เผยพ.ร.บ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ฉบับ ปี พ.ศ. มีทั้งหมด 10 หมวด 138 มาตรา มีหมวดจัดตั้ง “บอร์ดกีฬา” ตั้งกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และหมวดลงโทษผู้มีความผิดถึงติดคุกด้วย
พ.ร.บ. การกีฬาแห่งประเทศไทย ฉบับใหม่ ปี พ.ศ. ... นี้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) รับหลักการไว้พิจารณาตั้งกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขในวาระที่ 2 และ 3 ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาเสร็จและนำออกมาบังคับใช้แทนฉบับปี พ.ศ.2528 ได้ภายในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี้แน่นอน
ในพ.ร.บ.การกีฬาฉบับใหม่มีหมวดที่น่าสนใจคือ หมวด 1 การจัดตั้งกองทุนและทุนสำรองดังนี้ “มาตรา 6” ให้จัดตั้งองค์การขึ้นเรียกว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กกท.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “SPORTS AJTHORITY OF THAILAND” เรียกโดยย่อว่า “SAT” และให้มีตราเครื่องหมายของ “กกท.”
มาตรา 7 ให้ กกท. เป็นนิติบุคคล มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดใกล้เคียง และจะจัดตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดภายในหรือภายนอกราชอาณาจักรก็ได้ แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
หมวด 2 คณะกรรมการและผู้ว่าการ “...” มาตรา 14 “ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย” ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกิน7 คน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นกรรมการ
ให้ผู้ว่าการมาเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา 18 เพื่อประโยชน์แห่งกิจการ กกท. ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดของกกท. แล้วรายงานต่อคณะกรรมการ
หมวดที่ 3 “คณะกรรมการกีฬาจังหวัด” มาตรา 26 ในกรณีที่ผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลงและยังมิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ ให้รองผู้ว่าการรักษาการแทนผู้ว่าการ ถ้าไม่มีผู้ว่าการหรือรองผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการ
ในการปฏิบัติหน้าที่ของรองผู้ว่าการหรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการตามวรรคหนึ่ง ให้รองผู้ว่าการ หรือผู้รักษาการแทนผู้ว่าการมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ว่าการ เว้นแต่อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการในฐานะกรรมการ
มาตรา 29 ในแต่ละจังหวัดนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการจังหวัด และให้สำนักงาน กกท.จังหวัด ทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการ งานประชุม การศึกษาข้อมูล และกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานของคณะกรรมการกีฬาจังหวัด
มาตรา 31 คณะกรรมการกีฬาจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) เสนอนโยบาย แผนงาน และโครงการส่งเสริมกีฬาภายในจังหวัดต่อคณะกรรมการ
(2) ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กกท. ตามมาตรา 8
(3) ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือ และสนับสนุน กกท. สมาคมกีฬา และหน่วยงานกีฬาที่เกี่ยวข้องในการแข่งขันกีฬาและการดำเนินกิจกรรมกีฬาของจังหวัด
(4) ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
(5) ปฏิบัติงานอื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา 36 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” ใน กกท. เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา คุ้มครอง ช่วยเหลือ และจัดสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา โดยประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้
(1) เงินบำรุงกองทุนที่จัดเก็บตามมาตรา 37
(2) เงินและทรัพย์สินที่โอนมามาตรา 133
(3) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
(4) เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น
(5) เงินรายได้หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากกองทุน
(6) รายได้ที่เกิดจากการดำเนินการของกองทุน
(7) เงินหรือทรัพย์สินที่ผู้อุทิศให้
(8) รายได้อื่นๆ
ให้ กกท. เก็บรักษาเงินและทรัพย์สินของกองทุนและดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุนตามพระราชบัญญัติดังนี้
เงินและทรัพย์สินตามวรรคหนึ่งให้เป็นของ กกท. เพื่อใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของกองทุนโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
มาตรา 37 ให้กองทุนมีอำนาจจัดเก็บเงินบำรุงกองทุนจากกองทุนผู้มีหน้าที่เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบ ในอัตราร้อยละสองของภาษีที่เก็บจากสุราและยาสูบตามกฎหมาย ว่าด้วยสุราและยาสูบ
ในการคำนวณเงินบำรุงกองทุนตามอัตราที่กำหนดในวรรคหนึ่ง หากมีเศษสตางค์ให้ปัดทิ้ง
หมวดที่ 6 ส่วนที่ 1 การจัดตั้งสมาคมกีฬามาตรา 49 สมาคมกีฬาจะมีขึ้นได้ก็แต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติ
สมาคมกีฬาตามวรรคหนึ่งต้องมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา โดยมีการจัดการแข่งขันกีฬาหรือส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน และอาจมีการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา
มาตรา 50 สมาคมกีฬาต้องมีข้อบังคับและต้องจดทะเบียน เมื่อได้จดทะเบียนแล้วให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล
มาตรา 51 ให้จัดตั้งสำนักงานกลางทะเบียนสมาคมกีฬาขึ้นใน กกท. เพื่อควบคุมการจดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาทั่วราชอาณาจักร และทำหน้าที่เป็นสำนักงานทะเบียนสมาคมกีฬาประจำกรุงเทพมหานคร
ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้สำนักงาน กกท.จังหวัด ทำหน้าที่เป็นสำนักงานทะเบียนสมาคมกีฬาประจำจังหวัด
ให้ผู้ว่าการหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมายเป็นนายทะเบียนกลางสมาคมกีฬาและนายทะเบียนสมาคมกีฬาประจำกรุงเทพมหานคร และให้ผู้อำนวยการสำนักงาน กกท. จังหวัดหรือผู้ซึ่งผู้ว่าการมอบหมายเป็นนายทะเบียนสมาคมกีฬาประจำจังหวัด
ส่วนที่ 5 การเลิกสมาคมกีฬา
มาตรา 89 สมาคมกีฬาย่อมเลิกด้วยเหตุผลหนึ่งเหตุผลใด ดังต่อไปนี้
(1) เมื่อมีเหตุตามที่กำหนดในข้อบังคับของสมาคมกีฬา
(2) ถ้าสมาคมกีฬาตั้งขึ้นไว้เฉพาะระยะเวลาใด เมื่อสิ้นระยะเวลานั้น
(3) เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติให้เลิก
(4) เมื่อสมาคมกีฬาล้มละลาย
(5) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมกีฬาออกจากทะเบียนตามมาตรา 90
(6) ศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 92
เมื่อเลิกสมาคมกีฬาตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศเลิกสมาคมกีฬาในราชกิจจานุเบกษา
หมวดที่ 8 การเงิน การบัญชี และการตรวจสอบ
มาตรา 98 กกท. ต้องทำงบประมาณประจำปี โดยให้แยกเป็นงบลงทุนและงบทำการสำหรับงบลงทุนให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ส่วนงบทำการให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
มาตรา 99 รายได้ที่ กกท. ได้รับจากการดำเนินงานในปีหนึ่งๆ ให้ตกเป็นของ กกท. สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน และเมื่อได้หักค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงาน ค่าภาระต่างๆ ที่เหมาะสม รวมตลอดถึงค่าบำรุงรักษา ค่าเสื่อมราคา เงินสำรองตามมาตรา 12 และเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์ตามมาตรา 97 แล้ว เหลือเท่าใดให้สะสมไว้เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายต่อไป
ส่วนบทลงโทษเขียนไว้ในหมวด 10 มาตรา 110 เขียนไว้ดังนี้ ผู้มีหน้าที่ส่งเงินบำรุงกองทุนตามมาตรา 37 ผู้ใดไม่ส่งเงินบำรุงกองทุน หรือส่งเงินบำรุงกองทุนไม่ครบตามจำนวนที่ต้องส่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับตั้งแต่ห้าเท่าถึงยี่สิบเท่าของเงินบำรุงกองทุนที่ต้องนำส่ง หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดตามวรรคหนึ่งให้อธิบดีกรมสรรพสามิตหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมสรรพสามิต มีอำนาจเปรียบเทียบได้ ทั้งนี้ ให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการเปรียบเทียบคดีตามกฎหมายว่าด้วยสุราและกฎหมายว่าด้วยยาสูบมาใช้บังคับการเปรียบเทียบคดีตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม
มาตรา 111 ผู้ใดดำเนินกิจการของคณะบุคคลหรือสมาคมใดที่มิใช่สมาคมกีฬา โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่ากิจการนั้นเป็นสมาคม
จัทนท์ ทรนง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี