1 ต.ค.57 เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันกันแล้วสำหรับกีฬา “เอเชียนเกมส์” ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจนถึงขณะนี้เชื่อว่าแฟนกีฬาชาวไทยไม่มากก็น้อยที่นั่งชม “อินชอนเกมส์” อยู่ในขณะนี้คงมีทั้ง “เสียงเฮ” จากผลงานของนักกีฬาไทย พร้อมๆกับมี “เสียงด่า” ถึงลีลาของเจ้าภาพเกาหลีใต้ที่ “โกง” สารพัดเพื่อผลการแข่งขันที่ดีของชาติตัวเอง
“กอดๆๆ” ไม่ต้องต่อย ก็เข้ารอบ
ไล่เรียง “กลโกง” ของเจ้าภาพเกาหลีใต้ เฉพาะที่นักกีฬาไทยเป็นฝ่าย “ถูกกระทำ” ตั้งแต่วันแรกๆจนถึงวันนี้ ที่เห็นชัดๆและว่ากันว่า “ค้านสายตา” แฟนกีฬาชาวไทยนั้น เริ่มจากกีฬา “มวยสากลสมัครเล่น” ในคู่ที่ “สายลม อาดี” กำปั้นความหวังชาวไทย ที่มีอันต้องตกรอบ 8 คนสุดท้าย ในรุ่นไลท์ ฟลายเวต หรือรุ่น 60 กิโลกรัม เมื่อแพ้คะแนนให้กับ ฮัน ซุลชู นักชกเจ้าถิ่น แบบเหลือเชื่อ ด้วยผลการให้คะแนนจากกรรมการข้างเวทีแบบเป็นเอกฉันท์ 3-0 เสียง
หลังจบการแข่งขันแบบค้านสายตา บรรดานักเลงคีย์บอร์ดชาวไทยทนไม่ไหวออกมา “กระหน่ำ” คอมเมนท์ในโลกโซเชียลมีเดียกัน “กระหึ่ม” ส่วนใหญ่มองว่า “สายลม” แพ้ได้อย่างไร ในเมื่อไล่ต่อยนักชกเจ้าถิ่นได้จะแจ้งกว่า ขณะที่นักชกเจ้าถิ่นได้แต่ “กอด กอด แล้วก็กอด”
ใช่ว่าจะมีแต่ “ขุนพลเสื้อกล้าม” ไทยที่ถูกกระทำ เพราะหลังจากนี้ก็มีการประท้วงกันวุ่นวายในรุ่นแบนตั้มเวต เมื่อ ทักส์ซ็อกต์ ยัมไบร์ นักชกชาวมองโกเลีย ถูกตัดสินให้แพ้คะแนน ฮัม ซัง-เมียง นักชกเจ้าถิ่น แบบค้านสายตา งานนี้ทีมมวยมองโกเลียประท้วงแหลก แต่ไม่เป็นผล
ขณะที่การแข่งขันมวยสากลหญิง รุ่นไลต์เวต รอบรองชนะเลิศ สาริต้า เทวี ของอินเดีย ก็ไม่พอใจที่ถูกตัดสินให้แพ้คะแนน ปาร์ก จิ-นา นักชกเกาหลีใต้ และทำให้ชองธัม โธบา ซิงห์ สามีของเทวี ประท้วงและมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
“ผมไม่สามารถยอมรับผลการตัดสินในลักษณะนี้ได้ เพราะมันผิดพลาด พวกคุณกำลังฆ่ากีฬามวยนะ รู้หรือเปล่า” ซิงห์ กล่าว
“ขนไก่”เจอฤทธิ์“ผีช่องแอร์”
อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่เป็นความหวังของไทยอย่าง “แบดมินตัน” ก็มีข้อกังขาคล้ายจะโดน “กลโกง” จากเจ้าภาพ เมื่อมีการวิจารณ์กันอย่างหนาหูว่าที่ “น้องเมย์” รัชนก อินทนนท์ นักตบลูกขนไก่มือระดับโลกของไทย ต้องแพ้ให้กับ แบ ยอน จู เจ้าภาพ 2-1 เซต ตกรอบ 8 คนสุดท้ายในการแข่งขันแบดมินตันหญิงเดี่ยว เพราะมี “ลมปริศนา” เข้ามาช่วยเจ้าภาพ ซึ่งตัวแทนนักกีฬาจากจีนและญี่ปุ่นก็ “เห็นพ้อง” ในเรื่องนี้
งานนี้ “น้องเมย์” แพ้ให้กับ แบ ยอน จู แบบ “หมดรูป” ด้วยคะแนน 4-21 , 18-21 และ 8-21 ซึ่งด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างมากจนเกินไปทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ติดตามชมการแข่งขันในสนามได้ตั้งข้อสังเกตว่าการตีลูกของ “น้องเมย์” ดูแปลกไป เหมือนมีปัญหาเรื่องการคุมน้ำหนักลูก ซึ่งน่าจะเกิดจาก “ลม” ที่พัดในสนาม เช่นเดียวทีมแบดมินตันจากประเทศต่างๆที่ได้มีการกล่าวถึงลมปริศนาในสนามเช่นกัน
เว็บไซต์บิสสิเนสรีคอร์เดอร์ อ้างบทสัมภาษณ์ของตัวแทนนักกีฬาจากจีน ที่มีความเห็นพ้องกันในเรื่องนี้ว่า ระบบระบายความร้อนและเครื่องปรับอากาศในสนามส่งผลกระทบต่อทิศทางของลูก และรูปแบบในการเล่นมาก สนามทั้ง 2 ฝั่งมีความแรงของลมไม่เท่ากัน ในขณะที่นักกีฬาของเกาหลีใต้มีการปรับตัวต่อลมแรงๆในสนามได้ดีกว่า
“ลี ยอง โป” หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมแบดมินตันจีน กล่าวว่า ในวันที่ทีมชายของจีนแพ้เกาหลีใต้ ในรอบชิงชนะเลิศ สภาพลมในสนามเกิดจาก “ฝีมือมนุษย์” แน่นอน เกาหลีใต้ตั้งใจที่จะควบคุมกระแสลมพัดในสนาม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง จีนเจอลมแรงมากในฝั่งที่แข่ง แต่พอเปลี่ยนฝั่งเจ้าภาพก็ “ปิดแอร์” ฝั่งที่เกาหลีใต้ลงแข่ง อีกทั้งนักกีฬาของเจ้าภาพก็ได้ลงซ้อมที่สนามแห่งนี้ก่อนแข่งล่วงหน้าถึง 15 วัน
ขณะที่ “เคอิตะ มะสึดะ” โค้ชญี่ปุ่น ชี้ว่าในการแข่งขันแบดมินตันทีมชาย รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ญี่ปุ่นแพ้เกาหลีใต้ กระแสลมในสนามค่อนข้างแปลก เพราะเมื่อญี่ปุ่นเปลี่ยนข้าง ลมก็เปลี่ยนข้างตามมาด้วย โดย เคนอิจิ ทาโกะ มือตบญี่ปุ่นก็สมทบว่า ตนไม่มีประสบการณ์การเล่นในสนามที่มีลมขนาดนี้มาก่อน ซึ่งหลังการแข่งขันทางญี่ปุ่น ก็ออกมาประท้วงว่าเจ้าภาพแอบเล่น “ตุกติก” หรือไม่
ด้าน “สมพล คูเกษมกิจ” ผู้ฝึกสอนแบดมินตันทีมชาติไทย กล่าวว่า เรื่องกระแสลมที่เป็นปัญหานั้น เป็นเรื่องที่นักกีฬาไทยต้องควบคุมสถานการณ์และควบคุมตัวเองให้ได้ เพราะถ้าเป็นลมธรรมชาติ ทุกคนต้องเจอหมด
เรื่องของ “ลมปริศนา” นั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไปว่าสุดท้ายมันเป็นลมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือเป็น “ลมช่องแอร์” ที่มี “พลังงานบางอย่าง” ทำให้เกิดขึ้น???
เชิ้ตดำ“มาตามนัด”...“ช้างศึก”เจอจุดโทษชวดชิง
เพิ่งจบไปสดๆร้อนๆสำหรับฟุตบอลชายไทย ที่พ่าย เกาหลีใต้ 0-2 ร่วงตกรอบรองชนะเลิศไปอย่าง “เจ็บแสบ” ซึ่งในโลกออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือเว็บบอร์ดชื่อดังต่างยังพูดถึงเกมของคู่นี้แบบ “อารมณ์ค้าง”!!!
จังหวะที่ทัพ “ช้างศึก” เสียประตู 1-0 ต้องยอมรับว่าเรา “พลาดเอง” แต่จังหวะที่ทำให้แฟนบอลทัพ “ช้างศึก” ต้องมีอารมณ์เห็นจะเป็นประตูหนีห่าง 2-0 ของเกาหลีใต้ ที่ได้จาก “จุดโทษ” กังขา เพราะจังหวะนั้นเมื่อดูภาพช้าไม่ว่าจะกี่ครั้งก็จะเห็นว่าเป็นการทำฟาวล์ “นอกกรอบเขตโทษ” แต่แนวรุกเจ้าถิ่น ดันพุ่งล้มเข้าไปในเขตโทษ และกรรมการดัน “บ้าจี้” รีบเป่าเป็นจุดโทษให้ทันที ก่อนที่เจ้าถิ่นจะสังหารเข้าไป
อีกหนึ่งจังหวะที่ทำให้แฟนบอลชาวไทย “ฉุนขาด” ก็น่าจะเป็นช่วงท้ายๆเกมที่ผู้เล่นเจ้าถิ่นล้มตัวลงนอนขวางการเล่นของไทย แถมยังใช้ “มือ” เล่นบอลในกรอบเขตโทษ แต่กรรมการดันไม่บ้าจี้ให้จุดโทษกับไทย ครั้นจะว่ากรรมการโดนบัง มองไม่เห็นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันเป็นพฤติกรรมที่เกิด “ซึ่งหน้า” กรรมการชัดๆ นี่ยังไม่นับจังหวะฟาวล์อีกหลายๆจังหวะที่แฟนบอลมองว่ากรรมการมักเป่า “เข้าข้าง” แข้งเจ้าภาพมากกว่า คล้ายกับ “รับงาน” มา
ก่อนการแข่งขันเชื่อว่าบรรดาแฟนบอล และสต๊าฟโค้ชทัพ “ช้างศึก” ก็คงผวา และ “ทำใจ” รอรับกับการตัดสินของกรรมการอยู่แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าจะ “มาตามนัด” ซะขนาดนี้
ทั้งหมดทั้งมวล คือ “กลโกง” ของเจ้าภาพที่ทัพนักกีฬาไทยต้องเผชิญ ซึ่งก็คงได้แต่ขอให้ “ทำใจ” เพราะจะว่าไปการแข่งขันกีฬาหลายๆครั้งที่เกาหลีเป็นเจ้าภาพมักจะมาพร้อมกับเรื่องนี้ จนมีหลายๆคนพูดว่าเกาหลีกับการโกงมันของคู่กัน เพราะขนาด “หน้าตา” เกาหลียังโกงได้เลย!!!
ไฮไลท์ฟุตบอลเอเชี่ยนเกมส์ "ไทย VS เกาหลีใต้" 0 - 2
ดูกันชัดๆ จังหวะนี้ไทยควรได้จุดโทษ (หรือไม่)??
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี