‘ซิโก้’ปลุกลูกทีมสู้ตาย
ช้างศึกคึก!
ลุ้นชน‘โสมขาว’ทะลุชิง
เปิดสถิติเป็นรองหลายขุม
คนไทยเฮหยิบได้อีก2ทอง
‘จักรยาน-เทนนิสหญิงคู่’
การแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ ในวันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ ทีมชาติไทย จะดวลกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ เจ้าภาพ ที่สนามอินชอนมุนฮัค สเตเดี้ยม ในเวลา 18.00 น.ช่อง 3 ถ่ายทอดสด โดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนของไทย เปิดเผยว่า การเจอกับทีมใหญ่ระดับเอเชีย คือ สิ่งที่เราต้องการ ยิ่งเจอกับเกาหลีใต้ ที่เป็นทีมที่มีนักเตะคุณภาพสูง และศักยภาพทีมที่สูงมาก เป็นสิ่งที่ท้าทาย เนื่องจากเราจะได้วัดมาตรฐานของตัวเราว่า ปัจจุบันเราได้ยืนอยู่ตรงจุดไหนแล้วของเอเชีย
“ผมได้ชมเกมที่ เกาหลีใต้ เจอกับ ญี่ปุ่น ในรอบ 8 ทีม ซึ่งภาพรวมแล้วสูสีกันมาก เนื่องจากมาตรฐานดีทั้งคู่ แต่ว่า เกาหลีใต้ มีโอกาสมากกว่า ส่วนในเรื่องของจุดโทษ ผมมองว่า ถ้าเข้าข้างหลังก็ควรเป็นจุดโทษ เมื่อดูระบบแล้ว เกาหลีใต้แข็งแกร่ง จึงเป็นการบ้านของผมที่จะทำอย่างไรให้ทีมชนะได้
ต่อข้อซักถามที่ว่า สมัยเป็นนักเตะเคยชนะ เกาหลีใต้ มาแล้ว 2-1 เมื่อปี 1998 รอบ 8 ทีมสุดท้าย “ซิโก้” กล่าวว่า หวังจะเอาชนะเกมนี้ให้ได้แม้ต้องเป็นฝ่ายเจอกับเกมที่กดดัน เพราะกองเชียร์ข้างสนามเป็นเกาหลีใต้แทบจะทั้งหมด ผิดกับเกมเมื่อ 16 ปีก่อน แฟนบอลไทยเต็มสนาม เราเล่น 9 คนชนะได้ 2-1 เป็นความทรงจำที่สุดยอดมากๆ และเมื่อพรุ่งนี้เราเล่น 11 คนจึงไม่จำเป็นต้องกลัว ผมเน้นคุยกับนักเตะว่า เราต้องไม่มีความกลัวเกิดขึ้น แม้การเจอกับเจ้าภาพจะทำให้เป็นรองไปแล้วถึง 90% แต่อีก 10% ที่เหลือ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น หากเราไม่เล่นเกมของเกาหลีใต้ จะทำให้โอกาสกลับมาเป็นของเราทันที
สำหรับ 11 นักเตะที่จะลงสนามมีดังนี้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, อดิศร พรหมรักษ์, นฤบดินทร์ วีรวัฒน์โนดม, สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, นูรูล ศรียานเก็ม และ อดิศักดิ์ ไกรษร
ด้าน เกาหลีใต้ ที่มี คิม จิน ซุ ปราการหลังกัปตันทีมจากฮอฟเฟ่นไฮม์ และ พัค จู โฮ กองกลางจากไมนซ์ ทีมในบุนเดสลีกา เยอรมนี นำทัพ เกมนี้ อี กวัง-จง หัวหน้าผู้ฝึกสอนของ “โสมขาว” เปิดเผยว่า เราเพิ่งผ่านเกมหนักมาในการเจอกับ ญี่ปุ่น ตอนนี้รอเช็คความพร้อมของผู้เล่นอีกครั้ง ซึ่งในการเจอกับทีมชาติไทย ผมเห็นว่า นักเตะไทยมีทีมเวิร์คที่ดีมาก มีนักเตะหลายคนน่าสนใจมากๆ ซึ่งเราก็มั่นใจว่าจะไม่ทำแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่นต้องผิดหวัง เนื่องจากทุกคนหวังเอาไว้กับเหรียญทองครั้งนี้ค่อนข้างมาก
“ผมมองว่าส่วนหนึ่งที่ไทยยังไม่เสียประตู อาจเป็นเพราะเจอทีมที่ยังไม่แกร่งนัก และถ้าหากไทย มาเล่นเกมเน้นรับ แน่นอนว่า เรามีพื้นที่ในการบุกแคบลง ทำให้เราคงจะต้องเน้นเทคนิคการเล่นเฉพาะบุคคลให้มากขึ้น นอกจากนี้ เรายังได้ คิม ชิน-อุค ศูนย์หน้าจากอุลซาน ฮุนได ที่เจ็บตั้งแต่นัดแรก กลับมาอยู่ในทีมแล้ว โดยจะให้ออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรองไปก่อน”
11 ตัวจริงที่จะสนามของเกาหลีใต้ มีดังนี้ ประตู : คิม ซึง กยู, กองหลัง : คิม จิน ซุ, คิม มิน ฮย็อก, ริม ชางวู, จาง ฮยอน ซู(กัปตันทีม), กองกลาง : ซน จุน โฮ, พัค จู โฮ, คิม ซึง แด, คิม ยอง อุค, อี แจ ซอง และกองหน้า : อี ยง แจ
ในส่วนของสถิติการเจอกันของ ไทย กับ เกาหลีใต้ ตามบันทึกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ปรากฏว่า เจอกันมาทั้งสิ้น 53 นัด ไทย ชนะ 8 เสมอ 9 เกาหลีใต้ ชนะ 36 นัด โดยไทยยิงได้ 42 เกาหลีใต้ ยิงได้ 109 ประตู โดยการพบกันที่เกาหลีใต้ ทั้งหมด 7 ครั้ง ไทยแพ้รวด
สำหรับสถิติการพบกันในเอเชี่ยนเกมส์ เจอกันมาทั้งหมด 8 นัด ไทย ชนะ 2 เกาหลีใต้ ชนะ 6 นัด โดยการพบกันมีดังนี้ ปี 1962 ที่อินโดนีเซีย รอบแรก เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 3-2, ปี 1966 ที่กรุงเทพ รอบแรก ไทย ชนะ เกาหลีใต้ 3-0, ปี 1970 ที่กรุงเทพ รอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 2-1, ปี 1974 ที่อิหร่าน รอบแรก เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 1-0, ปี 1978 ที่กรุงเทพ รอบแบ่งกลุ่ม รอบ 2 เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 3-1, ปี 1990 ที่จีน รอบชิงที่ 3 เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 1-0, ปี 1998 ที่กรุงเทพ รอบ 8 ทีม ไทย ชนะ เกาหลีใต้ 2-1(ต่อเวลา) และปี 2002 ที่เกาหลีใต้ รอบชิงที่ 3 เกาหลีใต้ ชนะ ไทย 3-0
ด้าน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มาถึงจุดนี้เชื่อว่าทีมของเราไม่กลัวใครแล้ว นักเตะของเรามีความฮีกเหิม และมีความมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก แม้เราจะเสียเปรียในทุกด้าน แต่เชื่อว่าจะทำผลงานได้ดี ส่วนเงินอัดฉีดนั้น ถ้าชนะได้ สมาคมฟุตบอลฯจะมอบเงินอย่างต่ำที่สุด 21.3 ล้านบาท นอกจากนี้ยังรับจาก บ.โหลทอง โฮลดิ้ง เพิ่มอีก 10 ล้านบาทรวมกับของเดิมจากการผ่านเข้ารอบรองฯอีก 5 ล้านบาทเป็น 15 ล้านบาท และจาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อีก 1 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมขั้นต่ำที่สุด หากทีมชาติไทยชุดนี้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ และการันตีเหรียญเงินมาคล้องคอเป็นจำนวนเงินถึง 36.3 ล้านบาท โดยเฉพาะนัดนี้นัดเดียวอัดฉีด 23 ล้าน ยังไม่รวมโบนัสการยิงประตู
ทางด้านการแข่งขันจักรยาน ประเภทถนน บุคคลหญิง “บรีส” จุฑาธิป มณีพันธุ์ ผงาดคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ หลังจากเข้าเป็นที่ 1 ทำเวลาได้ ทำเวลารวม 3 ชั่วโมง 39 นาที 33 วินาที โดยมี เหงียน ธิ ธัต จาก เวียดนาม ได้เหรียญเงิน และ เซียว เหม่ย หยู จาก ไต้หวัน ได้ทองแดง ครองเหรียญรางวัลนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี หรือตั้งแต่เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ภายหลังการแข่งขัน จุฑาธิป เผยว่ารู้สึกดีใจอย่างที่สุดที่คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ หลังจากเมื่อ 4 ปีก่อน ทำได้แค่ที่ 4 พลาดโอกาสคว้าเหรียญไปอย่างน่าเสียดาย มาครั้งนี้บอกกับตัวเองว่าให้ขี่ให้สนุกและทำให้ได้เท่าที่ซ้อม ซึ่งสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิต และอยากให้พ่อกับแม่มาอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย และ พล.ท. ดร. เดชา เหมกระศรี เลขาธิการสมาคมฯ รวมถึงคุณเอกชัย เศวตสมภพ อุปนายกสมาคมฯ ที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ส่วนเรื่องของสภาพอากาศที่มีฝนตกนั้น จุฑาธิป เผยว่าไม่เป็นปัญหา เพราะคู่แข่งก็ต้องเจอกับสภาพเดียวกัน นอกจากนี้ต้องขอบคุณรุ่นพี่อย่าง จันทร์เพ็ง ที่คอยช่วยเป็นคนขี่หนีและไล่คู่ต่อสู้เพื่อเปิดทางให้ตนสปรินต์แซงคู่แข่งในช่วงก่อนเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ ถือว่า จันทร์เพ็ง มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับเหรียญทองเหรียญนี้
ขณะที่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน แทมมารีน ธนสุกาญจน์ กับ ลักษิกา คำขำ 2 นักเทนนิสสาวไทยคว้าเหรียญทองที่ 6 ให้กับทัพนักกีฬาไทยได้สำเร็จจากเอเชียน เกมส์ครั้งที่ 17 ที่เกาหลีใต้ หลังเฉือนชนะคู่ต่อสู้จากไต้หวัน ไปแบบบีบคั้นหัวใจในช่วง ซูเปอร์ไทเบรกเมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา
โดยการแข่งขันเทนนิส ชิงเหรียญทองที่สนาม โยรูมูล เทนนิส คอร์ต เมืองอินชอน เกาหลีใต้ค่ำวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมาในประเภทหญิงคู่รอบชิงชนะเลิศ โดย2 สาวไทย แทมมารีน ธนสุกาญจน์ กับ ลักษิกา คำขำ ลงลุ้นแย่งเหรียญทองกับ ชิน เหว่ย จาง กับ ซู เหว่ย เซียะ จาก ไต้หวันที่เคยเป็นคู่มือ1 ของโลก ในเซตแรก แทมมีกับลัก ออกสตาร์ทดีเบรกคู่ต่อสู้ได้ในเกมที่ 1 และ 3 ขึ้นนำ 4-2 เกม แต่หลังจากนั้นกลับมาตีเสียเองเยอะ ทำให้ เซียะ กับ จาง ตีเสมอและพลิกนำเป็น 5-4 แต่คู่หูสาวไทย ยังฮึดตีเสมอได้ในเกมของตัวเอง แต่2 เกมสุดท้ายพลาดโดนคู่แข่งเก็บแต้มจากหน้าเน็ต ทำให้ แทมมี และ ลักษิกา แพ้ไปก่อน 5-7
มาเซต 2 รูปเกมเล่นกันสูสี ไล่เก็บแต้มสู้กันได้ จนกระทั่งเกมที่ 8 แทมมี กับ ลัก เริ่มเล่นได้เหนียวขึ้นผิดพลาดน้อยลง และในที่สุดก็ตีเสมอเซตได้ 6-3 มาแย่งแชมป์ช่วงซูเปอร์ไทเบรก อันแสนตื่นเต้นก่อนที่ ลักษิกากับ แทมมี่ จะทำสำเร็จคว้าเหรียญทองด้วยผลชนะ 10-3 ชัยชนะครั้งนี้ทำให้แทมมี่ได้เหรียญทองจากเทนนิสเอเชี่ยนเกมส์เป็นครั้งแรกหลังจากเคยเข้าแข่งขันมาถึง 5 ครั้งตั้งแต่ครั้งที่ 13 ในปี 2541 รวมเวลา16ปีเต็ม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี