ขึ้นชื่อว่า “เครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ใครๆ ก็รู้ว่าทำให้ความสามารถในการควบคุมตนเองลดลง จนแสดงกิริยาอาการที่ไม่เข้าท่าเข้าทีออกมา เรียกว่า “คนเมา” ซึ่งก็หลายแบบ ทั้งเมาแล้วหลับไม่รู้เรื่อง เมาแล้วพูดไม่หยุด หรือแม้กระทั่งเมาแล้วร้องไห้ ซึ่งคนเมาประเภทนี้ไม่มีพิษมีภัยกับใคร ยกเว้นอาจจะดูน่าเบื่อหน่ายกับคนรอบข้างเท่านั้น
แต่คนเมาอีกประเภทที่ถือว่าเป็น “บุคคลอันตราย” เพราะเมาแล้วมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง เช่นออกไปขับรถอย่างคึกคะนองจนเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนผู้อื่นบาดเจ็บล้มตาย หรือเมาแล้ววิญญาณนักเลงอันธพาลเข้าสิง ใครพูดจาไม่เข้าหูก็จ้องจะท้าตีท้าต่อยอย่างเดียว คนเมาประเภทนี้เองที่ก่อความเดือดร้อนรำคาญไปทั่ว อย่างล่าสุดกรณีวัยรุ่นอยู่ในสภาพเมาสุราไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อพนักงานไม่สามารถขายให้ได้เพราะอยู่นอกเวลาจำหน่าย (11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น.) วัยรุ่นคนดังกล่าวกลับข่มขู่และด่าทอพนักงาน
“มีครั้งหนึ่ง เขามาซื้อเบียร์หลังเที่ยงคืน มันก็หมดเวลาขายไปแล้ว เขาก็บอกจะซื้อ..มีอะไรหรือเปล่า? ก็บอกไปว่า ขอโทษนะคะต้องจำหน่ายตามเวลาที่กฎหมายกำหนดค่ะ ขายได้ถึงเเค่เที่ยงคืนเลยเวลาแล้วจำหน่ายไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยอม ก็ยังเดินไปที่ตู้ แล้วหยิบเบียร์มาเปิดแล้วก็ถามว่า..เปิดแล้วจะขายไหม? เราก็บอกไม่ขาย เขาก็ไม่พอใจบอกว่า..ไม่ขายก็ไม่ต้องขายซื้อกินเองละกัน..”
อดีตพนักงานร้านสะดวกซื้อรายหนึ่ง เปิดเผยกับเราถึงประสบการณ์เมื่อต้องพบเจอลูกค้าสภาพเมาสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วงกะดึก ซึ่งแม้ว่าจะพยายามชี้แจงอย่างสุภาพ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์และแสดงพฤติกรรมก่อกวน เคราะห์ดีอยู่บ้างที่พนักงานรายนี้ไม่ถูกทำร้ายร่างกายไปด้วย
พนักงานรายนี้ เล่าต่อไปว่า โดยนโยบายต้นสังกัดแล้วพนักงานทำอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากต้องให้ความใส่ใจกับงานบริการมาก่อนแม้ว่าลูกค้าจะแสดงกิริยาไม่ดีก็ตาม จึงทำได้เพียงพยายามพูดจาให้ลูกค้าเมาแล้วกร่างเหล่านั้นสงบลงเท่านั้น เว้นแต่กรณีหนักจริงๆ เช่น มีการทำร้ายร่างกายพนักงาน จึงจะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากเหตุการณ์ที่มีผู้โพสต์คลิปพนักงานร้านสะดวกซื้อย่านพระราม 2 ถูกวัยรุ่นซึ่งอยู่ในอาการเมาพูดจาข่มขู่เนื่องจากไม่ยอมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาจำหน่าย ซึ่งเหตุเกิดเวลาประมาณ 03.00 น. นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ให้ความเห็นว่า กรณีพนักงานหญิงรายนี้ไม่ยอมขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนดถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม
ถึงกระนั้น ก็แสดงความเป็นห่วงสวัสดิภาพของพนักงานร้านสะดวกซื้อซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพนักงานที่ต้องทำงานช่วงกลางคืนจะมีความเสี่ยงสูงมาก จึงอยากเรียกร้องทั้งกับสถานประกอบการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้หามาตรการมาดูแลความปลอดภัยของพนักงานด้วย
“กรณีแบบนี้มันก็ยังมีอยู่ แต่มันไม่ถูกเปิดเผย ไม่เป็นข่าว แต่กรณีล่าสุดนี้เราก็คิดว่า เราต้องเข้ามาเพื่อชี้ให้เห็นว่ามันไม่ควรจะทำแบบนี้ เพราะถ้าเราไม่ออกมาพูดอะไร สถานการณ์มันก็จะลุกลามไปเรื่อยๆ แล้วก็กลายเป็นว่า คนที่ทำก็ทำได้ ไม่ยอมรับกฎหมาย จริงๆ มันต้องมีการบังคับใช้ ถึงได้เกิดการรณรงค์ ถ้าไม่มีมาตรการแล้ว ผมเชื่อว่าคนทำงานกลางคืนคงจะหวาดเสียว
ถึงได้มีข้อเสนอว่าอย่างน้อยควรจะประสานงานกับตำรวจในพื้นที่ หรือจะทำยังไงให้มีตำรวจมาตรวจเป็นช่วงๆ ซึ่งผมคิดว่าอันนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น กรณีนี้อาจยังไม่ถึงขั้นเอาอาวุธมาทำร้าย แต่อนาคตมันก็น่าห่วง ถ้าเกิดไม่ทำแบบนี้ มันอาจถึงขั้นเอาอาวุธมาทำร้ายได้ ซึ่งเราก็ห่วงอยู่ แล้วพนักงานบางทีก็ไม่รู้ว่าจะป้องกันยังไง” ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าว
อีกด้านหนึ่ง นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ที่หลังทราบเหตุการณ์ในคลิปดังกล่าว ได้นำสมาชิกเครือข่ายจำนวนหนึ่งเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อยื่นหนังสือพร้อมหลักฐาน ร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 14 มี.ค. 2557 ที่ผ่านมา
ทว่าในมุมของตำรวจเองก็หนักใจไม่น้อย เพราะแม้จะมีกฎหมายเกี่ยวกับคนเมา ทั้ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 ระบุว่า..ผู้ใดเสพสุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะหรือสาธารณสถาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท..
หรือ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 29 (2) ระบุว่า..ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้..ซึ่งผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษตาม มาตรา 40 คือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ..แต่ปัญหาคือในทางปฏิบัตินั้นทำได้ยาก เพราะยังไม่มีนิยามตามกฎหมายที่ระบุว่า “คนเมาจนครองสติไม่ได้” นั้นหมายถึงอาการอย่างไร
“ล่าสุดกรณีที่พระราม 2 อันนี้ดำเนินคดีไปเรียบร้อย ส่วนตำรวจตอนนี้เขายังไม่มีมาตรการอะไรออกมาชัดเจน มีแต่เพียงออกมาบอกว่าจะไปคุยกับกระทรวงสาธารณสุข เพราะมันจะมีกฎหมายที่ห้ามขายให้คนเมาครองสติไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีมาตรฐานมาวัดว่าอะไรคือคนเมาครองสติไม่ได้ ซึ่งตอนนี้กำลังเร่งพิจารณาและกำลังจะออกแนวปฏิบัติมา เราไปขอให้ออกแนวปฏิบัติหรือคำแนะนำจากตำรวจ แต่เขายังไม่ออกตัวนี้มา” คุณธีรภัทร์ ระบุ
ปัญหา “เมากร่าง-ก่อกวน-ป่วนเมือง” ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุภาพสตรีที่ต้องทำงานช่วงกลางคืน ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าคนเมาหลายรายเมื่อถูกขัดใจก็มักจะตอบโต้ด้วยความรุนแรง จนผู้ถูกกระทำถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตก็มีมาแล้ว
อีกไม่กี่วัน ฤดูหยุดยาวเพื่อฉลองใหญ่ของคนไทย คือเทศกาลสงกรานต์ก็จะมาถึง คงต้องฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งมีหน้าที่บังคับใช้กฏหมาย ให้เข้มงวดกวดขันกับเรื่องนี้ด้วย
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี