“ปันจักสีลัต” ศิลปะป้องกันตัวของชาวมลายู
ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2557 ผู้เขียนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นแขกรับเชิญในงานพิธีการต่างๆ เป็นจำนวนมากซึ่งผู้เขียนก็จะไปร่วมงานเกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะในเดือน มี.ค. 2557 ได้รับเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงานและผู้เคารพนับถือกันถึง 8 งานเลยทีเดียว และเป็นงานแต่งงานแบบอิสลาม 4 งาน ซึ่งในครั้งนี้ได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว คุณใฮดา มามะ กับ คุณฮากิม สามะแอ ที่บ้านบาเละ ต.แม่ดง อ.แว้ง จ.นราธิวาส
ถึงตรงนี้จึงสนใจที่จะค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม กอปรกับได้ใช้วิชากฎหมายอิสลามในสมัยที่เป็นนักศึกษาเรียนด้านกฎหมายที่เคยลงทะเบียนเรียนกฎหมายอิสลามมาบ้าง และคุยกับผู้มีประสบการณ์โดยตรงตลอด จนได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีงานแต่งงานในหลายครั้งที่ผ่านมา ศาสนาอิสลามนับเป็นศาสนาหนึ่งที่มีชาวไทยนับถืออยู่เป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง
โดยพิธีแต่งงานแบบอิสลามจะเรียกว่าพิธี “นิกะห์” จะเกิดขึ้นได้เมื่อฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงใจที่จะแต่งงานกัน จากนั้นฝ่ายชายจะให้ผู้ใหญ่ไปทำการสู่ขอโดยมีการตกลงค่า “มะฮัร” หรือสินสอดทองหมั้น และกำหนดวันแต่งงาน โดยทั้งคู่ต้องเป็นอิสลาม กล่าวคือผู้มิได้นับถือศาสนาอิสลามหากต้องการแต่งงานกับชาวมุสลิมจะต้องเปิดใจยอมรับความเชื่อของศาสนาอิสลาม และเชื่อในคำสอนของพระอัลเลาะห์ เนื่องจากศาสนาอิสลามมีความเคร่งครัดและมีข้อห้าม ดังนั้นหากเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามเหมือนกับคู่รักก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
พิธีแต่งงานแบบอิสลามมีกฎอยู่ 5 ประการ ดังนี้ 1.ทั้งชายและหญิงต้องเป็นมุสลิม ถ้าแต่งงานกันไปแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนศาสนาให้ถือว่าความเป็นสามีภรรยาสิ้นสุดลงด้วย ถือว่าเป็นการผิดประเวณี 2.ฝ่ายชายจะต้องหาสินสอดทองหมั้น (มะฮัร) ให้กับฝ่ายหญิง และเมื่อแต่งงานกันแล้วสินสอดจะตกเป็นของฝ่ายหญิงเพียงคนเดียว
3.จะต้องมีชายมุสลิมที่มีคุณธรรมมาเป็นพยานในการแต่งงานอย่างน้อย 2 คน 4.จะต้องมี “วะลีย์” หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิงเป็นผู้ทำหน้าที่แต่งงานให้ ซึ่งหากพ่อแม่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ฝ่ายหญิงจะต้องตั้งบุคคลมาเป็นวะลีย์แทน 5.วะลีย์ ของฝ่ายหญิงต้องเป็นผู้เสนอคำขอแต่งงาน (อีญาบ) โดยมีเจ้าบ่าวขานรับ (กอบูล)
การทำพิธีนิกะห์ คือถือเอาฤกษ์สะดวก ทั้ง 2 ฝ่ายในการจัดงานแต่งงาน มักจัดที่บ้านของฝ่ายหญิงโดยจะเริ่มงานก่อน 1 วันก่อนวันพิธีเรียกว่าวันสุกดิบโดยมีการเลี้ยงที่บ้านฝ่ายหญิง ในการเตรียมพิธีนิกะห์นั้น เริ่มจากการแห่ขันหมากของฝ่ายเจ้าบ่าวตามปกติ ซึ่งแขกรับเชิญศาสนาอื่นๆ สามารถเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีได้ พอขบวนขันหมากมาถึงบ้าน เจ้าบ่าวก็จะเข้ามาในที่ประชุม
โดยที่ประชุมจะต้องประกอบไปด้วย 1.ตัวแทนทำพิธีนิกะห์ หรือโต๊ะอิหม่าม 2.เจ้าบ่าว 3.เจ้าสาว 4.พ่อเจ้าสาว หรือตัวแทนพ่อเจ้าสาว โดยมีการซักซ้อมการสนทนาในพิธีร่วมกับเจ้าบ่าว 5.มีพยานรับรู้ซึ่งต้องเป็นอิสลามเป็นชายตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและเป็นหญิงตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป 6.นักอ่าน อัล-กุรอ่าน
ขั้นตอนในพิธีนิกะห์ 1.เมื่อองค์ประชุมครบก็เริ่มอ่านกุรอ่านได้ 2.ฟังคุตบะห์ หรือการให้โอวาทสอนคู่บ่าวสาวจากผู้รู้ อาจเป็นคนเดียวกันกับผู้อ่านอัล-กุรอ่าน หรือเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก็ได้ 3.เจ้าบ่าวและพ่อเจ้าสาว หรือตัวแทน (ที่ได้รับการแต่งตั้งมาแทนพ่อเพื่อมาเป็นผู้ปกครองหรือโต๊ะอิหม่าม/ผู้นำศาสนา) โดยจะมีบทสนทนาโต้ตอบกันซึ่งเปรียบเสมือนพิธีมอบลูกสาวให้ฝ่ายชาย (ขั้นตอนนี้ต้องมีการซักซ้อมกันมาก่อน)
4.หลังจากนั้นเป็นการชี้แจงสินสอดทองหมั้นที่เรียกว่า มะฮัร ให้ที่ประชุมที่เป็นสักขีพยานรับทราบ 5.จากนั้นเป็นพิธีการขอ “ดุอา” คือการขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าจากผู้รู้ 6.เจ้าบ่าวก็ไปรับตัวหรือเชิญเจ้าสาวออกมาได้ ก็จะมีบทสนทนาของคู่บ่าวสาว ก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีนิกะห์ หลังจากนั้นก็จะมีการเลี้ยงฉลองงานแต่งงานกันเรียกว่า “วะลีมะฮ” โดยงานเลี้ยงจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย อยู่ในความพอดีซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม
สำหรับงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว คุณใฮดา มามะ กับ คุณฮากิม สามะแอ ในครั้งนี้ยังได้จัดการแสดงที่อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไว้เป็นอย่างดีและหาชมได้ยากอย่างการแสดง “ปันจักสีลัต” (Pencak Silat) เป็นคำที่มาจากภาษาอินโดนีเซีย คำว่า ปันจัก (Pencak) หมายถึงการป้องกันตัว และคำว่า สีลัต (Silat) หมายถึงศิลปะ
รวมความแล้วหมายถึงศิลปะการป้องกันตนเอง เป็นศิลปะการต่อสู้ของคนเชื้อสายมลายู ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน และพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย คือ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สตูล สงขลา เรียกว่า “สิละ” “ดีกา” หรือ “บือดีกา” เป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท้าเปล่าเน้นให้เห็นลีลา การเคลื่อนไหวที่สวยงาม
ถึงแม้ว่างานนิกะห์ในครั้งนี้จะอยู่ไกลแสนไกล เรียกได้ว่าอยู่สุดปลายด้ามขวานของประเทศไทย แต่สิ่งที่ได้รับคือความประทับใจในการต้อนรับของเจ้าภาพและพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่เป็นอย่างดี อีกทั้งแนวปฏิบัติในพิธีนิกะห์ที่เป็นไปตามหลักคำสอนของศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด ผู้เขียนจึงขอถ่ายทอดเรื่องราวและวิถีวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยมุสลิม ให้สืบทอดตามขนบธรรมเนียมปฏิบัติชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
และขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ นราธิวาส ยะลา ปัตตานี สงขลา สตูล ที่มีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ไม่เหมือนที่ใด หาดูหาชมได้ยาก และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ อีกมากมายกันนะครับ
อาจารย์นุกูล ชิ้นฟัก
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี