความเร่งรีบ ทุกอย่างดูต้องรวดเร็วจึงจะถือว่าเก่ง เช่น ใครจะเรียนจบเร็ว หรือใครจะมีมือถือ-มีคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ก่อน และแน่นอน..ใครจะมีรถรุ่นใหม่ก่อนกัน (และรถใครจะแต่งให้เร็ว-แรงได้มากกว่ากัน)
ถึงขนาดมีอาจารย์บางท่าน เขียนระบายความในใจเชิงประชดประชันว่า..นักศึกษาหญิงต้องช่วยเพื่อนนักศึกษาชาย โดยประกาศในมหาวิทยาลัยเลยว่าฉันจะไม่มีแฟนเป็นคนขับรถเร็ว ดื่มเหล้าเก่ง เที่ยวดึก เป็นอันขาด ฉันเกลียดพวกนี้ แบบนี้พวกโชว์แมนจะลดจำนวนลง เพื่อนผู้ชายก็จะตายน้อยลง
ขณะที่ชาติที่เจริญแล้วและท้องถนนอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย บทความดังกล่าวสรุปไว้ว่า..ประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย กระบวนการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จะเข้มงวดกับผู้ที่มาขอใบอนุญาตเป็นครั้งแรก โดยจะขอใบอนุญาตต้องเรียนการขับรถยนต์ และกฎจราจรต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 30 ชั่วโมง ก่อนจะสอบขอใบอนุญาต
เมื่อสอบผ่านได้ใบอนุญาตขับรถยนต์ชั่วคราวแล้ว ก็ยังมีกฎระเบียบในการควบคุมดูแลอีกมากมาย อาทิ ต้องขับโดยมีผู้มีประสบการณ์นั่งไปด้วย ห้ามขับเวลากลางคืน ฯลฯ และที่สำคัญคือ ถ้าเมาแล้วขับจะถูกยึดใบอนุญาตขับรถยนต์ทันที ในขณะใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยกลับมีมาตรฐานที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความเข้มงวดในการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์นั้น นอกจากจะเน้นไปที่วัยรุ่นแล้ว ในอนาคตอาจต้องพิจารณาเกี่ยวกับทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตกันเป็นรายบุคคลด้วย โดย พญ.พิมพ์ภา เตชะกมลสุข แพทยชํานาญการพิเศษ ให้ความเห็นว่า ต่อไปอาจต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดและมีใบรับรองแพทย์ จึงจะสามารถมาขอใบอนุญาตขับรถยนต์ได้
“ที่ผ่านๆ มาเราได้พูดถึงเทคนิคต่างๆ มากมายที่เกี่ยวกับรถยนต์ แต่เรายังไม่เคยพูดถึงคนที่ขับรถเป็นประจำจะก่อให้เกิดผลเสียอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ คืออีกหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตการขับขี่ ที่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ เป็นการยืนยันประวัติด้านการแพทย์และการขับขี่
เพราะส่วนใหญ่การเกิดอุบัติเหตุนั้น บุคคลนั้นอาจมีประวัติของโรคลมชัก การหมดสติ หรือสภาวะอื่นที่มีความบกพร่องของสติสัมปชัญญะ รวมทั้งความผิดปกติด้านการนอนหลับ สภาวะด้านประสาทวิทยา สภาวะด้านจิต ปัญหาด้านการมองเห็นและการได้ยิน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้” พญ.พิมพ์ภา ฝากทิ้งท้าย
จากค่านิยมของสังคมที่เน้นการโอ้อวดเชิงวัตถุ ที่มองว่ารถยนต์ไม่ใช่เพียงยานพาหนะ แต่ยังหมายถึงเครื่องแสดงออกถึงฐานะทางสังคม รวมถึงสารพัดกลยุทธ์ของค่ายรถยนต์ต่างๆ ทำให้คนไทยสามารถหาซื้อรถยนต์มาขับได้ง่าย กับอีกด้านหนึ่ง ต้องยอมรับว่าระบบขนส่งมวลชนของไทยนั้นก็ยังไม่ดีนัก ทั้งความสะดวกสบาย เครือข่ายที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และความปลอดภัย
สิ่งเหล่านี้ยังเป็นปัญหามากโดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ กทม.ทำให้หลายคนยอมที่จะแบกหนี้เงินผ่อนเป็นปีๆ เพื่อให้ได้รถยนต์ส่วนบุคคลมาขับ ดังนั้นแล้วหากไม่สามารถจำกัดการครอบครองรถยนต์ได้ ดังที่มีผู้วิจารณ์ว่าพรรคไหนที่คิดทำเรื่องดังกล่าวคงต้องโดนต่อว่าจากประชาชน หนทางอื่นที่ควรนำมาใช้คือมาตรการทางกฎหมาย ตั้งแต่การเพิ่มความเข้มงวดในการสอบใบอนุญาตขับขี่ ไปจนถึงการกวดขันวินัยจราจร
ซึ่งไม่ใช่ทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ควรทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความเคยชินเป็นนิสัยด้วย
วิภาดา มาลีหวล
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี